โดย : กระบี่พลิ้ว

ณ เชิงเขาหลีซัน เมืองซีอาน มณฑลส่านซี
เวลาบ่าย 2 โมงกว่าๆ วันที่ 29 มี.ค. ค.ศ.1974
ในขณะที่ “หยังจื้อฟา” ชาวนาหมู่บ้านซีหยัง กำลังก้มหน้าก้มตาขุดดินเพื่อทำเป็นบ่อน้ำอยู่เพลินๆ ที่เชิงเขาหลีซันที่อยู่ห่างจากตัวเมืองซีอานไปประมาณ 35 กิโลเมตร จู่ๆเขาก็ขุดไปเจอกับซากดินเผาเข้า ซึ่งซากดินเผานี้ไม่ธรรมดาด้วยประการทั้งปวงเพราะว่าเป็นซากดินเผาหัวม้าอายุกว่า 2 พันปี
และการขุดดินครั้งนั้นก็ไม่ใช่การขุดดินธรรมดา แต่ว่านั่นคือจุดกำเนิดของการเปิดกรุ“สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้” ที่เป็นหนึ่งในการค้นพบครั้งสำคัญของมนุษยชาติ ซึ่งหลายๆคนยกให้สุสานจิ๋นซีฯเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกแห่งศตวรรษที่ 20 เลยทีเดียว
ซึ่งจะว่าไปแล้วการค้นพบสุสานจิ๋นซีฯนั้นถือว่ามาจากเหตุบังเอิญโดยแท้?!?

ปัจจุบันสุสานจิ๋นซีฯได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1987 และถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเมืองซีอาน
อนึ่งผู้ใดที่ไปเยือนซีอานแล้ว หากไม่เห็นรูปปั้นทหารดินเผาก็ประมาณว่ายังไปไม่ถึงเมืองซีอาน หรือไปแล้วก็ไม่ได้ออกไปไหน เพราะรูปปั้นดินเผาทหารจิ๋นซีฯนั้นสามารถเห็นได้ทั่วไปทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ มีทั้งตั้งโชว์ตามหน้าร้านอาหาร โรงแรม ตั้งประดับไว้ตามจุดสำคัญในเมือง และก็มีขายทั่วไปตามร้านขายของที่ระลึก ตามโรงแรม นับเป็นสินค้าโอทอปอันดับต้นๆ และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซีอาน
แต่ที่ข้าพเจ้ากล่าวมานั้นเป็นรูปปั้นของเลียนแบบ ส่วนของจริงนั้นต้องไปดูที่สุสานกองทัพทหารจิ๋นซีฯ ที่เชิงเขาหลีซัน ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปชมกองทัพทหารดินเผาของจิ๋นซีฯ หากข้าพเจ้าไม่เล่าเรื่องราวคร่าวๆของ"จิ๋นซีฮ่องเต้" หรือ“ฉินสื่อหวงตี้” ก็ดูจะกระไรอยู่ เพราะฮ่องเต้องค์นี้ถือเป็น 1 ใน 10 ยอดฮ่องเต้โลกไม่ลืมตลอดกาลแห่งแดนมังกรโดยเฉพาะในช่วง 4-5 ปีหลังมานี่ จิ๋นซีนับเป็นฮ่องเต้เบอร์หนึ่งแห่งเมืองจีนไปโดยปริยาย อันเป็นผลพวงมาจากบทประพันธ์เรื่อง “เจาะเวลาหาจิ๋นซี” ของหวงอี้ และภาพยนตร์เรื่อง “ฮีโร่”จากฝีมือกำกับของจางอี้โหมว

จิ๋นซีฮ่องเต้ ชื่อนี้นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ต่างพากันยกให้เป็นทั้งมหาราชและทรราชอยู่ในคนๆเดียวกัน
สำหรับความเป็นมหาราชของจิ๋นซีฮ่องเต้นั้น เริ่มจากการรวบรวมประเทศจีน ซึ่งแบ่งเป็น 7 ก๊กใหญ่ๆในยุคจ้านกั๋วหรือยุคสงครามที่มีการรบพุ่งกันกว่า 500 ปี ให้เป็นหนึ่งเดียว พร้อมสถาปนา ราชวงศ์ฉิน (221-206 ปี ก่อนค.ศ.)ขึ้นมา
หลังจากนั้นจิ๋นซีฮ่องเต้ก็ได้สร้างคุณูปการมากมายต่อแผ่นดินจีน อาทิ การปกครองด้วยการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่พระองค์เอง การกำหนดให้ใช้ตัวอักษรจีนเป็นอย่างเดียวกันหมดทั่วประเทศ ใช้เงินตราประเภทเดียวกัน กำหนดใช้กฎหมายอย่างเป็นเอกภาพทั้งประเทศ กำหนดมาตรฐานชั่ง ตวง วัด อย่างเดียวกัน รวมถึงยังสร้างถนนหลวงไว้หลายสายด้วยกัน

