xs
xsm
sm
md
lg

สักการะ 4 ยอด“พระพุทธไสยาสน์” ชมความงามพุทธศิลป์ แห่งเมืองกรุงฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
เมื่อได้เห็นพระพุทธไสยาสน์ หรือพระพุทธรูปนอน หรือ “พระนอน” ในภาษาที่คนทั่วไปคุ้นเคยแล้ว เคยนึกแปลกใจหรือเกิดคำถามกันบ้างหรือไม่ว่า

เหตุใด จึงได้เกิดคติการสร้างพระพุทธรูปลักษณะนี้ นอกเหนือจากพระพุทธรูปอิริยาบถ นั่ง ยืน และเดิน (ปางลีลา)???

หรือทำไมจึงเป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิดของคนเกิดวันอังคาร จะใช่อย่างที่คนโบราณบอกไว้หรือไม่ว่า “คนวันอังคารใจร้อน ให้นอนเสียบ้าง จะได้เย็นใจ (เหมือนพระนอน)” ???

และที่สำคัญ ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นว่ามีความหลากหลายของพระพุทธไสยาสน์ นั่นคือมีลักษณะที่แปลกและแตกต่างกันออกไป…เหตุใดทำไมจึงเป็นเช่นนั้น???

เรื่องนี้ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ไขคำตอบบางส่วนมาบอกกล่าว พร้อมกับขันอาสาพาไปชมความงามของ 4 ยอดพระ
คุยเฟื่องเรื่องพระปางไสยาสน์

คติการสร้างพระพุทธรูปปางไสยาสน์นั้น ก็เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้รำลึกถึงการเสด็จปรินิพพานขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะเดียวกันก็เพื่อเป็นอนุสติเตือนใจให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท สังขารทั้งหลายเป็นสิ่งไม่เที่ยง แม้กระทั่งพระพุทธองค์ก็ยังเลี่ยงไม่พ้น

ส่วนที่ว่าทำไมพระพุทธไสยาสน์จึงเป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิดของคนเกิดวันอังคาร ก็เพราะตามพุทธประวัติกล่าวว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับสีหไสยาสน์ เสด็จดับขันธปรินิพพานในวันอังคาร จึงถือเอาพระพุทธไสยาสน์เป็นพระประจำวันอังคาร

อีกทั้งในความคุ้นเคยของผู้คนเมื่อได้เห็นพระพุทธไสยาสน์ มักจะเข้าใจว่าเป็นปางปรินิพพานเสียทั้งหมด

แต่แท้จริงแล้ว ตามพุทธประวัติมีพระพุทธไสยาสน์ทั้งหมด 9 ปาง เฉพาะในประเทศไทยนั้นนิยมสร้างปางโปรดอสุรินทราหูและปางเสด็จขันธปรินิพพาน ส่วนปางอื่นๆ นั้นมักปรากฏเป็นเพียงภาพวาด

ด้วยเหตุนี้พระพุทธไสยาสน์ จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยให้นักท่องเที่ยวหรือผู้สนใจ ที่ต้องการเสริมสร้างความเจริญทางจิตใจ และความเป็นมงคลให้กับชีวิต ได้เรียนรู้และมีความเข้าใจในพุทธประวัติ ซึ่งพระพุทธไสยาสน์แต่ละองค์ในแต่ละวัดล้วนแล้วแต่มีความสำคัญและน่าสนใจที่แตกต่างกัน ทั้งประวัติความเป็นมา และลักษณะทางพุทธศิลป์ที่งดงามเป็นเอกลักษณ์

สักการะพระบาทมงคล พระพุทธไสยาสน์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ที่ "วัดโพธิ์"

