ถึงแม้ฉันมันจะเป็นคนบ้านนอก ก็ใช่ว่าฉันจะล้าสมัยไม่อินเทรนด์กับเขา เพราะช่วงนี้กำลังอยู่ในกระแสวันวาเลนไทน์ เห็นใครๆ เขาก็พูดกันถึงแต่เรื่องความรัก ฉันก็จึงภูมิใจนำเสนอว่าด้วยเรื่องรักๆ
นึกไปนึกมาว่าจะไปไหนให้มันดูดีมีความรู้ควบคู่กับความสุข พลันก็นึกได้ว่าเป็นแฟนประจำของน้องแป้ง ฉันจึงไม่รอช้าจะว่าด้วยเรื่องบางรัก แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะพาไปบุกตะลุยถึงเบื้องหลังเบื้องลึกกองถ่ายละคร “บางรักซอย 9” ที่ใครต่อใครติดกันงอมแงม
เพราะฉันกำลังจะไปเยือน “เขตบางรัก” เขตที่เหมาะอย่างยิ่งในการจะไปเดินทอดน่องเที่ยวชมในยามนี้ และถึงแม้ว่าฉันจะขาดคนรู้ใจมาเดินเกี่ยวก้อยที่เขตบางรัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฉันเปล่าเปลี่ยวหัวใจเลยแม้แต่น้อย เพราะที่เขตนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย โดยเฉพาะวัดวาอารามต่างๆ ที่มีรวมกันหลายศาสนาทั้งพุทธ อิสลาม คริสต์ และฮินดู รวมถึงสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมาก จนได้รับคำขวัญว่า
“แหล่งท่องเที่ยวเลื่องลือ นามระบือดุสิตธานี ย่านธุรกิจและอัญมณี เก็บภาษีได้มากหลาย ศูนย์ไปรษณีย์สื่อสาร เป็นตำนานนามบางรัก”
ถ้าพูดถึงเขตบางรักหลายคนก็คงจะนึกถึง "สำนักงานเขตบางรัก" เพราะหลายคนก็คงใฝ่ฝันที่จะได้มาจดทะเบียนสมรสกับคู่ชีวิตที่เขตบางรักนี้ สาเหตุที่เขตนี้ชื่อว่าบางรักนั้น มาจากครั้งกระโน้นมีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับที่ว่าการอำเภอ มีชื่อเสียงในการรักษาพยาบาลและเป็นโรงพยาบาลที่สำคัญของอำเภอนี้ด้วย จึงได้ชื่อว่า “บางรักษ์” ภายหลังอาจจะมีการเขียนผิดเพี้ยนมาจึงทำให้ความหมายของคำเปลี่ยนไปเป็น “บางรัก”
เพราะชื่อเขตที่เป็นสิริมงคลไปพ้องกับความรักนี่เองกระมัง ใครต่อใครก็เลยแห่ไปจดทะเบียนสมรสสมรักในวันวาเลนไทน์กันอย่างคับคั่ง แต่ฉันว่าการที่เราจะใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขคงไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขตที่จดทะเบียนสมรสกันอย่างเดียวมันน่าจะขึ้นอยู่กับความรักและเข้าใจซึ่งกันและกันมากกว่า
แล้วอีกอย่างการมอบความรักให้กับคนพิเศษนั้นไม่จำเป็นที่เราจะต้องแสดงออกเฉพาะวันแห่งความรักเท่านั้น วันไหน ๆ ก็ทำได้ ถ้าคิดจะทำ ก็เปรียบเสมือนการมาเดินเล่นที่เขตบางรัก ไม่ต้องรอให้ถึงช่วงเทศกาลก็มาได้ทุกวันไม่มีวันหยุด
พูดถึงเรื่องรักเดี๋ยวจะเลยเถิด ฉันรีบสะดุ้งตื่นจากอาการเคลิ้ม แล้วมุ่งหน้าไปที่ “วัดแขก” วัดดังในย่านนี้เพราะอย่างที่บอกว่า เขตบางรักไม่ใช่มีเฉพาะเรื่องรักๆ ใคร่ ๆเท่านั้น