และที่ยิ่งใหญ่สุดๆก็เห็นจะเป็นการเชื่อมกำแพงเมืองของแคว้นต่างๆเพื่อสกัดการรุกรานของเผ่าซงหนูเผ่าให้กลายเป็น “กำแพงเมืองจีน” หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเมืองจีน
จากด้านสว่างสลับอารมณ์มาดูด้านมืดหรือด้านทรราชของฮ่องเต้องค์นี้กันบ้าง
เมื่อรวมจีนเป็นปึกแผ่นจิ๋นซีฮ่องเต้ก็ปกครองเมืองจีนด้วยอำนาจเหล็กอันเหี้ยมโหด ที่ใครขัดขืนหากถูกจับกุมได้ก็มีแต่ตายสถานเดียว ซึ่งเรื่องราวความเหี้ยมโหดของจิ๋นซีฮ่องเต้ที่โด่งดังในกระแสธารประวัติศาสตร์ก็มี การสังหารหมู่นักศึกษาลัทธิขงจื้อ 400 คนแบบฝังทั้งเป็น และการสังหารนักปราชญ์จำนวนมาก การเผาตำราที่เห็นว่าขัดแย้งกับแนวคิดของตนทำให้วิชาการและ ศิลปะในยุคนั้นพลอยหยุดชะงักลง
นอกจากนี้จิ๋นซีฮ่องเต้ ยังรีดนาทาเร้นส่วยภาษีจากประชาชน เกณฑ์ชาวบ้านจำนวนมากไปสร้างกำแพงเมือง พระราชวัง สวน และสุสาน ทำให้ผู้คนล้มตายกันจำนวนมาก ในขณะที่จิ๋นซีฮ่องเต้กลับใช้ชีวิตเสวยสุข ซึ่งนี่ถือเป็นการบ่มเพาะความเคียดแค้น
ครั้นพอจิ๋นซีฮ่องเต้ สวรรคตเมื่อ 208 ปี ก่อนค.ศ. หลังจากนั้นอีก 2 ปี ราชวงศ์ฉินก็ล่มสลายโดยคลื่นมหาชนได้ร่วมมือกันโค่นล้มราชวงศ์ฉิน ซึ่งรวมระยะเวลาที่ราชวงศ์ฉินครองแผ่นดินจีนก็เพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น แต่ว่าก็เป็น 15 ปีที่มากไปด้วยเรื่องราวอันวิจิตรเพริศแพร้วยิ่งนัก

เอาล่ะ เมื่อรู้เรื่องราวบางส่วนของฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่องค์นี้แล้ว ทีนี่ก็ได้เวลาไปตามดูสิ่งก่อสร้างอันน่าทึ่งของจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ สุสานจิ๋นซีฯกัน
สำหรับสุสานจิ๋นซีฯนั้น อยู่ที่เชิงเขาหลีซัน ห่างจากตัวเมืองซีอานไปทางทิศตะวันออกประมาณ 35 กม. ซึ่งหากนั่งรถไปจากเมืองซีอานประมาณชั่วกว่าๆ เมื่อรถแล่นผ่านเนินดินลูกใหญ่อันเป็นสถานที่ฝังศพของจิ๋นซีฯก็เตรียมลงเที่ยวได้แล้ว เพราะหลังจากนั้นอีกเพียงอึดใจก็จะถึงยังลานจอดรถที่มีรูปปั้นของจิ๋นซีฮ่องเต้ยืนโดดเด่น โดยมีเขาหลีซันเป็นฉากหลัง
ครั้นพอรถแล่นผ่าน “สุสานจักรพรรดิจิ๋นซี”(ที่ฝังพระศพจิ๋นซีฯ) ซึ่งเป็นเนินดินลูกใหญ่ก็เตรียมลงเดินเที่ยวได้แล้ว เพราะหลังจากนั้นอีกเพียงอึดใจก็จะถึงยังลานจอดรถที่มีรูปปั้นของจิ๋นซีฮ่องเต้ยืนโดดเด่น โดยมีเขาหลีซันเป็นฉากหลัง

สำหรับที่ตั้งของหลุมขุดค้นนั้นอยู่ห่างจากที่จอดรถประมาณ 1 กม. ซึ่งเมื่อไปถึงยังหลุมขุดค้น จุดแรกที่ควรไปดูเพื่อความเข้าใจมาที่มาที่ไปของกองทัพทหารดินเผาก็คือที่ห้องฉายวีดีโอ 360 องศา ที่ภายในอุ่นเครื่องด้วยเรื่องราวความเป็นมาของการสร้างกองทัพทหารกินเผา และการขุดค้นทางโบราณคดี ซึ่งถือว่าเป็นการบิวด์อารมณ์ก่อนชมของจริงที่ยอดเยี่ยมไม่เบา
