เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กบ้านนอกอย่างฉันที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงแล้วสนใจข่าวสารของคนกรุงเทพฯ ฉันเคยได้ดูโฆษณาชิ้นหนึ่งในโทรทัศน์เป็นโฆษณาที่บอกว่าผู้ว่าฯ เมืองหลวงได้ให้อะไรเป็นของขวัญของคนกรุงเทพฯ หนึ่งในนั้นก็มี สวนสาธารณะ สถานที่ที่คนกรุงเทพสามารถมาสูดอากาศบริสุทธิ์ได้แบบเต็มปอด
ช่วงขณะที่กำลังรอสวนสาธารณะใหม่ผุดขึ้นในกรุงเทพฯ ฉันเลยถือโอกาส ไปเที่ยวชมบรรยากาศของ “สวนลุมพินี” สวนสาธารณะแห่งแรกของกรุงเทพฯ ที่ยังคงครองใจของคนกรุงฯอยู่ไม่เสื่อมคลาย
ฉันใช้เวลาเย็นย่ำแต่ไม่ค่ำเดินเล่นในสวน ด้านหน้าประตูทางเข้ามีพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.6) ฉันเคารพพระบรมรูปอย่างนอบน้อมก่อนที่จะเข้าไปเดินเล่นข้างใน ซึ่งด้านหน้าลานพระบรมรูปจะมีน้ำพุประดับด้วยดอกไม้ที่สวยงาม ฉันเดิมฮัมเพลงอยู่ได้ไม่นานก็มีเสียงเพลงที่คึกคักและดังกว่าเข้ามากลบเสียงฉัน
เมื่อเดินไปสักระยะจึงรู้ว่าเสียงเพลงที่ได้ยินเป็นเพลงประกอบการเต้นแอโรบิค ผู้คนมากมายต่างให้ความสนใจและเต้นกันอย่างสนุกสนาน
ฉันนึกอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงมีผู้คนถึงได้มารวมตัวเต้นกันอย่างมากมายขนาดนี้ นัดกันไว้หรือเปล่า? จึงเข้าไปสอบถามได้คำตอบจากหลายๆ เสียงกลับมาว่า โดยปกติแล้วก็ไม่รู้จักกันเท่าไหร่ เพราะที่นี่ใครจะมาเต้นก็ได้ บางคนถึงขั้นลงทุนเอาเสื้อผ้าใส่ไว้ในรถ ตกเย็นเลิกงานก็แปลงร่างชุดทำงานกลายเป็นชุดนักเต้น
ฉันว่าก็เป็นการใช้เวลาว่างที่เป็นประโยชน์ เป็นการออกกำลังกายทำให้สุขภาพแข็งแรงโดยที่ไม่ต้องเสียเงินแพงๆ ตามศูนย์ออกกำลังกาย
เมื่อเดินถัดจากกลุ่มนักเต้นมาก็จะเป็น ห้องสมุดประชาชนสวนลุมพินี ที่นี่เขามีการนำเสนอบริการในรูปแบบแหล่งค้นคว้าความรู้จากหนังสือและวีดีทัศน์ด้วย โดยจะเปิดทำการตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. เฉพาะวันอังคาร-วันอาทิตย์ เท่านั้น
ส่วนด้านหน้าของห้องสมุดประชาชนสวนลุมพินีก็จะเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ไว้ให้ผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวโรแมนติกแบบสองต่อสองได้มาปั่นจักรยานน้ำและพายเรือกัน ฉันเห็นหนุ่มสาวปั่นจักรยานน้ำกันก็อดอิจฉาตาร้อนไม่ได้ ซึ่งเป็นจุดบริการของเอกชนอยู่บริเวณเกาะลอย โดยคิดอัตราค่าบริการ 30บาท/30นาที ราคาเท่าๆ กับโปรโมชั่นโทรศัพท์มือถือเลย(นาทีละบาท)
แต่ฉันว่าคุยโทรศัพท์มันไม่เห็นหน้าตา สู้มาพายเรือเล่นดีกว่า ได้ทั้งบรรยากาศ ได้ทั้งอากาศบริสุทธิ์
ไม่ใช่เพียงแค่เต้นแอโรบิคเท่านั้นที่เป็นการออกกำลังกาย ตลอดเส้นทางเดินจะมีผู้คนวิ่ง เตะตะกร้อ ตีแบดมินตัน กันตลอดเส้นทาง
หรือบางคนที่ต้องการจะใช้แรงมากกว่านี้ ที่สวนลุมพินีเข้าก็มีโซนของนักเพาะกายโดยเฉพาะ เรียกได้ว่างานนี้ได้ทั้งเหงื่อและเหนื่อย ซึ่งมีผู้ที่ให้ความสนใจในการเล่นเพาะกายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ในส่วนที่ติดกับกลุ่มเพาะกายก็จะเป็นลานออกกำลังกายโดยใช้อุปกรณ์ อาทิ การกระโดดแตะสูง โหนตัวไต่ราว ก็จะมีคานไม้ตั้งประกอบ พร้อมป้ายอธิบายการเล่นแต่ละฐานว่าทำอย่างไร ฉันลองเล่นดูก็หวนคิดถึงตอนสมัยที่ยังเป็นลูกเสือตอนนั้นฉันเป็นหัวหน้าหมู่วิ่งนำเพื่อนๆ เข้าฐานสนุกสนานไม่แพ้กัน
