ว่ากันว่า จังหวัดพิษณุโลกนั้นมีของดีที่ขึ้นชื่ออยู่ 3 อย่างด้วยกัน...
อย่างแรก คือ พระพุทธชินราช ในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปที่งดงามที่สุดในประเทศไทย อย่างที่สอง คือ พระนางพญา พระพิมพ์หายากแห่งวัดนางพญา ซึ่งเป็นหนึ่งในพระเครื่องชุดเบญจภาคีที่เซียนพระต่างก็ใฝ่ฝันอยากมีไว้ในครอบครอง
และอย่างที่สาม คราวนี้ไม่ใช่พระ แต่กลับเป็นสุนัข หรือที่เรียกกันแบบง่ายๆ ว่า "หมา" ซึ่งหมาชื่อดังที่เรียกได้ว่าเป็นหมาประจำจังหวัดพิษณุโลกก็คือหมาบางแก้วนั่นเอง
ชื่อพันธุ์บางแก้วนั้น เรียกตามถิ่นกำเนิดของมันที่บ้านบางแก้ว ตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ บ้านบางแก้วในสมัยก่อนยังคงมีสภาพเป็นป่าไผ่และป่าระกำอุดมสมบูรณ์ทึบแน่น และมีสัตว์ป่าอย่างหมาป่า หมาจิ้งจอกอาศัยอยู่ชุกชุม หลวงปู่มาก สุวัณณโชโต ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางแก้วขณะนั้น ได้เลี้ยงสัตว์ต่างๆ ทั้งหมาแมวไว้ในบริเวณวัด ซึ่งต่อมาหมาพื้นบ้านเหล่านั้นก็ได้ไปผสมพันธุ์กับหมาป่าและหมาจิ้งจอกจนเกิดลูกหมาที่มีเลือดผสมขึ้นมา
และเมื่อพูดถึงหมาบางแก้ว เชื่อว่าแทบทุกคนต้องนึกถึงเรื่อง "ความดุ" อันเป็นคุณสมบัติข้อเด่นของมัน ซึ่งความดุที่ว่า ก็มีที่มาจากสายเลือดผสมของสัตว์ป่า ซึ่งความเป็นเลือดผสมทำให้หมาบางแก้วดึงลักษณะเด่นของ 3 สายพันธุ์นั้นมาไว้ในตัวเอง คือมีปากแหลม หางเป็นพวงเหมือนหมาจิ้งจอก ใบหูตั้งสั้น โคนหูห่างกันเหมือนหมาป่า ลำตัวที่ได้สัดส่วน ขาหน้าขาหลังที่แข็งแรง และนิสัยรักอิสระมาจากหมาไทย
เมื่อลูกหมาที่เกิดมามีหน้าตาน่ารักน่าชัง จึงมีชาวบ้านมาขอลูกหมาจากที่วัดไปเลี้ยง ซึ่งถือเป็นการช่วยแพร่พันธุ์หมาบางแก้วด้วย ประกอบกับพื้นที่แถบนี้มีน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง จึงไม่มีหมาพันธุ์อื่นๆ เข้ามาผสม ทำให้หมาบางแก้วต้องผสมพันธุ์กันเองในเหล่าเดียวกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องดี เพราะทำให้เกิดเป็นหมาบางแก้วสายพันธุ์แท้ขึ้นมา
หลายๆ คนหลงเสน่ห์ความน่ารักของหมาบางแก้ว ที่ดูขนฟูนุ่มน่ากอด แต่ถ้าใครเข้าไปกอดสุ่มสี่สุ่มห้าก็อาจโดนเจ้าบางแก้วงับคอหอยเอาได้ เพราะอุปนิสัยของมันคือความดุ คือจะดุร้ายกับคนแปลกหน้า คนจึงนิยมเลี้ยงหมาบางแก้วไว้เฝ้าสวน แม้มันจะดุกับคนอื่นแต่กับเจ้าของแล้วจะมีความรักให้เต็มที่ หวงของและมีนิสัยขี้อิจฉา อยากให้เจ้าของรักตัวมันเองมากกว่าสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ นอกจากนั้นมันยังมีความสามารถในเรื่องของการดมกลิ่น และมีความจำเป็นเลิศ สามารถหาทางกลับบ้านได้แม้ว่าจะถูกนำไปปล่อย แล้วยังชอบเล่นน้ำเป็นชีวิตจิตใจ เพราะเป็นหมาที่เกิดใกล้น้ำ เจ้าของจึงไม่ต้องลำบากลำบนกับการอาบน้ำให้เจ้าบางแก้วเลย
