xs
xsm
sm
md
lg

ชมความงดงาม…5 พระอารามหลวงชั้นเอก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หากพูดถึง “วัด” แล้ว เชื่อว่าอย่างแรกที่หลายๆ คนคงนึกถึงก็คือ สถานที่ที่เอาไว้ใช้ประกอบกิจกรรมต่างๆ ในทางศาสนา เช่น งานศพ หรืองานบุญต่างๆ รวมไปถึงเป็นสถานที่ทำพิธีในวันสำคัญทางศาสนาต่างๆ อย่างเช่น วันมาฆบูชานี้ด้วย

แต่สถานที่ที่เรียกว่า “วัด” นั้นนอกจากจะเป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนาแล้ว ก็ยังสามารถบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ ศิลปะ สถาปัตยกรรม และเรื่องราวอื่นๆ อีกมากมาย

“วาไรตี้ท่องเที่ยว” ได้นำเอาประวัติและสิ่งที่น่าสนใจของพระอารามหลวงชั้นเอกทั้ง 5 วัด ซึ่งอยู่ในบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์มานำเสนอ ซึ่งแต่ละวัดก็ล้วนแล้วแต่มีความงามและความสำคัญที่ต่างกันไป

วัดโพธิ์ อาณาจักรแห่งเจดีย์

วัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เดิมชื่อวัดโพธาราม เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา มีหลักฐานในศิลาจารึกว่า หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนาพระบรมมหาราชวังแล้ว ก็ทรงเห็นว่า มีวัดเก่าขนาบพระบรมมหาราชวัง 2 วัด ด้านเหนือ คือ วัดสลัก (วัดมหาธาตุฯ) ด้านใต้คือ วัดโพธาราม ดังนั้นจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุนนางเจ้าทรงกรม ช่างสิบหมู่อำนวยการบูรณปฏิสังขรณ์ ใช้เวลาถึง 7 ปี 5 เดือน 28 วัน จึงแล้วเสร็จ และพระราชทานนามให้ใหม่ว่า “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาศ” ต่อมารัชกาลที่ 4 ได้โปรดฯ ให้เปลี่ยนท้ายนามวัดเป็น "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม"

สิ่งที่น่าสนใจในวัดโพธิ์นั้นมีมากมาย นับตั้งแต่พระอุโบสถ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธเทวปฏิมากร พระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงาม และที่ฐานชุกชีของพระพุทธรูปที่ก่อไว้ 3 ชั้นนั้น ในที่ 1 ได้บรรจุพระบรมอัฐิและพระราชสรีรังคารของรัชกาลที่ 1 ไว้ด้วย

ที่วัดโพธิ์นี้ มีวิหารพระพุทธไสยาส ซึ่งเป็นพระนอนที่รัชกาลที่ 3 โปรดให้สร้างขึ้น โดยสร้างองค์พระขึ้นก่อน แล้วจึงสร้างวิหารครอบภายหลัง พระนอนองค์นี้มีขนาดความยาวถึง 46 เมตรด้วยกัน และที่พระบาทจำหลักมุกเป็นภาพมงคล 108 ประการ ซึ่งมีความงดงามอย่างยิ่ง

เหตุที่เรียกวัดโพธิ์ว่า อาณาจักรแห่งเจดีย์นั้น ก็เนื่องจากว่าที่นี่มีเจดีย์กว่าร้อยองค์ ทั้งเจดีย์รายและเจดีย์หมู่ แต่เจดีย์ที่มีความงดงามและโดดเด่นที่สุดก็คือ เจดีย์สี่รัชกาล ซึ่งเป็นเจดีย์ประจำพระองค์ของรัชกาลที่ 1-4 ซึ่งเจดีย์องค์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว มีนามว่า “พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ” เป็นมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1 เจดีย์องค์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีขาวมีนามว่า “พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน” เป็นเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 2

เจดีย์องค์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลืองนามว่า “พระมหาเจดีย์มุนีบัตรบริขาร” เป็นเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 3 ส่วนเจดีย์องค์สุดท้าย เป็นเจดีย์ประดับด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินเข้ม นามว่า “พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย” เป็นเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 4