ครั้นพอเข้าชมของจริงข้าพเจ้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆคนจึงยกให้สุสานทหารจิ๋นซีเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก เพราะสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้านั้นดูยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ
ไกด์ชาวจีนได้เล่าให้ฟังว่า จิ๋นซีฯใช้เวลา 37 ปีในการสร้างกองทัพหุ่นดินเผา(246-208 ก่อน ค.ศ.)เพราะเชื่อในชีวิตหลังความตาย ว่าหุ่นทหารเหล่านี้จะตามไปรับใช้และปกป้องในปรโลก ด้วยเหตุนี้หุ่นทหารแต่ละตัวจึงมีขนาดเท่าคนจริง และก็เป็นการจัดทัพเสมือนจริง
โดยเชื่อว่ากองทัพดินเผาทหารจิ๋นซีฯนั้นมีทั้งหมด 8 หลุม แต่ว่าปัจจุบันมีการขุดค้นเพียง 3 หลุม เพราะว่าทางเมืองจีนยังไม่อยากขุดค้นเนื่องจากว่ายังหาวิธีรักษาสีของตัวหุ่นหลังเปิดหลุมให้คงสภาพเดิมไม่ได้ เพราะเดิมนั้นเมื่อขุดหุ่นขึ้นมาใหม่ๆ ทหารแต่ละนายจะสวมชุดสีสดใส โดยส่วนใหญ่จะใส่เสื้อสีชมพู สวมกางเกงสีเขียว และฟ้า แต่ว่าเมื่อเปิดหลุมอากาศและแสงแดดเข้าไปทำปฎิกริยาทำให้สีของหุ่นลอกหายไปกลายเป็นสีดินเผาเพียวๆ

หลุมแรก ถือเป็นแนวหน้าหน่วยกล้าตาย มีหุ่นทหารทำท่าถืออาวุธ(ปัจจุบันไม่มีอาวุธในมือหุ่นดินเผาแล้ว)จำพวกหอก ดาบ กว่า 6,000 นาย ยืนเรียงแถวเป็นระเบียบในหลุมที่ขุดลึกลงไปกว่า 5 เมตร กว้าง 62 เมตร ยาว 230 เมตร รวมพื้นที่กว่า 14,000 ตารางเมตร โดยพวกทหารแนวหน้ายศต่ำจะใส่เสื้อผ้าธรรมดา ส่วนพวกยศขึ้นมาหน่อยจะใส่เสื้อเกราะ ส่วนแถวหลังจะมีรถศึก และม้าศึกตัวขนาดเท่าจริงอ้วนพีดูแข็งแรง รวมถึงทหารในชุดและท่าทางที่พร้อมรบเต็มที่
หลุมที่สอง มีพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร มีหุ่นพลรบประมาณ 1,000 นาย ที่เหลือเป็นขบวนหุ่นม้าศึกและรถม้า ที่เหลือยังไม่ได้ขุดขึ้นมา
ส่วนหลุมที่ 3 มีซากกระดูกสัตว์อยู่ด้านหน้า ว่ากันว่าเป็นเครื่องบูชายัญในพิธีศพ ในหลุมนี้มีทหารที่ขุดแล้ว และรถม้า ม้าศึก รวมกันประมาณ 70 ตัว ที่เหลือยังไม่ได้ขุดขึ้นมาเหมือนหลุมที่สอง จึงเห็นเป็นแนวคันดินชัดเจน
หากเดินผ่านๆดูเหมือนว่าหลุมที่ 3 ไม่ค่อยมีอะไรดู แต่จริงๆแล้วทางด้านซ้ายของประตูทางเข้ามีตู้โชว์หุ่นดินเผาที่สมบูรณ์เห็นรายละเอียดอยู่ในลักษณะท่าทางที่แตกต่างกันหลายตัว ซึ่งหุ่นแต่ละตัวจะมีหน้าตาไม่เหมือนกันโดยหุ่นส่วนใหญ่จะแสดงหน้าตาดุดันตามสไตล์นักรบ
เมื่อดูหลุมที่ 3 เสร็จแล้วก็อย่าเพิ่งรีบกลับ เพราะที่บริเวณหลุมขุดค้นยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้ชมอีกในพิพิธภัณฑ์ที่ได้รวบรวมเอาของดีเอาไว้มากมาย อาทิ ข้าวของเครื่องใช้ในสมัยฉิน เครื่องประดับ สร้อย กำไล อาวุธโบราณ และที่ถือเป็นพระเอกก็คือรถม้าอออกศึกสำริดที่เล็กกว่าของจริงหนึ่งเท่า นับว่าเป็นงานที่น่าสนใจและเห็นถึงวิวัฒนาการการใช้เหล็กในสมัยราชวงศ์ฉินได้เป็นอย่างดี