วัดแขกมีชื่อทางการว่า วัดพระศรีมหาอุมาเทวี แต่มักเรียกกันสั้นๆ ว่า วัดแขก สร้างขึ้นในสมัยราชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่บูชาพระอุมาเทวีชายาของพระศิวะ(อิศวร) เป็นสถาปัตยกรรมแบบอินเดียตอนใต้ เดิมทีเป็นสถานที่เฉพาะผู้นับถือศาสนาฮินดู แต่ในปัจจุบันผู้ที่นับถือศาสนาอื่นก็สามารถมาท่องเที่ยวได้
ผู้ที่เข้าชมจะต้องถอดรองเท้าไว้ด้านหน้าประตูและเดินเท้าเปล่าเข้าไป ถึงแม้ว่าฉันจะนับถือศาสนาพุทธแต่ฉันก็ยินดีควักเงินในกระเป๋ามา 50 บาท เพื่อที่จะซื้อเครื่องถวายสักการะพระอุมาเทวี เพราะทุกศาสนาย่อมสอนคนให้ทำดีกันทั้งนั้น เครื่องสักการะก็จะมีธูปเทียน นม กล้วย มะพร้าว พวกมาลัยดอกดาวเรือง และใบพลู ผู้ที่จะเข้าไปด้านในวิหารจะต้องปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อไม่ให้ส่งเสียงรบกวน ด้านในจะมีเจ้าแม่ศรีมหาอุมาเทวีอยู่ด้านกลาง ด้านซ้ายจะเป็นพระพิฆเณศวร ด้านขวาเป็นพระขันธ์กุมาร
บริเวณรอบๆ วัดแขกจะเป็นร้านขายเครื่องบูชาพระ ดอกไม้ ถ้วยชาม ผลไม้ ร้านอาหาร รวมทั้งมีตลาดสด ทำให้ฉันอดใจไม่ไหวแวะร้านก๋วยเตี๋ยวแถวๆ นั้นเพื่อเติมพลังก่อนที่จะเดินทางต่อ
ฉันออกเดินทางจากวัดแขกมุ่งหน้าไป ถนนเจริญกรุง ซึ่งเป็นถนนสายแรกของกรุงเทพฯเลยนะเนี่ย สองข้างทางส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายของที่ระลึก เพชรพลอยอัญมณีและเครื่องประดับในรูปแบบต่างๆ เพราะเป็นของขึ้นชื่อในเขตบางรักที่ทำรายได้เป็นอย่างสูง บนถนนสายนี้มีสถาปัตยกรรมทางศาสนาสำคัญสองแห่งด้วยกันคือ โบสถ์อัสสัมชัญ ที่ได้สถาปนิกชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบ วัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี และ มัสยิดฮารูณ ศาสนสถานของชาวไทยมุสลิมที่ใช้ประกอบศาสนกิจ
ในเขตบางรักยังมี ไปรษณีย์กลาง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการควบคุมไปรษณีย์ของประเทศไทย ชุมสายโทรศัพท์ และการสื่อสาร ที่สามารถส่งโทรสารและโทรพิมพ์ไปยังต่างประเทศได้อีกด้วย ตัวอาคารของไปรษณีย์กลางมีความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ยังคงความเก่าแก่อยู่
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเขตบางรักก็คือ พิพิธภัณฑ์หินแปลก ที่รวบรวมหินแปลกๆ และสวยงามมากมาย ที่ห้องแสดงหินชั้น 2 จะมีทำเป็นลานหินยาวๆ ให้นักท่องเที่ยวที่ได้มาเที่ยวได้เดินด้วยเท้าเปล่าเพื่อเป็นการนวดฝ่าเท้าด้วยพลังบำบัดจากหินธรรมชาติ ฉันไม่รีรอรีบลองเดินดูเพื่อที่จะได้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อฝ่าเท้าหลังจากที่เดินเที่ยวมาเกือบครึ่งวัน
เมื่อออกจากพิพิธภัณฑ์หินแปลก ฉันเดินมาได้ไม่นานก็ถึง “วัดมหาพฤฒาราม (วรวิหาร)” ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดได้แก่พระปรางค์ 4 องค์มีขนาดสูงใหญ่ลดหลั่นกันลงมา ศิลปะภาพเขียนชุดธุดงค์ที่สวยงามหาชมได้ยาก และพระนอนที่นับว่าใหญ่รองลงมาจากพระนอนที่วัดโพธิ์ ใครที่ได้แต่ผ่านไปผ่านมาก็น่าจะลองแวะเข้าไปกราบไหว้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลก็คงจะดีไม่น้อย
