xs
xsm
sm
md
lg

เพลิดเพลินเจริญใจ...ในตลาดน้ำตลิ่งชัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : หนุ่มลูกทุ่ง

วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาฉันรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าเป็นผลพวงมาจากการได้เห็นรายชื่อครม.ชุดใหม่ของนายกฯทักษิณหรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะหาทำอะไรก็แล้วฉันก็ยังไม่หายเบื่อเสียที จึงตัดสินใจออกจากบ้านไปหาที่เที่ยวดีกว่า

ฉันมานั่งคิดว่า มีที่ไหนในกรุงเทพฯอีกหนอ ที่ฉันยังไม่เคยไป ปรากฏว่ามีเพียบเลย สุดท้ายเลยตัดสินใจเลือกไปที่ ตลาดน้ำตลิ่งชัน เพราะเป็นที่ที่ฉันเคยได้ยินกิตติศัพท์มานานแล้วว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ แต่ก็ยังไม่เคยไปพิสูจน์ด้วยตนเองเสียที

ฉันไม่รอช้า รีบนั่งรถไปสำนักงานเขตตลิ่งชันทันที ไม่ใช่ว่าฉันจะไปจดทะเบียนสมรสหรือจดทะเบียนหย่าแต่อย่างใด เพียงแต่ตลาดน้ำตลิ่งชันนี้มันอยู่ใกล้กับสำนักงานเขตตลิ่งชันนั่นเอง เมื่อเห็นป้ายสำนักงานเขตฯ แล้วมองไปทางซ้ายมือก็จะเห็นถนนสายเล็กๆ ที่นำไปสู่ตลาดน้ำ ถนนที่ว่านั้นก็เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ มากมายเต็มสองฟากถนน ทั้งอาหาร ขนมหวาน ผลไม้ ต้นไม้ เสื้อผ้า ของใช้กระจุกกระจิกต่างๆ ผู้คนต่างก็เดินกันขวักไขว่ นี่ถ้าเป็นตอนกลางคืนแล้วติดธง ติดหลอดไฟหลากสีเสียหน่อยก็จะเหมือนงานวัดแถวบ้านฉันเปี๊ยบ

แค่เดินผ่านร้านแถบนี้ไปยังท่าน้ำฉันก็แทบจะอิ่มกับของกินหลากชนิดอยู่แล้ว แต่เมื่อไปถึงตลาดน้ำเข้าจริงๆ ฉันก็อดใจไม่ไหวต้องจ่ายเงินเพิ่มความอิ่มให้กับตัวเองมากขึ้นไปอีก เพราะมีแต่ของน่ากินทั้งนั้นที่รอฉันอยู่บนเรือของเหล่าพ่อค้าแม่ค้า ไม่ว่าจะเป็นกุ้งเผาปลาเผา ส้มตำ สารพัดยำ ก๋วยเตี๋ยวเรือ และอื่นๆ อีกมากมาย อาการเบื่อแทบหายเป็นปลิดทิ้ง

แต่จะมาเพื่อกินอย่างเดียวก็ใช่ที่ เพราะที่นี่เขามีบริการเรือนำชมคลอง ชมสวน ชมชีวิตริมน้ำของชาวตลิ่งชัน ฉันก็อยากจะดูหน้าตาของคลองและสวนริมน้ำของกรุงเทพเสียหน่อยว่าจะเหมือนหรือต่างกับบ้านนอกบ้านนาอย่างไรบ้าง ว่าแล้วก็เลยเทกระเป๋าจ่ายเงิน 70 บาท แล้วรีบไปจองที่นั่งดีๆ ในเรือหางยาวทันที

เรือรอบที่ฉันนั่งเป็นรอบเที่ยง ฉันและเพื่อนร่วมทางอีกกว่า 30 คนในเรือ ก็ออกเดินทางไปพร้อมๆ กันในคลองชักพระ หรือคลองบางขุนศรี ซึ่งเป็นคลองที่มีความยาวถึง 8 กิโลเมตร และเป็นคลองที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้ เสียงคนนำเที่ยวในเรือบอกว่า เดี๋ยวจะพาไปดูสวนกล้วยไม้ จะพาไปดูปลาสวาย จะพาไปกินโน่นกินนี่จนฉันเริ่มหิวขึ้นมาอีกรอบ

ขณะที่เรือแล่นอยู่ในคลองชักพระ ไกด์บอกว่าเมื่อมองไปทางซ้ายมือจะเป็นเขตบางกอกน้อย ส่วนทางขวามือจะเป็นเขตตลิ่งชัน ถ้าไม่มีใครบอกฉันก็มองไม่เห็นความแตกต่างของสองเขตนี้หรอก รู้ก็แต่ว่า บ้านริมน้ำแถบนี้มันช่างน่าอยู่เสียจริงๆ เชียว บ้านแต่ละหลังมีท่าน้ำยื่นออกมาเป็นที่นั่งเล่น และแต่ละบ้านก็ตกแต่งท่าน้ำนั้นอย่างน่าดู มีการเอาดอกไม้สวยๆ มาตกแต่งเป็นที่เจริญตาแก่คนผ่านไปผ่านมา จนฉันรู้สึกว่าแค่ได้มานั่งเรือชมบ้านเหล่านี้ก็มีความสุขแล้ว