ข้าพเจ้าหลังจากชมน่าทึ่งของสุสานกองทัพทหารจิ๋นซีฯก็อดนึกไปถึงความยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้แดนมังกรองค์นี้ไม่ได้ เพราะว่านอกจากสุสานทหารฯที่หลายๆคนยกให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกแล้ว จิ๋นซีฮ่องเต้ยังได้ทำการเชื่อมกำแพงเมืองของแคว้นต่างๆเพื่อสกัดการรุกรานของเผ่าซงหนู ให้กลายเป็น“กำแพงเมืองจีน” 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอันลือลั่น
ณ วันนี้แม้ว่าจิ๋นซีฮ่องเต้จะจากโลกไปกว่า 2 พันปีแล้ว แต่ว่าเรื่องราวของพระองค์ยังคงอยู่ให้ผู้คนเล่าขานกันต่อไปทั้งในด้านมืดและด้านสว่าง นับเป็นหนึ่งในฮ่องเต้โลกไม่ลืมแห่งแดนมังกร ซึ่งหากใครได้ไปเที่ยวชมผลงานความยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้องค์นี้ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมืองจีน หรือกองทัพสุสานทหารจิ๋นซีฯ ก็นับว่ายากที่จะลืมเลือนเช่นกัน...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
กองทัพสุสานทหารจิ๋นซีฯ ตั้งอยู่ที่ ตำบลหลินถง เมืองซีอาน มณฑลส่านซี ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ปี ค.ศ.1987 สร้างในตั้งแต่ปี 246-208 ก่อนคริสตกาล ใช้เวลาสร้าง 37 ปี ตั้งแต่จิ๋นซีฯเริ่มขึ้นครองรัฐฉิน (จิ๋นซีฯเมื่อรวมจีนเป็นเป็นปึกแผ่นได้ตั้งราชวงศ์ฉินขึ้นซึ่งราชวงศ์ฉินมีอายุ 15 ปีส่วนจิ๋นซีฯสวรรคตเมื่อ 208 ปี ก่อน ค.ศ.)โดยจิ๋นซีฯสวรรคตไป 2 ปี รัชสมัยฉินก็ถึงกาลอวสาน
ราคาบัตรเข้าชม ช่วง 1 มี.ค. – 30 พ.ย. 90 หยวน ช่วง 1 ธ.ค. –สิ้นเดือน ก.พ. 65 หยวน(1 หยวน ประมาณ 5 บาท) เปิดบริการทุกวัน เวลาจำหน่ายบัตร : 16 มีนาคม – 14 พฤศจิกายน เวลา 8 : 30 – 17 : 30 น. ; 15 พฤศจิกายน – 15 มีนาคม เวลา 8 : 30 – 17 : 00 น.
นอกจากสุสานจิ๋นซีฯแล้ว เมืองซีอานยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอาทิ สุสานจักรพรรดิจิ๋นซี(ที่ฝังพระศพจิ๋นซีฮ้องเต้),บ่อน้ำพุร้อนหัวชิงฉือ อันเป็นที่อาบน้ำของหยางกุ้ยเฟย 1 ใน 4 สุดยอดหญิงงามแดนมังกร ,พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งมณฑลส่านซี ,เจดีย์ห่านฟ้าที่พระถังซัมจั๋งได้เชิญพระไตรปิฎกจากอินเดียมาประดิษฐานไว้ที่นี่
สำหรับเมืองไทยมีบริษัททัวร์ทั่วไปพาเที่ยวสุสานจิ๋นซีฯและเมืองซีอาน หรือหากจะเดินทางไปเองจากเมืองไทยเส้นทางที่สะดวกที่สุดคือ จากกรุงเทพฯเดินทางสู่เมืองซีอาน โดยสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ (สอบถามได้ที่ 1771) จากนั้นโดยสารรถยนต์ต่อไปยังพิพิธภัณฑ์สุสานฯ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองซีอัน ไปทางตะวันออก หรือไม่ก็ขึ้นรถประจำทางสาย 306 ที่บริเวณสถานีรถไฟซีอาน หรือใช้บริการรถโดยสารขนาดเล็ก ราคาตั๋วประมาณ 5 หยวน / คน จอดปลายทางที่พิพิธภัณฑ์สุสานฯ หรือเลือกเช่ารถแท็กซี่ราคาคันละประมาณ 70 - 200 หยวน
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
“จิ๋นซีฮ่องเต้” ผู้เป็นมหาราชและทรราชในคนๆเดียวกัน
1974 โลกตะลึงกองทัพทหารใต้สุสาน