นอกจากนี้ที่วัดโพธิ์ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น แหล่งแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะการนวดวัดโพธิ์ รวมทั้งเป็นเสมือนมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย เนื่องจากที่นี่เป็นแหล่งรวมสรรพวิชา อันอยู่ในแผ่นจารึกที่ติดไว้บริเวณวัดให้ผู้ที่สนใจหาความรู้เข้ามาศึกษาได้ ซึ่งมีทั้งตำรายา ตำราหมอนวดแผนโบราณ และโคลงฉันท์กาพย์กลอนต่างๆ และสิ่งที่เป็นจุดเด่นของวัดก็คือ ตุ๊กตาหินจีนมากมายที่ประดับอยู่ตามซุ้มประตู หรือบริเวณต่างๆ อันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของวัดโพธิ์ที่น่าสนใจไม่น้อย

ที่ตั้ง : หลังพระบรมมหาราชวัง ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร เปิดทุกวัน 08.00 - 16.00 น.

อ่านเรื่องเกี่ยวกับวัดโพธิ์

ดูของดี ที่ “วัดโพธิ์”
เที่ยว“วัดโพธิ์” สัมผัสวัดเก่า ในมุมมองใหม่


วัดอรุณ อรุณรุ่งริมน้ำเจ้าพระยา

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ที่หลายคนพอได้ยินชื่อแล้วก็จะนึกไปถึงภาพของพระปรางค์องค์ใหญ่สง่างามที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรียกว่าเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานครก็ว่าได้

วัดอรุณราชวรารามฯ เป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมมีชื่อเรียกว่า "วัดมะกอกนอก" แต่ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรี เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีพระราชประสงค์จะย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยุธยามาตั้ง ณ กรุงธนบุรี จึงเสด็จกรีฑาทัพล่องลงมาตามลำน้ำเจ้าพระยาจนมาถึงหน้าวัดมะกอกนอกนี้เมื่อเวลาอรุณรุ่งพอดี จึงทรงเปลี่ยนชื่อวัดมะกอกนอกเป็น "วัดแจ้ง" เพื่อเป็นอนุสรณ์ว่าท่านได้เสด็จมาถึงที่แห่งนี้เมื่อยามรุ่งอรุณนั่นเอง

ในสมัยของพระเจ้าตากสินฯนั้น วัดแจ้งถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองธนบุรี เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตพระราชวัง จึงไม่มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษา อีกทั้งวัดแจ้งนี้ยังเคยเป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกตและพระบางอีกด้วย

เมื่อมาถึงแผ่นดินรัตนโกสินทร์ ซึ่งได้ย้ายราชธานีจากธนบุรีมายังฝั่งพระนคร วัดแจ้งจึงกลายเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาอีกครั้ง รัชกาลที่ 2 หรือพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรในขณะนั้น เป็นผู้ดำเนินการปฏิสังขรณ์วัดแจ้ง จนเมื่อวัดแห่งนี้ได้รับการปฏิสังขรณ์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ลง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงโปรดพระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดอรุณราชธาราม”

เมื่อปฏิสังขรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้วรัชกาลที่ 2 ยังได้ทรงปั้นหุ่นพระพุทธรูปด้วยพระองค์เอง และโปรดให้หล่อขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ ภายหลังเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติ พระองค์ได้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถ และพระราชทานนามว่า "พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก" พร้อมทั้งพระราชทานนามวัดเสียใหม่ว่า "วัดอรุณราชวราราม"

สิ่งที่เป็นจุดเด่นของวัดอรุณนี้ ก็คือพระปรางค์องค์สูงใหญ่ขนาดสูง 1 เส้น 13 วา 1 ศอก 1 คืบ กับ 1 นิ้ว ส่วนความกว้างวัดฐานกลมโดยรอบได้ 5 เส้น 37 วา พระปรางค์องค์นี้สร้างขึ้นตามแบบที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงคิดขึ้นเมื่อคราวที่ท่านทรงปฏิสังขรณ์วัดอรุณใหม่ ตัวองค์พระปรางค์สร้างแบบก่ออิฐถือปูน ประดับกระเบื้องเคลือบ จานชามเบญจรงค์ และเปลือกหอย ตกแต่งเป็นลวดลายสวยงาม ส่วนยอดปรางค์เป็นนภศูลและมงกุฎปิดทอง

ที่ตั้ง : ข้างกองทัพเรือ ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ เปิดทุกวัน 08.00 - 16.00 น.