เมื่อเอ่ยถึงพระพุทธไสยาสน์ ผู้คนส่วนใหญ่ก็ต้องนึกถึง “พระพุทธไสยาส” ที่วัดพระเชตุพนฯ หรือ วัดโพธิ์ เพราะได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่งามเป็นเอกแห่งยุคสมัยรัตนโกสินทร์ อีกทั้งยังงามเป็นเอกในกระบวนการพระขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังเป็นพระนอนที่มีขนาดยาวที่สุดในกรุงเทพฯ และเป็นอันดับสามของประเทศไทย (46 เมตร) รองจากพระนอนวัดขุนอินทประมูล(อันดับ 1) จังหวัดอ่างทอง และพระนอนจักรสีห์(อันดับ 2) จังหวัดสิงห์บุรี

“พระพุทธไสยาส” นี้เป็นฝีมือช่างสิบหมู่ ซึ่งหลวงพระองค์เจ้าลดาวัลย์ (กรมหมื่นภูมินทรภักดี) เป็นผู้ทรงกำกับการก่อสร้าง โดยองค์พระเป็นปูนปั้นปิดทองเหลืองอร่ามทั้งองค์ หันพระพักตร์สู่ทิศตะวันออก พระเศียรสู่ทิศใต้อันเป็นทิศหัวนอน พระบาทสู่ทิศเหนือเป็นปลายตีน ซึ่งตรงตามตำราสีหไสยา เชื่อกันว่าพระพุทธไสยาสนี้เป็นปางโปรดอสุรินทราหู

สิ่งที่นับเป็นเอกลักษณ์สำคัญของพระพุทธไสยาสวัดโพธิ์ ก็คือ ลายมงคล 108 ประดับมุกที่พื้นพระบาทของพระไสยาสน์เพื่อให้ถูกต้องตามตำรามหาปุริสลักษณะ คือตามคติอินเดียโบราณเชื่อว่า พระพุทธเจ้าทรงมีพุทธลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งคือ ฝ่าพระบาทมีลายมงคล 108 ประการ ซึ่งได้แก่ ปราสาท หอยสังข์ ช้างแก้ว นก หงส์ ภูเขา เมฆ ฯลฯ ตรงกลางเป็นรูปกงจักร แสดงถึงพระบุญญาบารมีอันแรงกล้า

ซึ่งพระพุทธรูปในอิริยาบถอื่นนั้นไม่สามารถมองเห็นฝ่าพระบาท นอกจากพระพุทธไสยาสน์ ดังนั้นช่างจึงได้ประดับลายมงคล ด้วยลวดลายศิลปะไทยผสมจีน ซึ่งผสานกันได้อย่างประณีตศิลป์ นับเป็นงานประดับมุกชิ้นเอกในสมัยรัตนโกสินทร์

การได้สักการะพระบาทมงคล 108 ประการพระพุทธไสยาสวัดโพธิ์ เอกลักษณ์สำคัญของพระพุทธไสยาสน์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงนับเป็นมงคลแห่งชีวิต ผู้สนใจสามารถเข้าสักการบูชาได้ตลอด ติดต่อสอบถามที่ 0-2221-1969, 0-2224-8499


ดูของดีที่ "วัดโพธิ์"                        ที่ยว "วัดโพธิ์" สัมผัสวัดเก่า ในมุมมองใหม่
ที่ตั้งและแผนผังภายในวัด               เลาะข้างวัด-สถานที่ใกล้เคียง
ร้านอาหารใกล้เคียง "อิ่มนี้ กินง่าย อิ่มเพลิน ที่ Coconut Palm  

พระพุทธไสยาสน์ศิลา วัดบวรนิเวศ งามล้ำค่าศิลปะสมัยสุโขทัย

ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน ดังนั้น การจะหาชมพระพุทธรูปที่สร้างในสมัยสุโขทัยและยังคงความสมบูรณ์จึงเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะกับพระพุทธไสยาสน์ซึ่งมักไม่ค่อยปรากฏมากนัก แต่ที่ วัดบวรนิเวศวิหาร มีพระพุทธไสยาสน์เก่าแก่และมีความงดงาม นั่นคือ “พระไสยา”