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วหลายคนคงอยากจะได้หมาบางแก้วมาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนสักตัว ก็ต้องเตรียมเงินไว้ประมาณ 8,000-20,000 บาท สำหรับหมาบางแก้วเกรดเอ สายพันธุ์ดี เลี้ยงเพื่อส่งประกวดได้เลย แต่ถ้าเกรดรองลงมาก็จะอยู่ที่ประมาณตัวละ 5,000-6,000 บาท ส่วนบางแก้วที่เกรดต่ำลงมาอีกก็จะอยู่ที่ 3,500 บาท ซึ่งก็ยังเป็นหมาบางแก้วสายพันธุ์แท้ แต่ลักษณะอาจไม่ดีมากนัก โดยราคาเหล่านี้เป็นราคาของลูกหมาอายุประมาณ 2 เดือน ซึ่งกำลังเหมาะที่จะซื้อขาย เพราะลูกหมาหย่านมแล้ว ร่างกายแข็งแรงและฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้วด้วย
แต่บางคนที่คิดอยากจะเลี้ยงหมาบางแก้วอาจจะยังลังเลอยู่บ้าง เพราะเคยมีกรณีที่น่าเศร้าถึงขนาดที่เจ้าของต้องเอามันปล่อยหรือเอาไปยิงทิ้ง เพราะทนความดุและทนจ่ายค่ารักษาพยาบาลคนที่ถูกหมาในความดูแลกัดไม่ไหว ดังนั้นข่าวนี้คงจะเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการเลี้ยงหมาบางแก้ว แต่ไม่ต้องการหมาที่ดุเกินไป เพราะตอนนี้ทางสมาคมส่งเสริมอนุรักษ์และพัฒนาสุนัขไทยพันธุ์บางแก้วในประเทศไทย กำลังมีการพัฒนา "หมาบางแก้วสายพันธุ์ใจดี" ขึ้นมาแล้ว
ด.ต.ศักดิ์วิชิต ศรีเงิน เลขานุการสมาคมส่งเสริมอนุรักษ์และพัฒนาสุนัขไทยพันธุ์บางแก้วในประเทศไทย และเจ้าของคอกเพชรศรีเงิน ได้บอกถึงสาเหตุที่ต้องผลิตหมาบางแก้วสายพันธุ์ใจดีขึ้นมาว่า
"ทางสมาคมฯ อยากจะส่งออกหมาบางแก้วให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เราจึงต้องทำหมาบางแก้วที่ใจดีไม่ก้าวร้าวขึ้นมาเพื่อเวลาที่ส่งประกวด กรรมการจะได้สามารถลูบตัวได้ ถูกต้องตัวได้ และเมื่อเทียบกับหมานอกแล้ว พวกนั้นค่อนข้างจะคุยรู้เรื่องมากกว่าหมาบางแก้ว เราจึงต้องพัฒนาตรงจุดนั้นเพื่อที่จะให้หมาบางแก้วสามารถจดทะเบียนรับรองสายพันธุ์กับสหพันธ์สุนัขเอเชีย (AKU) และไปถึงสมาพันธุ์สุนัขโลก (FCI) ได้"
สำหรับวิธีพัฒนาสายพันธุ์ให้เกิดหมาบางแก้วใจดีขึ้นมานั้น ด.ต.ศักดิ์วิชิตอธิบายว่า เมื่อแม่หมาออกลูกมาครอกหนึ่ง ก็จะต้องมาเลือกลูกหมาตัวที่มีจิตประสาทดี หรือหมายถึงว่าเป็นหมาที่มีอารมณ์ดี โดยจะสามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมของมันตั้งแต่เกิดมาได้สัก 7-8 วัน ถ้าหากเป็นหมาดุแล้ว อายุแค่ 1 เดือนมันก็จะเริ่มกัดกันเอง แต่ถ้าเป็นหมาใจดีก็จะสามารถอยู่ร่วมกับตัวอื่นๆ ได้