วัดสุทัศน์ อารามหลวงกลางกรุง

วัดสุทัศน์เทพวราราม อีกหนึ่งพระอารามหลวงชั้นเอก ซึ่งเกิดขึ้นมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ซึ่งมีพระราชประสงค์จะให้วัดแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของกรุงเทพมหานคร และท่านได้พระราชทานนามให้วัดแห่งนี้ว่า “วัดมหาสุทธาวาส” แต่คนทั่วไปมักเรียกวัดนี้ว่า วัดพระโต วัดพระใหญ่ หรือวัดเสาชิงช้า

น่าเสียดายที่รัชกาลที่ 1 ได้สวรรคตไปก่อนที่วัดมหาสุทธาวาสจะเสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงได้ทรงดำเนินงานต่อ และพระราชทานชื่อวัดนี้ใหม่ว่า “วัดสุทัศนเทพวราราม”

วัดสุทัศน์ถือว่าเป็นวัดที่มีการวางผังได้สัดส่วนงดงามที่สุด และมีศิลปวัตถุมีค่าอยู่มากมาย เช่น "พระศรีศากยมุนี" พระประธานในวิหารหลวง พระพุทธรูปหล่อด้วยสำริดสมัยสุโขทัยอายุกว่า 600 ปี ซึ่งชะลอมาจากวิหารหลวง วัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัย

ด้านพระวิหารหลวงของวัดสุทัศน์ ก็จำลองแบบมาจากวัดมงคลบพิตรที่กรุงศรีอยุธยา มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงรัตนโกสินทร์ และอีกสิ่งหนึ่งที่มีค่ายิ่งก็คือ บานประตูไม้คู่หน้า ซึ่งจำหลักลายต้นพฤกษามีกิ่งก้านเกาะเกี่ยวซ้อนกันอย่างงดงาม โดยเป็นผลงานจากฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่ทรงกำหนดลักษณะลาย แบบวิธีแกะสลัก และทรงเริ่มจำหลักด้วยพระองค์เอง ปัจจุบันบานประตูนี้เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร

นอกจากนั้นที่วัดสุทัศน์นี้ยังไม่มีเจดีย์เหมือนวัดอื่นๆ เนื่องจากมี “สัตตมหาสถาน” ซึ่งเป็นอุเทสิกเจดีย์ หรือเป็นต้นไม้สำคัญในพุทธศาสนา 7 ชนิดแทน และที่นี่ยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์ของรัชกาลที่ 8 ประดิษฐานไว้บริเวณลานประทักษิณชั้นล่างมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือพระวิหารหลวง

วัดสุทัศน์นี้ถือเป็นพระอารามประจำรัชกาลที่ 8 เนื่องจากเมื่อคราวที่ท่านเสด็จนิวัติพระนครเป็นครั้งแรก ได้เสด็จมาที่วัดนี้ และทรงปรารภว่าวัดสุทัศน์นี้ร่มเย็นน่าอยู่ ดังนั้นเมื่อรัชกาลที่ 8 เสด็จสวรรคตแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรจุพระบรมราชสรีรางคารพระบรมเชษฐาธิราชเจ้าไว้ ณ ผ้าทิพย์ เบื้องหน้าฐานชุกชีพระศรีศากยมุนี ในวันที่ 9 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเสด็จสวรรคต

ที่ตั้ง : บริเวณเสาชิงช้า ตรงข้ามศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เปิดทุกวัน 08.00 - 16.00 น.