“พระไสยา”
เป็นพระศิลาลงรักปิดทอง ปางปรินิพพาน เดิมพระไสยา ประดิษฐานที่วัดพระพายหลวง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทอดพระเนตรว่ามีลักษณะงามกว่าพระไสยาสน์องค์อื่น จึงโปรดให้อัญเชิญมาจากเมืองสุโขทัย ตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงผนวชอยู่ ได้ประดิษฐานไว้ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ในพระวิหารเดียวกับพระศาสดา

ว่ากันว่าพระพุทธไสยาสน์นี้มีพุทธศิลป์งดงามยิ่ง ถึงขนาด สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ผู้ออกแบบพระไสยาสน์ที่วัดราชาธิวาส ซึ่งกรมศิลปากรฯ ว่างดงามที่สุดในไทยนั้น ก็มีแรงบันดาลใจต้นแบบมาจากพระไสยา วัดบวรฯ นี้เอง

ผู้ที่ได้ชมพระไสยา จะเห็นถึงพระวรกายขณะทอดองค์บรรทมที่ดูอ่อนช้อยคล้ายมีชีวิต พระพักตร์อ่อนหวาน ตามแบบศิลปะสุโขทัย คือตามคติของช่างสุโขทัยนิยมสร้างเป็นพระพุทธศากยโคดม ซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่ตรัสรู้แล้ว ลักษณะพระพักตร์จึงดูสงบ ยิ้มน้อยๆ สะท้อนสภาวะแห่งความปีติสุขที่อยู่ภายใน

และจะเห็นว่าชายผ้าสังฆาฎิเป็นแบบเขี้ยวตะขาบที่งดงามอ่อนช้อย เป็นเอกลักษณ์สำคัญของงานช่างศิลป์สมัยสุโขทัย ส่วนที่ด้านหลังเป็นภาพจิตรกรรมต้นสาละคู่อยู่เบื้องพระเศียรและพระบาท รวมทั้งเหล่าภิกษุสาวกที่เข้าเฝ้า ซึ่งตรงกับพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน นอกจากนี้ใต้ฐานพระพุทธไสยาสน์ยังได้บรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆปรินายกไว้อยู่ด้วย

วัดบวรนิเวศฯ เปิดให้เข้าชมสถานที่สำคัญต่างๆ ภายในวัด เฉพาะงานเทศกาลสำคัญ เช่น เทศกาลตรุษจีน ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีตักบาตรดอกไม้ ติดต่อเข้าชมล่วงหน้า โทร.0-2281-2831-3

 

ที่ตั้งและแผนผังภายในวัด                                 เลาะข้างวัด-สถานที่ใกล้เคียง
ร้านอาหารใกล้เคียง "ก๋วยเตี๋ยวนายโส่ย"              "ห้องอาหารวิจิตร เลิศรสอาหารไทย"
 

พระพุทธไสยาสน์ลักษณะคล้ายคนธรรมดา งดงามด้วยลีลาศิลปะกรีกที่วัดราชาฯ

พระพุทธไสยาสน์ที่ได้รับการกล่าวถึงว่ามีความงามโดดเด่นในด้านที่มีลักษณะเหมือนสามัญมนุษย์ที่งามที่สุด ถึงขนาดถ้ามองดูไกล ๆจะเหมือนคนนอนจริง ๆ ซึ่งถือเป็นการผสมผสานอย่างกลมกลืนของรูปแบบทางพุทธศิลป์แบบตะวันออกและลักษณะทางศิลปกรรมแบบตะวันตกอย่างลงตัว

พระพุทธไสยาสน์ที่ว่านั้น คือ “พระนิพพานทรงญาณ” เป็นพระพุทธรูปหล่อสำริด ปางทรงพระสุบิน ศิลปะประยุกต์แบบกรีก ซึ่งจะมีเอกลักษณ์ที่ให้ความรู้สึกในความงามที่เป็นความจริงตามธรรมชาติ กล่าวคือพระวรกายคล้ายคนธรรมดา ห่มจีวรที่พลิ้วไหวเป็นริ้วบางเบาคล้ายผ้าจริง พระเนตรหลับพริ้ม แม้กระทั่งลักษณะการวางพระบาท ก็เป็นไปในลักษณะสมจริงเช่นคนหลับทั่วไป แต่ทว่า เป็นอิริยาบถการนอนหลับที่งดงามยิ่ง