จนมาถึงช่วง 2 เดือน ก็จะเห็นได้ชัดว่าตัวไหนอารมณ์ดี ก็จะคัดตัวนั้นออกมาเพื่อใช้เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เมื่อพ่อแม่ไม่ดุ คราวนี้ลูกออกมาก็จะไม่ดุด้วย แต่ก็อาจจะมีผ่าเหล่าออกมาบ้าง โดยลูกหมาครอกหนึ่ง 7-8 ตัวอาจจะมีตัวที่ยังดุอยู่บ้างสักหนึ่งตัว ซึ่ง ด.ต.ศักดิ์วิชิตเองก็ได้ทดลองพัฒนาบางแก้วสายพันธุ์ใจดีมา 4-5 ปีแล้ว จนตอนนี้ก็ได้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ และลูกหมาที่ใจดีเรียบร้อยแล้ว
หากจะถามว่า เมื่อมีหมาบางแก้วพันธุ์ใจดีขึ้นมา จะทำให้เอกลักษณ์ของหมาบางแก้วที่ขึ้นชื่อว่าดุนักดุหนานั้นเสียไปหรือไม่ ด.ต.ศักดิ์วิชิต ตอบทันทีว่า "หมาบางแก้วไม่ได้มีดีแค่ดุ แต่หมาบางแก้วรักเจ้าของ ขี้อ้อน รู้จักเอาใจเจ้าของ ขนเขาก็สวย เอกลักษณ์ที่ดีของเขายังมีเยอะแยะ ไม่ใช่แค่ความดุอย่างเดียว และถ้าเราไม่พัฒนาสายพันธุ์ ชื่อเสียงของหมาบางแก้วก็จะอยู่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น เราจึงต้องลดความดุลงเพื่อให้หมาบางแก้วโกอินเตอร์"
มีเรื่องน่าดีใจอีกอย่างหนึ่ง คือในขณะนี้หมาบางแก้วกำลังจะได้รับรองสายพันธุ์กับสหพันธ์สุนัขเอเชีย (AKU) ซึ่งเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการของ AKU ได้มาดูการประกวดหมาบางแก้วที่ ม.นเรศวร และได้บอกว่าการขอจดทะเบียนรับรองสายพันธุ์ไม่มีปัญหา ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรอคำสั่งออกมาเท่านั้น และจะได้ดำเนินการส่งเรื่องเพื่อขอจดทะเบียนรับรองสายพันธุ์กับสมาพันธุ์สุนัขโลก (FCI) ต่อไป
และหากหมาบางแก้วได้จดทะเบียนรับรองสายพันธุ์เมื่อไรละก็ ประโยชน์โดยตรงที่จะได้รับก็คือ รายได้จากการซื้อขายพันธุ์หมาบางแก้วเข้าประเทศและท้องถิ่น นอกจากนั้นก็ยังเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศไทย รวมทั้งจังหวัดพิษณุโลกอันเป็นถิ่นเกิดของหมาบางแก้วให้ทุกคนได้รับรู้
และนั่นก็คือของดีอีกอย่างหนึ่งของเมืองสองแคว ดังนั้นถ้าใครได้มีโอกาสผ่านมาที่จังหวัดนี้แล้ว ก็ต้องมาชมของดี 3 อย่างของที่นี่ให้ครบ ไม่อย่างนั้นก็ถือว่ายังมาไม่ถึงจังหวัดพิษณุโลก
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สมาคมส่งเสริมอนุรักษ์และพัฒนาสุนัขไทยพันธุ์บางแก้วในประเทศไทย (คอกศรีพิษณุ) 839 ถ.บรมไตรโลกนารถ 2 อ.เมือง จ.พิษณุโลก 65000 โทร. 0-5521-7068
คอกเพชรสีเงิน 305/32 ถ.บึงพระจันทร์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก โทร.0-5521-8581
ลักษณะมาตรฐานของหมาบางแก้ว
"บางแก้ว" สุนัขไทยนิสัยเด็ด