เผยปริศนาในสุสานจิ๋นซี
ณ เชิงเขาหลีซัน เมืองซีอาน มณฑลส่านซี
เวลาบ่าย 2 โมงกว่าๆ วันที่ 29 มี.ค. ค.ศ.1974
ในขณะที่ “หยังจื้อฟา” ชาวนาหมู่บ้านซีหยัง กำลังก้มหน้าก้มตาขุดดินเพื่อทำเป็นบ่อน้ำอยู่เพลินๆ ที่เชิงเขาหลีซันที่อยู่ห่างจากตัวเมืองซีอานไปประมาณ 35 กิโลเมตร จู่ๆเขาก็ขุดไปเจอกับซากดินเผาเข้า ซึ่งซากดินเผานี้ไม่ธรรมดาด้วยประการทั้งปวงเพราะว่าเป็นซากดินเผาหัวม้าอายุกว่า 2 พันปี
และการขุดดินครั้งนั้นก็ไม่ใช่การขุดดินธรรมดา แต่ว่านั่นคือจุดกำเนิดของการเปิดกรุ“สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้” ที่เป็นหนึ่งในการค้นพบครั้งสำคัญของมนุษยชาติ ซึ่งหลายๆคนยกให้สุสานจิ๋นซีฯเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกแห่งศตวรรษที่ 20 เลยทีเดียว
ซึ่งจะว่าไปแล้วการค้นพบสุสานจิ๋นซีฯนั้นถือว่ามาจากเหตุบังเอิญโดยแท้?!?
ปัจจุบันสุสานจิ๋นซีฯได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1987 และถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเมืองซีอาน
อนึ่งผู้ใดที่ไปเยือนซีอานแล้ว หากไม่เห็นรูปปั้นทหารดินเผาก็ประมาณว่ายังไปไม่ถึงเมืองซีอาน หรือไปแล้วก็ไม่ได้ออกไปไหน เพราะรูปปั้นดินเผาทหารจิ๋นซีฯนั้นสามารถเห็นได้ทั่วไปทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ มีทั้งตั้งโชว์ตามหน้าร้านอาหาร โรงแรม ตั้งประดับไว้ตามจุดสำคัญในเมือง และก็มีขายทั่วไปตามร้านขายของที่ระลึก ตามโรงแรม นับเป็นสินค้าโอทอปอันดับต้นๆ และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองซีอาน
แต่ที่ข้าพเจ้ากล่าวมานั้นเป็นรูปปั้นของเลียนแบบ ส่วนของจริงนั้นต้องไปดูที่สุสานกองทัพทหารจิ๋นซีฯ ที่เชิงเขาหลีซัน ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปชมกองทัพทหารดินเผาของจิ๋นซีฯ หากข้าพเจ้าไม่เล่าเรื่องราวคร่าวๆของ"จิ๋นซีฮ่องเต้" หรือ“ฉินสื่อหวงตี้” ก็ดูจะกระไรอยู่ เพราะฮ่องเต้องค์นี้ถือเป็น 1 ใน 10 ยอดฮ่องเต้โลกไม่ลืมตลอดกาลแห่งแดนมังกรโดยเฉพาะในช่วง 4-5 ปีหลังมานี่ จิ๋นซีนับเป็นฮ่องเต้เบอร์หนึ่งแห่งเมืองจีนไปโดยปริยาย อันเป็นผลพวงมาจากบทประพันธ์เรื่อง “เจาะเวลาหาจิ๋นซี” ของหวงอี้ และภาพยนตร์เรื่อง “ฮีโร่”จากฝีมือกำกับของจางอี้โหมว
จิ๋นซีฮ่องเต้ ชื่อนี้นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ต่างพากันยกให้เป็นทั้งมหาราชและทรราชอยู่ในคนๆเดียวกัน
สำหรับความเป็นมหาราชของจิ๋นซีฮ่องเต้นั้น เริ่มจากการรวบรวมประเทศจีน ซึ่งแบ่งเป็น 7 ก๊กใหญ่ๆในยุคจ้านกั๋วหรือยุคสงครามที่มีการรบพุ่งกันกว่า 500 ปี ให้เป็นหนึ่งเดียว พร้อมสถาปนา ราชวงศ์ฉิน (221-206 ปี ก่อนค.ศ.)ขึ้นมา
หลังจากนั้นจิ๋นซีฮ่องเต้ก็ได้สร้างคุณูปการมากมายต่อแผ่นดินจีน อาทิ การปกครองด้วยการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่พระองค์เอง การกำหนดให้ใช้ตัวอักษรจีนเป็นอย่างเดียวกันหมดทั่วประเทศ ใช้เงินตราประเภทเดียวกัน กำหนดใช้กฎหมายอย่างเป็นเอกภาพทั้งประเทศ กำหนดมาตรฐานชั่ง ตวง วัด อย่างเดียวกัน รวมถึงยังสร้างถนนหลวงไว้หลายสายด้วยกัน
