xs
xsm
sm
md
lg

ไหว้พระสมุทรเจดีย์ที่เมืองปากน้ำ...สมุทรปราการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ป้อมยุทธนาวี พระเจดีย์กลางน้ำ ฟาร์มจระเข้ใหญ่ งามวิไลเมืองโบราณ สงกรานต์พระประแดง ปลาสลิดแห้งรสดี ประเพณีรับบัว ครบถ้วนทั่วอุตสาหกรรม”
หลายๆ คนคงจะเดาได้ว่า นี่คือคำขวัญของจังหวัดสมุทรปราการ หรือเดิมเรียกว่าเมืองพระประแดง จังหวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลออกสู่อ่าวไทย และเป็นจังหวัดที่อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครแค่เอื้อม

ด้วยเหตุที่จังหวัดนี้ตั้งอยู่ในบริเวณปากแม่น้ำ คนทั่วไปจึงนิยมเรียกว่า “เมืองปากน้ำ” และจากชื่อของจังหวัดสมุทรปราการ ก็สามารถแปลออกมาได้ตรงตัวว่า กำแพงชายทะเล หรือกำแพงริมทะเล ซึ่งจังหวัดนี้ก็เป็นกำแพงริมทะเลจริงๆ เสียด้วย เนื่องจากในสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองสมุทรปราการขึ้น พร้อมกับโปรดให้สร้างป้อมปราการขึ้นทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากทรงเห็นว่าข้าศึกสามารถจะยกทัพมาตีผ่านเส้นทางนี้ได้ ดังนั้นป้อมปราการทั้ง 6 ป้อม คือ ป้อมประโคนชัย ป้อมนารายณ์ปราบศึก ป้อมปราการ ป้อมกายสิทธิ์ ป้อมผีเสื้อสมุทร ป้อมนาคราช จึงถูกสร้างขึ้น

แต่รัชกาลที่ 2 ได้เสด็จสวรรคตไปก่อนที่การสร้างจะเสร็จสิ้นลง จากนั้นรัชกาลที่ 3 จึงทรงดำเนินงานต่อ และท่านได้โปรดให้สร้างป้อมเพิ่มขึ้นอีก 3 ป้อม คือ ป้อมตรีเพชร ป้อมคงกระพัน ป้อมเสือซ่อนเล็บ ส่วนป้อมพระจุลจอมเกล้า เป็นป้อมที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้สร้างขึ้นเนื่องจากในขณะนั้นเป็นช่วงที่ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสกำลังแสวงหาเมืองขึ้น พระองค์จึงทรงหาวิธีป้องกันต่างๆ เพื่อป้องกันประเทศ โดยเฉพาะการป้องกันทางน้ำ ปัจจุบันมีเพียงป้อมพระจุลฯ และป้อมผีเสื้อสมุทรเท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่

ที่ ป้อมพระจุลจอมเกล้า มีพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฉลองพระองค์ในชุดจอมทัพเรือ พระหัตถ์ถือกระบี่ และใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ยังเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงความเป็นมาของป้อมแห่งนี้อีกด้วย นอกจากนี้ ในบริเวณนั้นก็ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวสามารถชมป่าชายเลนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนกกระยาง นกนางนวล ปลาตีน ปูลม หรือปูก้ามดาบได้ด้วย การเข้าชมป้อมพระจุลฯ ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม แต่จะต้องขออนุญาตและแลกบัตรกับกองรักษาการณ์บริเวณหน้าประตูป้อมฯ

นอกจากป้อมปราการทางทะเลเหล่านี้แล้ว จังหวัดสมุทรปราการก็ยังมี เจดีย์กลางน้ำ หรือพระสมุทรเจดีย์ ซึ่งรัชกาลที่ 2 โปรดให้สร้างขึ้น แต่ยังไม่ทันเสร็จก็สิ้นรัชกาล รัชกาลที่ 3 จึงโปรดให้สร้างต่อเป็นพระเจดีย์สูง 20 เมตร และต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ก็ได้มีการสร้างต่อเติมอีกครั้งเป็นพระเจดีย์สูง 38 เมตร และภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรไว้

แต่เดิมนั้นองค์เจดีย์ตั้งอยู่กลางน้ำจริงๆ แต่ในปัจจุบันชายตลิ่งฝั่งขวาของแม่น้ำได้ตื้นเขินและงอกออกมาเชื่อมเกาะกับแผ่นดินไว้ จึงไม่เป็นเกาะกลางแม่น้ำอีกต่อไป ชาวสมุทรปราการจะจัดงานนมัสการองค์พระสมุทรเจดีย์ประจำทุกปีในระหว่างวันแรม 5 ค่ำ ถึงแรม 14 ค่ำ เดือน 11 (9วัน 9 คืน) โดยจะมีการเย็บผ้าแดงผืนใหญ่ไว้เพื่อห่มองค์พระเจดีย์ และจะเปลี่ยนผ้านี้ทุกๆ ปี ถือเป็นงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดสมุทรปราการเลยทีเดียว

