xs
xsm
sm
md
lg

“จิ๋นซีฮ่องเต้” ผู้เป็นมหาราชและทรราชในคนๆเดียวกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปลายรัชสมัยจ้านกว๋อ หรือยุคสงคราม ประวัติศาสตร์เมื่อจีนในยุคนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวของการทำสงครามช่วงชิงความเป็นใหญ่ระหว่างผู้ปกครองรัฐทั้งหลาย ซึ่งยืดเยื้อกินเวลาถึง 500 กว่าปี สร้างความทุกข์ยากลำเค็ญแก่ประชาชนอย่างใหญ่หลวง

จีนในยุคนั้นแบ่งออกเป็น 7 รัฐใหญ่ๆ คือ หาน จ้าว เว้ย ฉู่ เยียน ฉี และฉิน โดยรัฐฉินที่อยู่ฝั่งตะวันตกนับเป็นรัฐที่ทุรกันดาร และล้าหลังที่สุด แต่ว่าเมื่อ“อิ๋งเจิ้ง”ได้ขึ้นครองบัลลังก์(246 ปี ก่อน ค.ศ.)เมื่ออายุ 14 ปี จากนั้นไม่นานอิ๋งเจิ้งได้ ปลดผู้สำเร็จราชการ (หลี่ปู้เหว่ย) ออกจากตำแหน่ง แล้วคุมอำนาจการปกครองทั้งหมด พร้อมกันนี้ยังได้พัฒนารัฐฉินที่เคยล้าหลังให้เป็นรัฐที่เจริญและเรืองอำนาจ

นอกจากนี้ยังได้เปิดรับคนดีมีความสามารถไม่จำกัดถิ่นกำเนิด ซึ่งได้แก่ ซางเอียง แห่งแคว้นเว่ยมาช่วยปฏิรูปกฎหมาย การปกครอง และเศรษฐกิจจนแคว้นฉินรุ่งเรืองและมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ

จากนั้นอิ๋งเจิ๋งได้ใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ทำลายความสามัคคีของรัฐที่ทรงอำนาจที่สุด 6 รัฐในสมัยนั้นลง แล้วผนวกรัฐต่าง ๆ ทีละรัฐเข้ากับรัฐฉิน

ภายในชั่วเวลาสิบปี คือ ตั้งแต่ปีที่ 231-221 ปีก่อนคริสตศักราช อิ๋งเจิ๋งสามารถรวมจีนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ พร้อมๆกับสถาปนารัฐฉิน (ปีที่ 221 ถึงปีที่ 206 ก่อนคริสตศักราช ) ขึ้นโดย อิ๋งเจิ้ง ผู้เป็นกษัตริย์รัฐฉิน ได้เปลี่ยนพระนามพระองค์ว่า“ฉินสื่อหวงตี้”(จิ๋นซีฮ่องเต้) ที่นำคำว่า“หวง”ที่แปลว่า กษัตริย์ รวมเข้ากับคำว่า“ตี้”ที่แปลว่า จักรพรรดิ

เมื่อรวม 2 คำแล้ว แปลว่า“องค์ปฐมจักรพรรดิกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฉิน” ทั้งนี้เพื่อจะให้สืบต่อราชบัลลังก์อยู่ในราชวงศ์ฉินติดต่อกันไปตลอด ไปถึงองค์ที่หมื่น ๆ แต่ว่าจริงๆ ราชวงศ์ฉินอยู่ได้เพียง 15 ปี แต่อย่างไรก็ดี คำว่า“หวงตี้” (ฮ่องเต้) ก็ได้เป็นคำที่กษัตริย์จีนใช้เรียกตัวเองตลอดมา 2,000 กว่าปี

ในช่วงที่จิ๋นซีฮ่องเต้ปกครองแผ่นดินจีน ด้านหนึ่งพระองค์คือมหาราชที่ได้สร้างความเจริญให้กับแผ่นดินจีนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

การสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวขึ้นในประเทศ ด้วยการรวมศูนย์อำนาจการปกครองไว้กับพระองค์ แล้วแบ่งเขตการปกครองในประเทศออกเป็น 36 มณฑล

การกำหนดให้ใช้ตัวอักษรภาษาจีน เป็นอย่างเดียวกันหมดทั่วประเทศ แม้ว่าภาษาพูดจะผิดเพี้ยนกันแต่ว่าภาษาเขียนนั้นใช้เหมือนกัน