และที่ยิ่งใหญ่สุดๆก็เห็นจะเป็นการเชื่อมกำแพงเมืองของแคว้นต่างๆเพื่อสกัดการรุกรานของเผ่าซงหนูเผ่าให้กลายเป็น “กำแพงเมืองจีน” หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเมืองจีน
จากด้านสว่างสลับอารมณ์มาดูด้านมืดหรือด้านทรราชของฮ่องเต้องค์นี้กันบ้าง
เมื่อรวมจีนเป็นปึกแผ่นจิ๋นซีฮ่องเต้ก็ปกครองเมืองจีนด้วยอำนาจเหล็กอันเหี้ยมโหด ที่ใครขัดขืนหากถูกจับกุมได้ก็มีแต่ตายสถานเดียว ซึ่งเรื่องราวความเหี้ยมโหดของจิ๋นซีฮ่องเต้ที่โด่งดังในกระแสธารประวัติศาสตร์ก็มี การสังหารหมู่นักศึกษาลัทธิขงจื้อ 400 คนแบบฝังทั้งเป็น และการสังหารนักปราชญ์จำนวนมาก การเผาตำราที่เห็นว่าขัดแย้งกับแนวคิดของตนทำให้วิชาการและ ศิลปะในยุคนั้นพลอยหยุดชะงักลง
นอกจากนี้จิ๋นซีฮ่องเต้ ยังรีดนาทาเร้นส่วยภาษีจากประชาชน เกณฑ์ชาวบ้านจำนวนมากไปสร้างกำแพงเมือง พระราชวัง สวน และสุสาน ทำให้ผู้คนล้มตายกันจำนวนมาก ในขณะที่จิ๋นซีฮ่องเต้กลับใช้ชีวิตเสวยสุข ซึ่งนี่ถือเป็นการบ่มเพาะความเคียดแค้น
ครั้นพอจิ๋นซีฮ่องเต้ สวรรคตเมื่อ 208 ปี ก่อนค.ศ. หลังจากนั้นอีก 2 ปี ราชวงศ์ฉินก็ล่มสลายโดยคลื่นมหาชนได้ร่วมมือกันโค่นล้มราชวงศ์ฉิน ซึ่งรวมระยะเวลาที่ราชวงศ์ฉินครองแผ่นดินจีนก็เพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น แต่ว่าก็เป็น 15 ปีที่มากไปด้วยเรื่องราวอันวิจิตรเพริศแพร้วยิ่งนัก
เอาล่ะ เมื่อรู้เรื่องราวบางส่วนของฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่องค์นี้แล้ว ทีนี่ก็ได้เวลาไปตามดูสิ่งก่อสร้างอันน่าทึ่งของจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ สุสานจิ๋นซีฯกัน
สำหรับสุสานจิ๋นซีฯนั้น อยู่ที่เชิงเขาหลีซัน ห่างจากตัวเมืองซีอานไปทางทิศตะวันออกประมาณ 35 กม. ซึ่งหากนั่งรถไปจากเมืองซีอานประมาณชั่วกว่าๆ เมื่อรถแล่นผ่านเนินดินลูกใหญ่อันเป็นสถานที่ฝังศพของจิ๋นซีฯก็เตรียมลงเที่ยวได้แล้ว เพราะหลังจากนั้นอีกเพียงอึดใจก็จะถึงยังลานจอดรถที่มีรูปปั้นของจิ๋นซีฮ่องเต้ยืนโดดเด่น โดยมีเขาหลีซันเป็นฉากหลัง
ครั้นพอรถแล่นผ่าน “สุสานจักรพรรดิจิ๋นซี”(ที่ฝังพระศพจิ๋นซีฯ) ซึ่งเป็นเนินดินลูกใหญ่ก็เตรียมลงเดินเที่ยวได้แล้ว เพราะหลังจากนั้นอีกเพียงอึดใจก็จะถึงยังลานจอดรถที่มีรูปปั้นของจิ๋นซีฮ่องเต้ยืนโดดเด่น โดยมีเขาหลีซันเป็นฉากหลัง
สำหรับที่ตั้งของหลุมขุดค้นนั้นอยู่ห่างจากที่จอดรถประมาณ 1 กม. ซึ่งเมื่อไปถึงยังหลุมขุดค้น จุดแรกที่ควรไปดูเพื่อความเข้าใจมาที่มาที่ไปของกองทัพทหารดินเผาก็คือที่ห้องฉายวีดีโอ 360 องศา ที่ภายในอุ่นเครื่องด้วยเรื่องราวความเป็นมาของการสร้างกองทัพทหารกินเผา และการขุดค้นทางโบราณคดี ซึ่งถือว่าเป็นการบิวด์อารมณ์ก่อนชมของจริงที่ยอดเยี่ยมไม่เบา