อ่านเรื่องเกี่ยวกับวัดสุทัศน์

วัดสุทัศน์ฯ : แหล่งศิลปสถาปัตย์แห่งโลกพระธรรม

วัดราชประดิษฐ์ วัดธรรมยุติแห่งแรกของไทย

วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม หรือชื่อเดิมคือ “วัดราชประดิษฐ์สถิตธรรมยุติการาม” ถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 4 และเป็นพระอารามแห่งแรกของคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติ ซึ่งรัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น

ในสมัยรัชกาลที่ 3 บริเวณวัดแห่งนี้ถูกใช้เป็นสวนกาแฟ แต่เมื่อถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 สวนกาแฟนี้รกร้างขาดคนดูแล ประกอบกับท่านทรงมีพระราชดำริว่า ตามโบราณราชประเพณีแล้ว ภายในเมืองหลวงจะต้องมีวัดสำคัญอยู่ 3 วัดด้วยกัน คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และวัดราชประดิษฐ์ รวมทั้งทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้มีวัดธรรมยุติกนิกายใกล้กับพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้ข้าราชบริพารผู้ประสงค์จะทำบุญตามคติอย่างธรรมยุติกนิกายไม่ต้องเดินทางไปไกลนัก และเพื่อที่ท่านจะได้ทรงปรึกษาสอบสวนข้อปฏิบัติต่างๆ ของสงฆ์ธรรมยุติกนิกายที่ทรงตั้งขึ้นด้วยพระองค์เอง

ความน่าสนใจในการสร้างวัดนี้เริ่มตั้งแต่การถมที่ เนื่องจากที่ดินบริเวณนี้เป็นดินอ่อน หากใช้ดินและทรายถมก็อาจทำให้พื้นทรุดตัวในภายหลังได้ ท่านจึงทรงมีพระราชดำริใช้ไหกระเทียมที่นำมาจากเมืองจีน หรือเศษเครื่องกระเบื้องถ้วย ชาม ที่แตกหักมาถมที่แทน โดยทรงใช้วิธีออกประกาศบอกบุญเรี่ยไรให้ประชาชนนำไหกระเทียมมาร่วมเป็นพระราชกุศล

เมื่อการสร้างวัดเสร็จสมบูรณ์ รัชกาลที่ 4 ได้ทรงเปลี่ยนชื่อวัดจาก วัดราชประดิษฐ์สถิตธรรมยุติการาม เป็น “วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม” ทั้งนี้อาจจะทรงเห็นว่า นามวัดที่พระราชทานไว้เดิมนั้นเป็นการเจาะจงต่อพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติมากเกินไป หรืออาจจะเพื่อให้เป็นที่เหมาะสมกับที่โปรดให้ประดิษฐานหลักศิลา หรือสีมาใหญ่ 10 หลัก เพื่อเป็นขอบเขตของพระอารามก็เป็นได้

เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์สิ่งที่ชำรุดทรุดโทรมทั่วทั้งพระอาราม และได้โปรดให้บรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้ในกล่องศิลาและประดิษฐานไว้ในพระพุทธอาสน์ของพระพุทธสิหิงค์ปฏิมากร พระประธานในพระวิหารหลวง ตามพระกระแสรับสั่งของพระบรมราชชนก

สิ่งที่น่าสนใจวัดราชประดิษฐ์ฯ นี้ มีอยู่มากมาย เช่น พระวิหารหลวง ซึ่งเป็นอาคารทรงไทย มีมุขด้านหน้าและหลัง ผนังภายนอกประดับด้วยหินอ่อน หลังคามุงกระเบื้องเคลือบสี ประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา ซึ่งปิดทองประดับกระจกอย่างงดงาม หน้าบันด้านหน้าและด้านหลังเป็นตราพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ส่วนภายใน บนผนังด้านหน้าพระประธาน มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกำลังส่องกล้องดูสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

นอกจากนั้น ภายในวัดยังมีปรางค์แบบขอม และหอพระจอมซึ่งภายในประดิษฐานพระบรมรูปยืนเต็มพระองค์ ขนาดเท่าพระองค์จริง ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้อีกด้วย