พระนิพพานทรงญาณ นับเป็นพระพุทธรูปที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทย สร้างในรัชกาลที่ 6 โดย "นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม" สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์เป็นผู้ทรงออกแบบ และพระเทพรจนา (สิน) เป็นผู้ปั้นและหล่อ เนื่องจากเป็นพระประจำวันประสูติในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย (พระองค์เจ้าไชยันต์มงคล) ผู้ให้กำเนิดโรงเรียนวัดราชาธิวาส

ปัจจุบันประดิษฐาน ณ ห้องประชุมตึกไชยันต์ โรงเรียนมัธยมวัดราชาธิวาส ที่ใต้ฐานบรรจุพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย และที่ผนังกำแพงรอบองค์พระพุทธไสยาสน์ก็เป็นที่บรรจุพระอัฐิเจ้านายและลูกหลานในราชสกุลไชยันต์

นับเป็นสิ่งที่ชาวราชาธิวาสให้ความเคารพสักการบูชา ได้คุ้มครองปกปักรักษา ไม่มีเรื่องร้ายแรงใดๆ ให้ความร่มเย็นเป็นสุขแก่ครูอาจารย์และนักเรียนชาวราชาธิวาสเสมอมา เคยมีเหตุการณ์ 2-3 ครั้ง ที่เด็กนักเรียนเกิดอุบัติเหตุพลัดตกจากตึกเรียน แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก

นอกจากนี้ยังมีผู้เลื่อมใสศรัทธาได้อธิษฐานขอให้ประสบผลในสิ่งที่ต้องการ หลังผลการสอบครั้งใดจึงได้เห็นนักเรียนหลายคนวิ่งรอบตึกไชยันต์ บ้างก็นำดอกไม้ พวงมาลัย มาถวายพระนิพพานทรงญาณอยู่เสมอ

พระนิพพานทรงญาณ ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุสำคัญของชาติ ผู้สนใจจะนมัสการพระพุทธไสยาสน์ ติดต่อได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ในเวลาราชการ ที่โรงเรียนวัดราชาธิวาส โทร. 0-2243-2159, 0-2241-5525


ที่ตั้งและแผนผังภายในวัด                                                  เลาะข้างวัด-สถานที่ใกล้เคียง
"พระที่นั่งวิมานเมฆ" วิมานดินที่สัมผัสได้                                สนุกสนานในวันเด็ก ที่ "เขาดิน"
ร้านอาหารใกล้เคียง "เข้มข้นถึงใจกับอาหารไทยรสเด็ด"            "เมนูไม่จำเจ ที่ ส.บุญชัย"
 

พระนอนหงายปางถวายพระเพลิง สมัยกรุงธนบุรี หนึ่งเดียวในไทย ที่วัดราชคฤห์

คงจะยังไม่ทราบกันว่า วัดราชคฤห์ เป็นวัดที่ฝังศพทหารเอกผู้กล้าของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นั่นคือพระยาพิชัยดาบหัก ทั้งยังเป็นผู้สร้างพระพุทธไสยาสน์ลักษณะนอนหงายนี้ขึ้น ซึ่งปกติจะหาชมพระนอนหงายได้ยากมาก และยังนับเป็นพระปางถวายพระเพลิงที่มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยด้วย

ตามประวัติเล่าว่า พระยาพิชัยดาบหักได้สร้างพระปางนอนนี้ขึ้น เพื่อเป็นการบำเพ็ญบุญอุทิศกุศลและไถ่บาปให้กับทหารและชาวบ้านที่ได้ฆ่าตายไปเป็นจำนวนมาก

