xs
xsm
sm
md
lg

มหัศจรรย์ “ป่าท่าปอม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสือ 2 ตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ฉันใดก็ฉันเพล ที่ 2 พรรคการเมืองใหญ่อย่างไทยรักไทยและประชาธิปัตย์ก็ไม่อาจที่จะร่วมรัฐบาลเดียวกันได้(ถ้าผลประโยชน์ไม่ลงตัว) ซึ่งผิดแผกแตกต่างออกไปจากสายน้ำจืดและสายน้ำเค็มแห่งผืน “ป่าท่าปอม” จ.กระบี่ ที่แม้ว่าจะเป็นน้ำคนละประเภท แต่ว่าต่างก็ไหลผสมผสานกลมกลืนกลายเป็น “คลองสองน้ำ” อันสวยงามและน่าอัศจรรย์ใจ

“คลองสองน้ำ”เป็นคลองที่เกิดจากลักษณะพิเศษของระบบนิเวศ ที่ในช่วงขึ้น 12 ค่ำไปจนถึง แรม 5 ค่ำ ที่น้ำทะเลหนุนขึ้นสูงซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เรียกกันว่า“น้ำใหญ่”นั้น น้ำทะเลจะหนุนสูงลึกเข้ามาในคลองท่าปอมถึงศาลาเล่นน้ำและผสมกับน้ำจืดในคลองท่าปอมกลายเป็นคลองน้ำกร่อยที่มีสีฟ้าค่อนข้างขุ่น

แต่ว่าก็เป็นช่วงเวลาไม่นาน เพราะหลังจากนั้นน้ำทะเลก็จะลง และถูกแทนที่ด้วยน้ำจืดที่ใสแจ๋ว ซึ่งไม่ได้เกิดจากการที่มีคนไปช่วยกันแกว่งสารส้มแต่อย่างใด แต่ว่าเกิดจากการที่ลำธารสายนี้มีต้นกำเนิดจากเขาหินปูนที่มีสารแคลเซียมคาร์บอเนตที่มีคุณสมบัติในการจับตะกอนและสารแขวนลอยให้จมตัว

เมื่อสายน้ำไหลผ่านหินปูนเจ้าสารตัวนี้ก็จะละลายปนมาพร้อมกับจับสารแขวนลอยไหลไปจมตัวในน้ำนิ่ง น้ำในลำคลองท่าปอมจึงใสไหลเย็นมองเห็นตัวปลาและพืชใต้น้ำได้อย่างชัดเจน แต่ว่าในน้ำจืดที่รสจืดสนิทกลับไม่เหมาะสมต่อการดื่มด้วยประการทั้งปวงเนื่องจากว่ามีหินปูน เมื่อดื่มกินเป็นประจำนิ่วถามหาแน่นอน

เพราะฉะนั้นน้ำจืดที่คลองสองน้ำแห่งป่าท่าปอมจึงเหมาะที่จะเดินชมความงามมากกว่า เพราะยามที่สายน้ำจืดที่ใสแจ๋วแหววต้องแสงแดด จะส่งประกายระยิบระยับราวแก้วผลึก โดยบางช่วงใต้ท้องน้ำจะงดงามด้วยสีเขียวสดจากพืชใต้น้ำที่มองเห็นได้อย่างถนัดถนี่ตา ส่วนบางช่วงก็ดูเพลินตาด้วยฝูงปลาที่แหวกว่ายทวนสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ โดยความงามของทั้งสายน้ำจืดและสายน้ำกร่อยนั้น เราๆท่านๆสามารถเดินชมความงามได้ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทาง อบต.เขาคราม สร้างขึ้นเป็นวงรอบในระยะทาง 700 เมตร ซึ่งนอกจากคลองสองน้ำแล้ว ป่าท่าปอมก็ยังมีป่าธรรมชาติถึง 3 ป่า ให้เลือกชมในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติโดยไม่ต้องเดินลุยเข้ารกเข้าป่าแต่ประการใด

สำหรับป่าชนิดไหนมีลักษณะอย่างไร “ผู้จัดการท่องเที่ยว”ว่าหากมาเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ป่าท่าปอมแม้ว่าจะไม่ใช่กูรูเรื่องป่า แต่ว่าก็น่าจะสังเกตไม่ยาก เนื่องจากว่าป่าแต่ละประเภทต่างก็มีลักษณะเด่นแตกต่างกันออกไป โดย ป่าชายเลน จะเห็นเป็นจุดแรกตั้งแต่ก่อนเข้าสู่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ซึ่งจะเห็นรากของต้นโกงกางที่เป็นดังพระเอกของป่าชายเลนขึ้นโชว์รากระโยงระยางอยู่ทั่วไป