ครั้นพอเข้าชมของจริงข้าพเจ้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆคนจึงยกให้สุสานทหารจิ๋นซีเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก เพราะสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้านั้นดูยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ
ไกด์ชาวจีนได้เล่าให้ฟังว่า จิ๋นซีฯใช้เวลา 37 ปีในการสร้างกองทัพหุ่นดินเผา(246-208 ก่อน ค.ศ.)เพราะเชื่อในชีวิตหลังความตาย ว่าหุ่นทหารเหล่านี้จะตามไปรับใช้และปกป้องในปรโลก ด้วยเหตุนี้หุ่นทหารแต่ละตัวจึงมีขนาดเท่าคนจริง และก็เป็นการจัดทัพเสมือนจริง
โดยเชื่อว่ากองทัพดินเผาทหารจิ๋นซีฯนั้นมีทั้งหมด 8 หลุม แต่ว่าปัจจุบันมีการขุดค้นเพียง 3 หลุม เพราะว่าทางเมืองจีนยังไม่อยากขุดค้นเนื่องจากว่ายังหาวิธีรักษาสีของตัวหุ่นหลังเปิดหลุมให้คงสภาพเดิมไม่ได้ เพราะเดิมนั้นเมื่อขุดหุ่นขึ้นมาใหม่ๆ ทหารแต่ละนายจะสวมชุดสีสดใส โดยส่วนใหญ่จะใส่เสื้อสีชมพู สวมกางเกงสีเขียว และฟ้า แต่ว่าเมื่อเปิดหลุมอากาศและแสงแดดเข้าไปทำปฎิกริยาทำให้สีของหุ่นลอกหายไปกลายเป็นสีดินเผาเพียวๆ
หลุมแรก ถือเป็นแนวหน้าหน่วยกล้าตาย มีหุ่นทหารทำท่าถืออาวุธ(ปัจจุบันไม่มีอาวุธในมือหุ่นดินเผาแล้ว)จำพวกหอก ดาบ กว่า 6,000 นาย ยืนเรียงแถวเป็นระเบียบในหลุมที่ขุดลึกลงไปกว่า 5 เมตร กว้าง 62 เมตร ยาว 230 เมตร รวมพื้นที่กว่า 14,000 ตารางเมตร โดยพวกทหารแนวหน้ายศต่ำจะใส่เสื้อผ้าธรรมดา ส่วนพวกยศขึ้นมาหน่อยจะใส่เสื้อเกราะ ส่วนแถวหลังจะมีรถศึก และม้าศึกตัวขนาดเท่าจริงอ้วนพีดูแข็งแรง รวมถึงทหารในชุดและท่าทางที่พร้อมรบเต็มที่
หลุมที่สอง มีพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร มีหุ่นพลรบประมาณ 1,000 นาย ที่เหลือเป็นขบวนหุ่นม้าศึกและรถม้า ที่เหลือยังไม่ได้ขุดขึ้นมา
ส่วนหลุมที่ 3 มีซากกระดูกสัตว์อยู่ด้านหน้า ว่ากันว่าเป็นเครื่องบูชายัญในพิธีศพ ในหลุมนี้มีทหารที่ขุดแล้ว และรถม้า ม้าศึก รวมกันประมาณ 70 ตัว ที่เหลือยังไม่ได้ขุดขึ้นมาเหมือนหลุมที่สอง จึงเห็นเป็นแนวคันดินชัดเจน
หากเดินผ่านๆดูเหมือนว่าหลุมที่ 3 ไม่ค่อยมีอะไรดู แต่จริงๆแล้วทางด้านซ้ายของประตูทางเข้ามีตู้โชว์หุ่นดินเผาที่สมบูรณ์เห็นรายละเอียดอยู่ในลักษณะท่าทางที่แตกต่างกันหลายตัว ซึ่งหุ่นแต่ละตัวจะมีหน้าตาไม่เหมือนกันโดยหุ่นส่วนใหญ่จะแสดงหน้าตาดุดันตามสไตล์นักรบ
เมื่อดูหลุมที่ 3 เสร็จแล้วก็อย่าเพิ่งรีบกลับ เพราะที่บริเวณหลุมขุดค้นยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้ชมอีกในพิพิธภัณฑ์ที่ได้รวบรวมเอาของดีเอาไว้มากมาย อาทิ ข้าวของเครื่องใช้ในสมัยฉิน เครื่องประดับ สร้อย กำไล อาวุธโบราณ และที่ถือเป็นพระเอกก็คือรถม้าอออกศึกสำริดที่เล็กกว่าของจริงหนึ่งเท่า นับว่าเป็นงานที่น่าสนใจและเห็นถึงวิวัฒนาการการใช้เหล็กในสมัยราชวงศ์ฉินได้เป็นอย่างดี