การกำหนดใช้กฎหมายอย่างเป็นเอกภาพทั่วประเทศ

การกำหนดให้ใช้เงินตราอย่างเดียวกัน

การกำหนดให้ใช้มาตราชั่ง ตวง วัดอย่างเดียวกัน

และที่โดดเด่นที่สุดก็คือการเชื่อมกำแพงเมืองตามแค้วนต่างเพื่อป้องกันการรุกรานของเผ่าซงหนู จนกลายเป็น "กำแพงเมืองจีน"  1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งนอกจากจะเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองจีนแล้ว กำแพงเมืองจีนยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของแดนมังกรอีกด้วย

แต่ถึงแม้ว่าจิ๋นซีฮ่องเต้จะรวมจีนเข้าเป็นปึกแผ่น และสร้างความเจริญความยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง

แต่อีกด้านหนึ่งพระองค์คือทรราชที่หลายคนยากจะลืมเลือนเช่นกัน เพราะว่าพระองค์กลับสร้างความยิ่งใหญ่บนความลำบากของไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บภาษีอย่างโหดหินถึง 2 ใน 3

นอกจากนี้ยังถูกเกณฑ์ประชาชนไปเป็นทหารบ้าง เป็นกรรมกรบ้าง เพื่อสร้างวัง สร้างกำแพง สร้างสุสาน ทำให้ประชาชนต้องประสบกับความทุกข์ยากลำบาก เท่านั้นยังไม่พอ กฎหมายในสมัยฉิน ยังได้กำหนดโทษไว้เฉียบขาดมาก หากผู้ใดกระทำผิดจะต้องถูกลงโทษทั้งครอบครัว

ประชาชนในสมัยฉินจึงอยู่กันด้วยความหวาดระแวง และเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกนักศึกษาสำนักขงจื๊อพากันไม่พอใจ พวกเขาจึงเลือกต่อสู้กับระบบการปกครองของจิ๋นซีฯด้วยการพูด และเขียนบทความ บทกวีถากถางเยาะเย้ยตำหนิติเตียนการปกครองสมัยนั้น ซึ่งก็สร้างความขุ่นเคืองพระทัยต่อจิ๋นซีฯเป็นอย่างยิ่ง พระองค์จึงมีคำสั่งให้เผาหนังสือต่าง ๆ เช่น ประวัติศาสตร์ บทรวมกวีนิพนธ์ บทร้อยแก้ว โดยเฉพาะหนังสือของสำนักขงจื๊อเสียให้หมดสิ้น

คงเหลือไว้ก็พวก ตำราทางการแพทย์ เกษตรกรรมและตำราอื่น ๆ

จากนั้นไม่นานจิ๋นซีฯก็ได้จับนักศึกษาสำนักขงจื๊อฝังทั้งเป็นเสีย 400 กว่าคน อันเป็นอาชญากรรมที่ถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์มาจนถึงทุกวันนี้

ครั้นเมื่อจิ๋นซีฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ลงในปีที่ 208 ก่อนคริสต์ศักราช จึงทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชนชั้นต่าง ๆ รุนแรงขึ้นและก็รวดเร็วขึ้นด้วย โดยขบถชาวนาครั้งใหญ่ที่นำโดยเฉินเซิ่ง อู๋กว่าง ได้อุบัติขึ้นเป็นคณะแรกในประวัติศาสตร์จีน จากนั้นก็ลุกลามไปทั่วประเทศ ส่งผลให้ราชวงศ์ฉินถูกขบถชาวนาโค่นลงในปีที่ 206 ก่อนคริสต์ศักราช รวมเวลาที่ปกครองประเทศได้เพียง 15 ปีเท่านั้น

ณ วันนี้ จิ๋นซีฮ่องเต้อำลาจากโลกไปกว่า 2 พันปีแล้ว เรื่องราวทั้งด้านมืดและด้านสว่างของฮ่องเต้องค์นี้ได้ถูกนักประวัติศาสตร์จารึกไว้อย่างเที่ยงธรรม ว่า จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นจักรพรรดิที่เป็นทั้งมหาราชและทรราชในตัวคนเดียวกัน แต่ว่าพระองค์ก็ถือเป็น 1 ใน 10 ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองจีนที่โลกไม่มีวันลืมตลอดกาล

กำลังโหลดความคิดเห็น