ตามท่าน้ำแต่ละบ้านจะมีกล่องไปรษณีย์สีแดงแขวนไว้ริมน้ำ เพราะบุรุษไปรษณีย์ที่นี่จะซิ่งเรือส่งจดหมาย ซึ่งฉันว่าดูเท่กว่าบุรุษไปรษณีย์บนบกหลายเท่า

ไกด์บอกว่าใช้เวลา 45 นาทีจึงจะถึงสวนกล้วยไม้บ้านป้าไหม เหมือนจะนาน แต่จริงๆ แล้ว 45 นาทีนั้นสั้นนิดเดียว เพราะนอกจากจะได้ชมบรรยากาศของบ้านริมคลองอันแสนจะน่าอยู่แล้ว ก็ยังได้ชมร้านค้าลอยน้ำ เช่น เรือขายกล้วยไม้ เรือขายอาหารสดจำพวกผักและเนื้อทั้งหลาย เรือกล้วยแขก เรือขนมกุยช่าย และก๋วยเตี๋ยวเรืออีกต่างหาก ซึ่งไม่ได้ชมแค่อย่างเดียว แต่ยังได้กินกันด้วย ยกเว้นก๋วยเตี๋ยวเรือที่ออกจะเสียเวลามากไปสักหน่อย

บนเรือมีฝรั่งหลงขึ้นมาอยู่สองสามคน น่าเสียดายที่ไม่มีการบรรยายภาคภาษาอังกฤษ ดังนั้นเวลาที่ไกด์ปล่อยมุขคนไทยฮากันทั้งลำเรือ ฝรั่งก็ได้แต่นั่งอมยิ้มแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ฉันเองก็ชักสงสารอยากจะเสนอตัวเป็นไกด์แปลไทยเป็นอังกฤษแต่ก็กลัวฝรั่งจะยิ่งงงไปกว่าเดิม แต่แม้จะฟังอะไรไม่ออก ฉันก็ยังแอบได้ยินเสียงฝรั่งอุทานว่า beautiful บ้าง paradise บ้าง พร้อมกับเสียงรัวชัตเตอร์เป็นระยะๆ ก็นับว่าน่าภูมิใจที่สองฝั่งคลองทำให้ฝรั่งประทับใจได้ขนาดนั้น

เรือลัดเลาะไปตามคลองชักพระอยู่พักหนึ่งก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าคลองบางเชือกหนังเพื่อมุ่งหน้าไปสวนกล้วยไม้บ้านป้าไหม คลองที่นี่มีป้ายบอกทางเหมือนกับถนนไม่มีผิด คงจะไม่หลงกันง่ายๆ จากคลองบางเชือกหนังจะต้องเลี้ยวเข้าคลองเล็กๆ อีกครั้งหนึ่ง คลองนี้เล็กและแคบมากจริงๆ แต่คนขับเรือก็มีความสามารถสูงพอที่จะสามารถพาเรือหางยาวๆ นั้นเลี้ยวไปได้โดยไม่ชนอะไร จนในที่สุดก็มาถึงสวนกล้วยไม้จนได้

ที่สวนนี้มีกล้วยไม้หลากหลายพันธุ์และหลากหลายสีอยู่เป็นพันๆ ต้น ล้วนแต่สวยๆ งามๆ ทั้งนั้น ถูกใจฉันและเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆ เป็นอย่างยิ่ง ฉันเห็นแต่ละคนต่างก็หามุมที่ดีที่สุด ดอกกล้วยไม้ที่สวยที่สุด และยิ้มให้ดูดีที่สุด เพื่อจะได้รูปดีๆ ออกมาอย่างไม่กลัวกล้วยไม้จะเหี่ยว นอกจากถ่ายรูปแล้วหลายคนก็ยังซื้อกล้วยไม้สวยๆ เหล่านั้นกลับบ้านกันเป็นการใหญ่ เพราะซื้อจากแหล่งผลิตราคาก็ย่อมถูกเป็นธรรมดา