พระพุทธรูปปางนอนหงาย หรือที่ชาวบ้าน เรียก “หลวงพ่อนอนหงาย” นั้นประดิษฐานอยู่ภายในวิหารเล็ก เป็นพระปางถวายพระเพลิง ที่เบื้องปลายพระบาทนั้นมีพระสาวก คือ พระมหากัสสปะนั่งประนมมือ โดยในพุทธประวัติมีกล่าวไว้ว่า หลังจากพระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานแล้ว ได้นำผ้าใหม่ซับด้วยสำลี ห่อด้วยผ้าห้าร้อยคู่ แล้วเชิญพระพุทธสรีรศพลง ประดิษฐานในรางเหล็กที่ใส่น้ำมัน ปิดครอบด้วยฝารางเหล็ก

แล้วนำไปตั้งพระพุทธสรีรศพโดยลักษณะนอนหงายไว้บนจิตกาธารหรือเชิงตะกอนที่ทำด้วยไม้หอมล้วนๆ ที่มกุฏพันธนเจดีย์ เมืองกุสินารา เพื่อทำฌาปนกิจถวายพระเพลิง แล้วจึงได้ทำการประชุมพระเพลิงแต่ปรากฏว่าไฟไม่ติด รอจนพระมหากัสสปเถระเดินทางมาถึง ได้กราบพระพุทธสรีรศพ พอกราบครบ 3 ครั้ง ปรากฏว่าไฟติดขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ จึงเรียกพระปางนี้ว่า ปางถวายพระเพลิง

นับว่าเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่สื่อเรื่องราวในพุทธประวัติตอนถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธองค์ที่ดีที่สุด

“หลวงพ่อนอนหงาย” นี้ชาวบ้านให้ความเคารพกันมาก เพราะท่านมีความศักดิ์สิทธิ์เมตตา มีผู้มากราบไหว้ขอพรกันไม่ขาด สังเกตจากดอกไม้ธูปเทียนและผ้าจีวรที่มีผู้นำมาถวาย ท่านจึงเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ทำให้มีกำลังใจในการทำกิจการต่างๆ

สามารถเข้าชมและสักการบูชา “หลวงพ่อนอนหงาย” ได้ทุกวัน ตั้งแต่ 06.30 – 18.30 น. โทรศัพท์ 0-2465-2908, 0-2465-4031, 0-2891-4634


ที่ตั้งและแผนผังภายในวัด         เลาะข้างวัด-สถานที่ใกล้เคียง              

ร้านอาหารใกล้เคียง "ต.จันทร์เพ็ญ (เจ้าเก่าตลาดพลู)"

******
เป็นเพียง 4 พระพุทธไสยาสน์ ที่มีความงามด้านพุทธศิลป์ในลักษณะปางต่างๆ หลายๆ ครั้งที่ผู้ที่ได้เห็นแต่ไม่ใส่ใจ หรือไม่รู้ว่ามีพระพุทธไสยาสน์ที่น่าสนใจในอีกหลายวัด ซึ่งแต่ละที่ก็ล้วนเกิดจากแรงแห่งศรัทธาความงามตามคติช่างของแต่ละยุค สะท้อนผ่านพุทธศิลป์ของพระพุทธไสยาสน์ ก่อเกิดความเลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป

สำหรับผู้ที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงศาสนา ได้เรียนรู้และเพลิดเพลินกับการเที่ยววัดในมุมมองใหม่ พร้อมสัมผัสกับความงดงามทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมในวัด โดยเฉพาะพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งแต่ละวัดล้วนแต่มีความน่าสนใจที่แตกต่างกัน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้รวบรวมเส้นทางท่องเที่ยวบูชาพระพุทธไสยาสน์จำนวน 10 เส้นทาง เกือบ 40 แห่ง ในหนังสือ “เยือนแดนพุทธศิลป์ เที่ยวถิ่นพระพุทธไสยาสน์” โดยมีจำหน่ายที่ ททท. ร้านหนังสือ SE-ED และ B2S ทุกสาขา ราคาเล่มละ 99 บาท หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 1672
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ไหว้พระดี เป็นศรีแก่ตัว
พระพุทธไสยาสน์ปางต่างๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น