เมื่อเดินได้สักพักเสียงนกหวีดก็ดังขึ้นพร้อมเพลงชาติไทย ผู้คนที่กำลังออกกำลังกาย หรือวิ่งอยู่ต่างพร้อมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติด้วยความเป็นเอกราชของบรรพบุรุษไทย...สิ้นเสียงไชโย ทุกคนจึงทำกิจกรรมกันต่อ ฉันเห็นแล้วรู้สึกประทับใจในความเป็นไทย ไม่เหมือนตามห้างสรรพสินค้าที่เพลงชาติในโทรทัศน์ขึ้น แต่ทุกคนกลับไม่ให้ความสำคัญแต่อย่างใด
ที่สวนลุมพินีไม่ใช่เป็นเพียงแค่ศูนย์รวมของผู้ใหญ่เท่านั้น เพราะมีสถานที่รองรับคุณหนูๆ ทั้งหลายในสนามเด็กเล่น มีทั้ง ชิงช้า กระดานหก สนามหญ้า เห็นแล้วทำให้ฉันอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แต่ที่สะดุดตาฉันจนต้องหยุดมองก็คือ สาวน้อย 3 คน กำลังร้องเพลงและเต้นคล้ายกับกำลังซ้อมเต้นเชียร์ลีดเดอร์กันอยู่ ดูแล้วน่ารักไปอีกแบบ
สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ขี้อายไม่กล้าเต้น ก็สามารถรวมตัวกันนำลูกบาสลูกบอลมาเล่นได้ เพราะมีสนามกีฬาให้ใช้ประโยชน์กันอย่างเต็มที่ รับรองว่าเยาวชนมาที่นี้แล้วจะต้องห่างไกลยาเสพติดอย่างแน่นอน
เนื่องจากระบบนิเวศที่สมบูรณ์อุดมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ จึงทำให้นกมากมายกว่า 30 ชนิด มาทำรังอาศัยพึ่งพิงกันเป็นจำนวนมาก ที่นี่จึงเป็นแหล่งดูนกชั้นเยี่ยมของเมืองกรุงเลยทีเดียว จนมีการจัดตั้งอบรมหลักสูตรดูนกในเมือง ณ สวนลุมพินี ทุกปี
บ้างคนก็มานั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสือ ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่นและเสียงนกร้องอันไพเราะ
นอกจากจะเป็นแหล่งรวมพลของคนรักสุขภาพแล้ว ที่สวนลุมพินียังมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่และสวยงามอยู่ด้วย อาทิ อาคารเก่าของการไฟฟ้าสามเสน หอนาฬิกา ประติมากรรม “ร่วมแรงแข็งขัน ช่วยกันพัฒนา ใฝ่หาสันติ” ศาลาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาและสวนมิตรภาพไทย-จีน ฉลองครบรอบ 25 ปี
ภายในสวนยังเป็นศูนย์รวมกิจกรรมดีๆ อีกมากมาย อาทิ ลานตะวันยิ้ม ลานเพื่อกิจกรรมนันทนาการที่ออกแบบเพื่อคนพิการโดยเฉพาะ สโมสรพลเมืองอาวุโสแห่งเมืองกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ ณ อาคารลุมพินีสถาน เป็นที่พบปะสังสรรค์ พักผ่อน ออกกำลังกายและฝึกอาชีพของผู้สูงอายุ ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร ใช้บริการฝึกอาชีพสาขาต่างๆ แก่ประชาชนทั่วไป เช่น คอมพิวเตอร์ ตัดเย็บเสื้อผ้า เสริมสวย ทำอาหาร และศูนย์การฝึกสอนเต้นลีลาศ ส่วนใครที่ชอบดนตรี(ฟรี) ก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงกับงานดนตรีในสวนครั้งที่ 12 ซึ่งจะมีทุกเย็นวันอาทิตย์ระหว่างเวลา 17.30 -19.30 น. ณ ศาลาภิรมย์ภักดี บริเวณสวนปาล์มให้ชมไปจนถึง วันที่ 24 เมษายน 48 (สอบถามรายละเอียดว่าสัปดาห์ไหนมีศิลปินคนไหนมาแสดงได้ที่ กทม. 0-2621-0709-10 )
แสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า มีแสงไฟทางเริ่มเข้ามาแทนที่ เห็นทีจะได้เวลาที่ฉันต้องโบกมือลาสวนลุมพินี ไปพร้อมๆ กับเสียงเพลงแอโรบิคและผู้คนอีกมากมายที่กำลังทยอยกันเดินทางกลับบ้านนอน
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
งาน “ดนตรีในสวนปีที่ 12 สมัยกาลดนตรีไทย” วันนี้-24 เม.ย. 48