แวะที่สวนกล้วยไม้บ้านป้าไหมอยู่ครึ่งชั่วโมงแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อ อีกจุดหนึ่งที่เราจะไปแวะก็คือ วัดปากน้ำฝั่งใต้ เพื่อไปทำบุญด้วยการให้อาหารเจ้าปลาสวายหลายร้อยตัวที่มารอกันอยู่เต็มบริเวณท่าน้ำของวัด งานนี้ใครจะซื้อขนมปังเลี้ยงปลาหรือเลี้ยงตัวเองก็เชิญตามใจชอบ ที่ว่าเลี้ยงตัวเองนั้นฉันไม่ได้พูดเล่น เพราะหากจะกินเองเขาก็มีนมข้นไว้บริการ ฉันควักกระเป๋าเอาเงิน 10 บาทซื้อขนมปังมาแถวหนึ่ง แล้วแบ่งครึ่งหนึ่งให้ปลา อีกครึ่งหนึ่งเข้าปากตัวเอง นมข้นไม่ต้อง สงสัยเจ้าปลาสวายพวกนั้นมันคงอวยพรให้ฉันกันใหญ่

เสร็จจากการทำบุญกับปลาแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับ แต่จะกลับแบบมือเปล่าก็จะกระไรอยู่ เรือก็เลยจอดแวะให้ซื้อของฝากริมคลองชักพระก่อนกลับบ้าน ของฝากที่ว่านั้นก็คือข้าวหลามแม่สำอางค์ ตรงชุมชนบุปผาสวรรค์ มีให้เลือกทั้งไส้เผือก ไส้ถั่วดำ ฯลฯ คนบนเรือต่างก็ร้องสั่งจะเอาแบบโน้นแบบนี้เป็นที่สนุกสนาน ส่วนฉันน่ะหรือ 10 บาทสุดท้ายก็หมดไปกับอาหารปลาเรียบร้อยแล้ว นอกจากจะไม่มีเงินซื้อข้าวหลามแล้วก็ยังจะต้องเดินกลับบ้านอีกต่างหาก

รวมเวลาไปกลับในการนั่งเรือชมชีวิตริมน้ำทั้งหมดก็ประมาณ 2 ชั่วโมง ฉันคิดว่ามันคุ้มมากทีเดียว และฉันก็สรุปได้ว่า ชีวิตริมคลองที่กรุงเทพนั้นก็ต่างกับคลองตามบ้านนอกที่ฉันอยู่นิดหน่อยตรงลักษณะของบ้านเรือน และการประกอบอาชีพของคนแถบนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่มีเหมือนๆ กันก็คือบรรยากาศที่น่าอยู่ และความสงบในธรรมชาติที่ยังพอหลงเหลืออยู่บ้าง


ยังไงก็ตาม ฉันก็ว่าจะมาเที่ยวที่นี่อีก เพราะเดือนหน้าเขาจะเปลี่ยนจากการชมสวนกล้วยไม้ป้าไหม มาเป็นการชมสวนบ้านป้าน้อย ซึ่งจะมีพรรณไม้ไทยๆ ที่มีกลิ่นหอมต่างๆ เช่น หอมพันลี้ ยี่หุบ พุดสามสี ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นพันธุ์ที่ฉันไม่รู้จักทั้งสิ้น แล้วในแต่ละเดือนเขาก็จะเปลี่ยนสถานที่แวะชมไปเรื่อยๆ อย่างนี้เห็นทีฉันจะต้องแวะมาตลาดน้ำตลิ่งชัน แล้วก็มานั่งเรือชมคลองอย่างนี้ทุกเดือนเสียแล้วสิ

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

การเดินทางไปตลาดน้ำตลิ่งชันสามารถไปได้ 2 เส้นทาง คือ จากถนนจรัญสนิทวงศ์เลี้ยวเข้าแยกบางขุนนนท์ไปตามเส้นทางหลัก เมื่อถึงแยกตลิ่งชันให้เลี้ยวซ้าย ขับไปตามทางหลักเรื่อยๆ จะเห็นป้ายสำนักงานเขตตลิ่งชันอยู่ด้านหน้า และหากมาทางถนนบรมราชชนนี ผ่านสายใต้ใหม่ จะเห็นสน.ตลิ่งชันอยู่ทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้าซอยนั้นและขับมาตามทางหลักเรื่อยๆ จะเห็นป้ายสำนักงานเขตตลิ่งชันอยู่ทางขวามือ มีที่จอดรถให้บริการ นอกจากนั้นยังมีรถเมล์สาย 79, 83 ผ่าน

ตลาดน้ำตลิ่งชันเปิดวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ส่วนการท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตริมคลองเริ่มตั้งแต่เวลา 09.30-16.00 น. ใช้เวลา 2 ชั่วโมง/1รอบ ราคาผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 40 บาท ส่วนวันอาทิตย์ รอบเวลา 14.30-16.30 มีรอบพิเศษ ไปชมสวนงูธนบุรี และแวะนมัสการหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ราคาผู้ใหญ่ 120 บาท เด็ก 60 บาท

สอบถามรายละเอียดโทร 0-2424-5448, 0-1701-2565
กำลังโหลดความคิดเห็น