และเมื่อเดินไปทางขวาบนสะพานประมาณ 20 เมตร ก็จะได้เห็น ป่าพรุน้ำจืด ที่เป็นป่าหาดูได้ยาก โดยป่าพรุท่าปอมมีลักษณะต่างจากป่าพรุทั่วไป คือเป็นป่าพรุบนดอนที่น้ำไม่ท่วมขังเหมือนป่าพรุอื่นๆ แต่ว่าใครอย่าเผลอลงไปเดินในป่าพรุเข้าให้หละ เพราะดินแฉะๆที่ดูไม่น่าลึกไหร่ แต่ว่าหากลงไปเดินก็จะจมไปครึ่งค่อนตัวทีเดียว ซึ่งทางที่ดีควรเดินชมเสน่ห์ของป่าพรุบนสะพานนั่นแหละดีที่สุด

สำหรับพืชพันธุ์ที่เด่นแห่งป่าพรุท่าปอมก็คงจะไม่มีอะไรเกิน ตังหนใบเล็ก (วงศ์ GUTTIFERAE) ไม้ยืนต้นขนาดกลาง ที่มีรากรูปร่างพิลึก คือเป็นรากที่ดูคล้ายหัวเขาที่งอพับ โผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาประมาณ 20 เซนติเมตรดูปแปลกตาน่ามอง

จากป่าพรุเมื่อเดินผ่านบรรยากาศอันชวนมองก็จะเข้าสู่บรรยากาศของ ป่าดิบชื้น ที่ลักษณะของป่านี้ก็สังเกตไม่ยาก เพราะ 2 ป่าที่ผ่านมาจะเป็นป่าที่ส่วนมากเป็นต้นไม้เล็กๆและเป็นป่าโปร่ง แต่ว่าพอเข้าเขตป่าดิบชื้นจะสัมผัสได้ถึงต้นไม้อันร่มครึ้มที่เต็มไปด้วยไม้ยืนต้นขนาดใหญ่

ของดีที่ผืนป่าท่าปอมยังไม่หมดแค่นี้ เพราะที่นี่ยังมีเสน่ห์ของรากไม้ให้ชวนมองอยู่ทั่วไปตามริมตลิ่งสองฝั่งคลองโดยรากของต้นไม้หลายประเภทจะปรับตัวด้วยการโผล่รากขึ้นมาหายใจ ในลักษณะเลาะเลี้ยวเคี้ยวโค้งเกี่ยวกวัดรัดกันไปมาดูสวยงามแปลกตาน่ามอง โดยรากของตนไม้ที่พบมากก็เห็นจะหนีไม่พ้นรากของต้นชมพู่น้ำ ซึ่งต้นไม้ชนิดนี้ใช่แค่มีรากที่มีเสน่ห์ แต่ว่ายามที่ชมพู่น้ำออกดอกก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน เพราะว่าแต่ว่าดอกของชมพู่น้ำที่มีช่อสั้นๆมีเกสรตัวผู้สีขาวนวลดูเล็กฝอยฟูฟ่องนั้นงามไม่เบาทีเดียว โดยเพาะยามที่ดอกชมพู่น้ำร่วงหล่นลงไปลอยในสายน้ำดูพลิ้วไหวนั้นน่าชมมากๆ

และพวกรากไม้ต่างๆนี่แหละที่ถือเป็นจุดเกาะยึดอย่างดีของคนที่ลงไปเล่นน้ำ ซึ่งทางอบต.เขาครามเปิดบางช่วงให้นักท่องเที่ยวลงไปแหวกว่ายเล่นน้ำได้ แต่ว่าต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ส่วนใครที่อยากสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแห่งป่าท่าปอมในความรู้สึกที่แตกต่างไปจากการเดินชมบนสะพาน ก็สามารถพายเรือแคนูชมความงามของคลองสองน้ำและป่าท่าปอมได้

นอกจากนี้ที่ป่าท่าปอมยังมีแก่งหินที่สีเหลืองคล้ายมัสตาร์ดที่เป็นความมหัศจรรย์ธรรมชาติอย่างหนึ่ง โดยแก่งหินเหลืองนี้เกิดจากหินดินดานทำปฏิกิริยากับอากาศจนเกิดเป็นโขดหินสีเหลืองทั่วไปในลำน้ำ เรียกได้ว่าในผืนป่าท่าปอมนี่มีธรรมชาติที่ชวนให้อัศจรรย์ใจอยู่มากหลาย ซึ่ง“ผู้จัดการท่องเที่ยว” คิดว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผืนป่าท่าปอมคงความมหัศจรรย์มาถึงทุกวันนี้ก็เพราะเรื่องราวตำนานอาถรรพ์ของผืนป่าแห่งนี้