พูดถึงเรื่องงานประเพณีแล้ว ก็จะลืมพิธี ประเพณีสงกรานต์พระประแดง อันมีชื่อไปไม่ได้ เพราะเป็นประเพณีสงกรานต์ตามแบบพื้นบ้านของชาวรามัญ หรือชาวมอญ มีขบวนแห่นางสงกรานต์และการละเล่นพื้นเมืองต่างๆ เช่น สะบ้า มอญรำ เป็นต้น นอกจากนั้นก็ยังมี ประเพณีรับบัว หรือโยนบัว ประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนานของชาวบางพลี ซึ่งจะจัดเป็นประจำทุกปีก่อนวันออกพรรษาหนึ่งวัน ชาวบางพลีจะโยนดอกบัวลงในเรือที่แห่พระพุทธรูปหลวงพ่อโตจำลอง ซึ่งแล่นมาตามคลองสำโรงเพื่อให้ประชาชนได้บูชา และรับดอกบัวจากประชาชนทั้งสองฝั่งคลอง

กลับมาถึงแหล่งท่องเที่ยวกันต่อ สิ่งที่มีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการก็คือ ฟาร์มจระเข้ ซึ่งตั้งขึ้นเป็นแห่งแรกของประเทศ และยังเป็นฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย เพาะเลี้ยงจระเข้ไว้กว่า 60,000 ตัว มีการแสดงโชว์จระเข้ทุกวัน นอกจากนั้นก็ยังมีการแสดงของช้างแสนรู้ และมีสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น เสือ ลิงชิมแปนซี ชะนี ฯลฯ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าชม พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ พร้อมกับชมการฉายสไลด์มัลติวิชั่น เรื่องของมนุษย์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ด้วย ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท

เมืองโบราณ ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากเช่นเดียวกัน ที่เมืองโบราณนี้เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ เป็นศูนย์รวมปูชนียสถานที่สำคัญ ๆ ของแต่ละจังหวัด เช่น เขาพระวิหาร ปราสาทหินพนมรุ้ง ฯลฯ โดยสร้างให้ขนาดเล็กลง บางแห่งก็เท่าแบบจริง นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งรวมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านต่างๆ ดังนั้นผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของประเทศไทยก็จะสามารถศึกษาได้จากเมืองโบราณแห่งนี้ เพียงเสียค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาทเท่านั้น

ชมเมืองโบราณแล้วก็ต้องไปดู พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวัตถุมีค่าและโบราณวัตถุไว้จำนวนมาก เช่น พระพุทธรูป เทวรูปสมัยต่างๆ และภาพวาด เป็นต้น แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็นตัวพิพิธภัณฑ์ที่เป็นรูปช้างสามเศียร ซึ่งเป็นประติมากรรมลอยตัวด้วยวิธีเคาะมือแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำจากโลหะทองแดงนับแสนชิ้น ตัวช้างรวมอาคารมีความสูง 43.60 เมตร หรือสูงขนาดตึก14-17ชั้น เลยทีเดียว

สถานที่ท่องเที่ยวที่จะลืมไม่ได้อีกแห่งหนึ่งก็คือ สถานตากอากาศบางปู ซึ่งเป็นสถานที่ตากอากาศที่มีชื่อเสียง ขึ้นชื่อในเรื่องของอาหารทะเล และเป็นสถานที่พักฟื้นและพักผ่อนของกรมพลาธิการทหารบก ภายในมีสวนไม้ดอกไม้ประดับ มีร้านอาหารมากมาย และใครที่ไปเที่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน ก็จะได้พบกับนกนางนวลอพยพมาคอยต้อนรับอยู่ตามชายทะเล น่าดูมากทีเดียว

และสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่กำลังมาแรงก็คือ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ตลาดน้ำแห่งนี้เกิดมาได้จากภาวะผลผลิตล้นตลาด ดังนั้นอบต.บางน้ำผึ้งและชาวบ้านในชุมชนจึงได้ร่วมมือกันหาทางแก้ไข ซึ่งตลาดน้ำแห่งนี้ก็สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี ใครที่ได้มาตลาดน้ำแห่งนี้ก็จะได้เห็นวิถีชีวิตชาวไทยเชื้อสายมอญริมคลอง และยังมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอาหารที่มีชื่อเสียงของชุมชน นอกจากนี้ยังมีเรือพาย และจักรยานให้เช่าเพื่อไปดูวิถีชีวิตชุมชนได้ด้วย ใครสนใจเชิญมาได้ตั้งแต่แปดโมงเช้า ถึงบ่ายสองโมง ก่อนกลับบ้านอย่าลืมแวะซื้อของฝากขึ้นชื่อของเมืองปากน้ำอย่างปลาสลิด และขนมจากไปฝากคนทางบ้านด้วย

จังหวัดสมุทรปราการดูจะเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่เหมือนจะไม่ค่อยมีอะไร แต่ดูกันจริงๆ แล้วจะเห็นว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แถมยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ดังนั้นเสาร์อาทิตย์นี้หากใครมีเวลาว่างก็
นั่งรถมาเที่ยวเมืองปากน้ำกันได้ รับรองไม่ผิดหวัง

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สอบถามรายละเอียดการท่องเที่ยวได้ที่ ททท. ภาคกลาง เขต 3 โทร.0-3842-7667, 0-3842-8750
ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ โทร.0-2703-4891, 0-2703-5144 ถึง 8
เมืองโบราณ โทร.0-2323-9253, 0-2709-1644
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ โทร.0-2371-3135-6


อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

จังหวัดสมุทรปราการ

"เมืองโบราณ" กับอดีตที่ยังคงทันสมัย

ท่องไปในท้องช้างยักษ์ ที่ "พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ"
 
กำลังโหลดความคิดเห็น