ข้าพเจ้าหลังจากชมน่าทึ่งของสุสานกองทัพทหารจิ๋นซีฯก็อดนึกไปถึงความยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้แดนมังกรองค์นี้ไม่ได้ เพราะว่านอกจากสุสานทหารฯที่หลายๆคนยกให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกแล้ว จิ๋นซีฮ่องเต้ยังได้ทำการเชื่อมกำแพงเมืองของแคว้นต่างๆเพื่อสกัดการรุกรานของเผ่าซงหนู ให้กลายเป็น“กำแพงเมืองจีน” 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอันลือลั่น
ณ วันนี้แม้ว่าจิ๋นซีฮ่องเต้จะจากโลกไปกว่า 2 พันปีแล้ว แต่ว่าเรื่องราวของพระองค์ยังคงอยู่ให้ผู้คนเล่าขานกันต่อไปทั้งในด้านมืดและด้านสว่าง นับเป็นหนึ่งในฮ่องเต้โลกไม่ลืมแห่งแดนมังกร ซึ่งหากใครได้ไปเที่ยวชมผลงานความยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้องค์นี้ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมืองจีน หรือกองทัพสุสานทหารจิ๋นซีฯ ก็นับว่ายากที่จะลืมเลือนเช่นกัน...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
กองทัพสุสานทหารจิ๋นซีฯ ตั้งอยู่ที่ ตำบลหลินถง เมืองซีอาน มณฑลส่านซี ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ปี ค.ศ.1987 สร้างในตั้งแต่ปี 246-208 ก่อนคริสตกาล ใช้เวลาสร้าง 37 ปี ตั้งแต่จิ๋นซีฯเริ่มขึ้นครองรัฐฉิน (จิ๋นซีฯเมื่อรวมจีนเป็นเป็นปึกแผ่นได้ตั้งราชวงศ์ฉินขึ้นซึ่งราชวงศ์ฉินมีอายุ 15 ปีส่วนจิ๋นซีฯสวรรคตเมื่อ 208 ปี ก่อน ค.ศ.)โดยจิ๋นซีฯสวรรคตไป 2 ปี รัชสมัยฉินก็ถึงกาลอวสาน
ราคาบัตรเข้าชม ช่วง 1 มี.ค. – 30 พ.ย. 90 หยวน ช่วง 1 ธ.ค. –สิ้นเดือน ก.พ. 65 หยวน(1 หยวน ประมาณ 5 บาท) เปิดบริการทุกวัน เวลาจำหน่ายบัตร : 16 มีนาคม – 14 พฤศจิกายน เวลา 8 : 30 – 17 : 30 น. ; 15 พฤศจิกายน – 15 มีนาคม เวลา 8 : 30 – 17 : 00 น.
นอกจากสุสานจิ๋นซีฯแล้ว เมืองซีอานยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอาทิ สุสานจักรพรรดิจิ๋นซี(ที่ฝังพระศพจิ๋นซีฮ้องเต้),บ่อน้ำพุร้อนหัวชิงฉือ อันเป็นที่อาบน้ำของหยางกุ้ยเฟย 1 ใน 4 สุดยอดหญิงงามแดนมังกร ,พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งมณฑลส่านซี ,เจดีย์ห่านฟ้าที่พระถังซัมจั๋งได้เชิญพระไตรปิฎกจากอินเดียมาประดิษฐานไว้ที่นี่
สำหรับเมืองไทยมีบริษัททัวร์ทั่วไปพาเที่ยวสุสานจิ๋นซีฯและเมืองซีอาน หรือหากจะเดินทางไปเองจากเมืองไทยเส้นทางที่สะดวกที่สุดคือ จากกรุงเทพฯเดินทางสู่เมืองซีอาน โดยสายการบินบางกอกแอร์เวยส์ (สอบถามได้ที่ 1771) จากนั้นโดยสารรถยนต์ต่อไปยังพิพิธภัณฑ์สุสานฯ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองซีอัน ไปทางตะวันออก หรือไม่ก็ขึ้นรถประจำทางสาย 306 ที่บริเวณสถานีรถไฟซีอาน หรือใช้บริการรถโดยสารขนาดเล็ก ราคาตั๋วประมาณ 5 หยวน / คน จอดปลายทางที่พิพิธภัณฑ์สุสานฯ หรือเลือกเช่ารถแท็กซี่ราคาคันละประมาณ 70 - 200 หยวน
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
“จิ๋นซีฮ่องเต้” ผู้เป็นมหาราชและทรราชในคนๆเดียวกัน
1974 โลกตะลึงกองทัพทหารใต้สุสาน
เผยปริศนาในสุสานจิ๋นซี