โดยในอดีตย้อนไปเมื่อ 130 กว่าปีที่ผ่านมาป่าท่าปอมนับเป็นดินแดนอาถรรพ์น่ากลัวที่ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป แต่เมื่อ “โต๊ะปอม” “โต๊ะหมัน” และ “นายกาแมะ” ผู้เก่งกล้าในวิชาอาคมได้มาบุกเบิกและอาศัยอยู่ที่ผืนป่าปอม ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยรุ่นต่อๆมาต่างก็เล่ากันว่ามักจะพบจระเข้ขาวปรากฏตัวอยู่เสมอในแอ่งน้ำของป่าท่าปอม พวกเขาเชื่อกันว่าจระเข้ขาวคือเจ้าที่ผู้มาปกปักรักษาป่าผืนนี้ให้คงความอุดมสมบูรณ์

สมัยก่อนชาวบ้านจะไม่ลงเล่นน้ำในวันเสาร์และอังคารเด็ดขาดเนื่องจากเชื่อว่าจะทำให้เกิดอาเพศต่างๆ ส่วนชาวชุมชนก็ได้อาศัยสายน้ำเป็นเส้นทางออกหาปูปลาในทะเลนับจากอดีตเรื่อยมาถึงปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่ก็จะกลับเข้าฝั่งมาด้วยปูปลาที่เต็มลำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าท้องน้ำในแถบนั้นยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก

ณ วันนี้อาถรรพ์ของป่าท่าปอมถูกกระแสทุนนิยมกลบเลือนหายไป แต่ว่าความมหัศจรรย์ของป่าท่าปอมและคลองสองน้ำยังคงอยู่ ซึ่งก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ทั้งนักท่องเที่ยว ผู้ดูแลผืนป่าและคนในพื้นที่ต้องช่วยกันดูแลรักษาผืนป่ามหัศจรรย์แห่งนี้ให้อยู่คู่โลกไปตราบนานเท่านาน

ทั้งนี้ก็เพราะว่าหลังจากที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ยกให้ป่าท่าปอมเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ก็ทำให้มีคนแวะเวียนมาเที่ยวป่าท่าปอมกันไม่ได้ขาด แน่นอนว่างานนี้ถ้าอบต.เขาคราม จัดการไม่ดีป่าท่าปอมพังแน่ เพราะการท่องเที่ยวนั้นเปรียบเสมือนดาบ 2 คม ที่ด้านหนึ่งนำความเจริญและนำรายได้เข้าสู่ชุมชน แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นตัวเร่งทำลายธรรมชาติและวิถีชีวิตวัฒนธรรมอย่างร้ายกาจไม่แพ้กัน

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ป่าท่าปอม ตั้งอยู่ที่ ม.2 บ้านหนองจิก ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของอบต.เขาคราม ซึ่งได้สร้างเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้เดินเป็นวงรอบเลียบไปกับลำธารในระยะทาง 700 เมตรนักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ในพื้นที่ที่กำหนด โดยที่หน้าทางเข้ามีห่วงยาง ชูชีพและเรือแคนูไว้ให้เช่า

การเที่ยวชมป่าท่าปอมนักท่องเที่ยวห้ามนำอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึง แชมพู สบู่ ผงซักฟอก ครีมทากันแดด เข้าไปลงเล่นน้ำเพราะว่าจะมีผลกระทบต่อระบบนิเวศของป่าและสายน้ำ

สำหรับการเดินทางสู่ป่าท่าปอมนั้นจากตัวเมืองกระบี่ไปตามทางหลวงหมายเลข 4 ทางไป อ.อ่าวลึก ประมาณ 22 กม. เมื่อถึงบ้านทุ่ง ซ้ายมือจะมีป้ายบอกทางไปป่าท่าปอมคลองสองน้ำให้เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 5 กม. ก็จะถึงลานจอดรถ ที่มีสวนปาล์มอยู่ขวามือ เสียค่าจอดรถ รถเก๋ง รถตู้ รถกระบะ 20 บาท รถบัส 100 บาท มอเตอร์ไซค์ จักรยาน 10 บาท ส่วนค่าเข้าชมป่าท่าปอม คนไทย ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท ค่าเช่าเรือแคนู ชั่วโมงละ 100 บาท วันละ 700 บาท


ผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อบต.เขาคราม โทร.0-7569-4198 และ 0-7569-4165

กำลังโหลดความคิดเห็น