อีกหนึ่งวัดที่ทรงคุณค่าอยู่คู่บ้านคู่เมืองในย่านบางรักก็คือ “วัดหัวลำโพง” ตั้งอยู่บนถนนพระราม 4 ตรงหัวมุมของแยกสามย่าน มีการสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประมาณรัชกาลที่ 1-3 โดยประชาชนร่วมใจกันสร้างแล้วขนานนามว่า “วัดวัวลำพอง” ตามลักษณะพฤติกรรมของฝูงวัวที่ได้พบทุ่งหญ้ากว้างในบริเวณนี้
ภายหลังราชกาลที่ 5 ได้เสร็จพระราชดำเนินทรงทอดผ้าพระกฐิน แล้วทรงพระราชทานนามวัดใหม่เป็น “วัดหัวลำโพง” มีพระพุทธมงคลเป็นพระประทานในอุโบสถ ภายในเป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างสมัยอยุธยากับสมัยใหม่เข้าด้วยกัน ปัจจุบันวัดหัวลำโพงเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและเป็นสถานที่ศึกษาพระธรรมของพระภิกษุสามเณร และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวัน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
วัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือวัดแขก สามารถเข้าชมและสักการะได้ตั้งแต่ 06.00-20.00 น.มีรถโดยสารประจำทางสาย 15, 76, 77, 115 หรือปอ.สาย 38, 76, 502, 504, 505, 514
วัดมหาพฤฒาราม (วรวิหาร) แต่ก่อนนี้ชื่อว่าวัดท่าเกวียน เพราะมีตำนานเล่าต่อกันมาว่า พระเจ้าอู่ทองได้หนีโรคห่ามาตั้งเกวียนอยู่ที่นี่ บางก็เล่าว่าเป็นที่พักสำหรับหมู่เกวียนซึ่งเดินทางมาจากหัวเมืองต่างๆ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดให้เปลี่ยนชื่อวัดนี้ใหม่เป็นวัดตะเคียน และได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดขึ้นใหม่เป็นพระราชกุศลร่วมกับสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์มกุฏราชกุมาร (รัชกาลที่ 5 ในเวลาต่อมา) หลังจากทรงสถาปนาวัดเป็นพระอารามหลวงแล้ว ได้พระราชทานนามใหม่ว่าวัดมหาพฤฒาราม เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.รถโดยสารประจำทางสาย 1, 16, 35, 36, 75, 93 และปอ.สาย 93
พิพิธภัณฑ์หินแปลก ก่อตั้งโดย “บุญยง เลิศนิมิตร” นักสะสมหินแปลกแห่งประเทศไทย ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเก็บค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท เป็นอาคาร 3 ชั้น ภายในจะจัดแสดงหินสวยงามมากมาย ทั้ง หินหยก หินธรรมชาติ หินย้อย ฟอสซิล ฯลฯ ผู้ที่มาเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์หินแปลกแห่งนี้นอกจากจะได้ความรู้ทางธรณีวิทยาแล้ว ยังจะได้รับความเพลิดเพลินในการชมหินแปลกๆ สวยงามมากมาย ผู้ที่สนใจจะไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์หินแปลกสามารถนั่งรถโดยสารประจำทางสาย 1, 35, 36, 75, 93 สอบถามรายละเอียดได้ที่พิพิธภัณฑ์หินแปลก 0-2236-5655, 0-2236-5666, 0-2236-5712