ที่ตั้ง : ถนนสราญรมย์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

งามแปลกแตกต่าง วัดราชบพิธฯ

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรมหาวิหาร หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า วัดราชบพิธฯ เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับพระอัครมเหสี พระราชเทวี และเจ้าจอมพระสนมเอกของพระองค์ โดยสร้างเลียนแบบวัด 2 วัดคือ วัดพระปฐมเจดีย์กับวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม

ความพิเศษของวัดแห่งนี้อยู่ที่เสมา ซึ่งตามปกติแล้ว เสมาของวัดโดยทั่วไปจะมีอยู่ตามมุมพระอุโบสถ หรือติดอยู่กับตัวพระอุโบสถ แต่เสมาของวัดราชบพิธฯ นี้เป็นเสมาขนาดใหญ่ และตั้งอยู่บนกำแพงรอบวัด ถึง 8 ด้านด้วยกัน เพื่อเป็นการขยายเขตทำสังฆกรรมของสงฆ์ให้กว้างออกไป และทำให้วัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีลักษณะพิเศษต่างไปจากวัดอื่นๆ นอกจากนั้น การก่อสร้างสถาปัตยกรรมของที่นี่ยังมีลักษณะพิเศษ คือมีพระอุโบสถ พระวิหารและระเบียงล้อมพระมหาเจดีย์ใหญ่ซึ่งอยู่ตรงกลาง อันเป็นรูปแบบของการสร้างโบสถ์และวิหารแบบใหม่

ตัวอุโบสถเองนั้น สถาปัตยกรรมภายนอกเป็นแบบไทยแท้ ส่วนภายในตกแต่งเป็นแบบฝรั่ง โดยเป็นสถาปัตยกรรมโกธิค กล่าวกันว่ามีลักษณะคล้ายพระที่นั่งแห่งหนึ่งในพระราชวังแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส ส่วนพระประธานในพระอุโบสถมีนามว่า พระอังคีรส ซึ่งภายใต้พระประธานได้บรรจุพระสรีรังคารของ รัชกาลที่ 5 และพระสรีรังคารของพระมหากษัตริย์พระองค์อื่น ๆ ด้วย

ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ วิหาร และเจดีย์ของวัดราชบพิธฯล้วนตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบเบญจรงค์ที่สั่งมาจากเมืองจีน ส่วนบานประตูหน้าต่าง ก็ประดับด้วยลายมุกทำเป็นลายไทย และ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างๆ ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นซุ้มมงกุฎประดับปูนปั้นปิดทอง ประดับกระจกแพรวพราว

สิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมที่ควรชมอีกอย่างหนึ่งของวัดราชบพิธฯ คือ สุสานหลวง อยู่ทางด้านทิศ ตะวันตกของพระอุโบสถ สุสานนี้ส่วนมากจะสร้างเป็นอนุสาวรีย์ไว้บรรจุพระอัฐิของเจ้านายในพระราชวงศ์จักรี ซึ่งอนุสาวรีย์นี้ก็มีทั้งแบบโกธิค แบบขอม และแบบไทย นับว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

ที่ตั้ง : ถนนเฟื่องนคร แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

พระอารามหลวง คือวัดที่พระมหากษัตริย์ หรือพระบรมวงศานุวงศ์ เช่น สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือทรงบูรณปฏิสังขรณ์ หรือมีผู้สร้างน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นวัดหลวง และวัดที่ราษฎรสร้าง หรือบูรณปฏิสังขรณ์ และขอพระราชทานให้ทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวง ซึ่งแต่ละวัดอาจมีฐานะ หรือระดับชั้นแตกต่างกันออกไป การจัดลำดับชั้นของวัดหลวง เริ่มมีขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดระเบียบแบ่งชั้นพระอารามหลวงออกเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นเอก ชั้นโท และชั้นตรี

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
ทำบุญใหญ่ ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 แห่ง บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์
กำลังโหลดความคิดเห็น