xs
xsm
sm
md
lg

เยือน“อุตรดิตถ์”แล้วจะติดใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จังหวัดอุตรดิตถ์ หรือที่หลายๆ คนเรียกขานกันว่าเป็น “เมืองลับแล” หรือเมืองแม่ม่ายนั้น มีคำขวัญประจำจังหวัดว่า “เหล็กน้ำพี้ลือเลื่อง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหัก ถิ่นสักใหญ่ของโลก” และเป็นอีกจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือตอนล่างซึ่งมีความน่าสนใจไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ เริ่มตั้งแต่เรื่องชื่อจังหวัดก็สร้างความสนใจได้มากแล้ว

คำว่า อุตรดิตถ์ แปลว่า เมืองท่าแห่งทิศเหนือ ซึ่งเป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระราชทานให้เนื่องจากเห็นว่าบริเวณนี้จะเจริญต่อไปในภายภาคหน้า และเมืองแห่งนี้มีทำเลอยู่ริมแม่น้ำน่าน จึงสามารถทำการค้าได้เป็นอย่างดี ส่วนชื่อที่เรียกกันว่าเมืองลับแลนั้น ก็มีที่มาที่ไปมาจากลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดอุตรดิตถ์ซึ่งเต็มไปด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อน หากคนที่ไม่คุ้นเส้นทางผ่านเข้ามาก็มักจะหาทางออกไม่ได้ กลายเป็นว่าใครมาที่นี่แล้วก็จะไม่ได้กลับออกไปอีก

ส่วนตำนานของคำว่าเมืองแม่ม่ายนั้นก็มีอยู่ว่า คนเมืองลับแลนั้นถือเรื่องสัจจะวาจา คนไม่มีความสัตย์จะอยู่ร่วมกับคนลับแลไม่ได้ ในตอนนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งได้หลงเข้าไปในเมืองลับแล และพบรักกับหญิงชาวลับแล ทั้งคู่ได้อยู่ร่วมกันจนมีลูกด้วยกัน 1 คน วันหนึ่งฝ่ายหญิงออกไปธุระข้างนอก ทิ้งให้สามีดูแลลูกอยู่ที่บ้าน ลูกก็เอาแต่ร้องไห้โยเย พ่อจึงโกหกลูกไปว่า “หยุดร้องเสียเถิด แม่มานั่นแล้ว” ทั้งที่ความจริงแม่ยังไม่กลับ

ฝ่ายภรรยาเข้ามาทันได้ยินคำโกหกของสามีพอดี จึงขอให้สามีออกไปจากเมืองลับแลเสีย ยอมให้ตนเองกลายเป็นแม่ม่าย โดยมอบของให้สามีถุงหนึ่งและสั่งว่า ห้ามเปิดจนกว่าจะออกไปพ้นเมืองลับแล เมื่อฝ่ายชายเดินทางออกไป ก็รู้สึกว่าถุงหนักขึ้นเรื่อยๆ จึงเปิดออกดูและเห็นเป็นเพียงขมิ้น จึงได้ทิ้งไปบ้างเก็บเอาไว้ก็ไม่กี่อัน เมื่อถึงบ้านก็เปิดถุงดูอีกที ปรากฏว่าขมิ้นนั้นได้กลายเป็นทองทั้งหมด ส่วนเรื่องราวของหญิงคนนั้นที่กลายเป็นแม่ม่ายก็ทำให้คนเรียกเมืองลับแลเป็นเมืองแม่ม่าย ซึ่งปัจจุบันมีการสร้างอนุสาวรีย์แม่ม่ายอุ้มลูกน้อยตั้งโดดเด่นอยู่ที่ปากทางเข้า อ.ลับแล

แค่ชื่อเรียกจังหวัดนี้ก็ว่ากันไปได้สนุกสนาน แต่ความน่าสนใจของจังหวัดอุตรดิตถ์ก็ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอีกมากมาย ซึ่งสถานที่แรกที่ผู้มาเยือนจังหวัดอุตรดิตถ์ควรจะแวะไปก็คือ อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ซึ่งตั้งอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์

พระยาพิชัยดาบหักนี้ ถือเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของประเทศไทย เมื่อครั้งที่ท่านปกครองเมืองพิชัย (ชื่อเรียกเมืองอุตรดิตถ์ในสมัยนั้น) ในสมัยธนบุรี เมื่อพม่ายกทัพมาตีเมืองพิชัยในปี พ.ศ. 2316 ท่านก็ได้ยกทัพไปสกัดทัพพม่าจนแตกพ่ายกลับไป การรบในครั้งนั้นดาบคู่มือของพระยาพิชัยข้างขวาได้หักไปหนึ่งเล่ม แต่ก็ยังรบได้ชัยชนะต่อทัพพม่า ด้วยวีรกรรมดังกล่าวท่านจึงได้สมญานามว่าพระยาพิชัยดาบหัก

บริเวณอนุสาวรีย์ มี พิพิธภัณฑ์พระยาพิชัย ที่ภายในเก็บรวบรวมประวัติของพระยาพิชัยดาบหัก รวมทั้งแบบจำลองสนามรบ และวิถีชีวิตในสมัยอยุธยาตอนปลาย รวมทั้งเครื่องมือเครื่องใช้โบราณต่างๆ และมี พิพิธภัณฑ์ดาบเหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนัก 557.8 กิโลกรัม ฝักดาบทำด้วยไม้ประดู่ ฝังลวดลายมุกหุ้มปลอกเงินสลักสลาย

แต่หากจะดูแหล่งเหล็กน้ำพี้จริงๆ จะต้องไปที่อำเภอทองแสนขัน เพราะที่นี่เป็นแหล่งแร่เหล็กน้ำพี้ชั้นดีของแห่งเดียวในเมืองไทย ซึ่งแร่ชนิดนี้ถือว่ามีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ สามารถล้างอาถรรพ์และป้องกันภูตผีปิศาจคุณไสยได้ ซึ่งในอำเภอนี้มีพิพิธภัณฑ์บ่อเหล็กน้ำพี้ที่ถูกขุดไปทำเป็นศัตราวุธ โดยมีบ่อที่ยังหลงเหลืออยู่ชื่อว่าบ่อพระแสง กับบ่อพระขรรค์ ซึ่งปัจจุบันนี้สงวนไว้ใช้ทำพระแสงดาบสำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น

เดินทางจากอำเภอทองแสนขันมาถึงอำเภอลับแล ที่นี่มีวัดต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ซึ่งมีเจดีย์เก่าแก่แบบลังกาทรงกลมฐาน ด้านในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ วัดพระแท่นศิลาอาสน์ มีพระแท่นศิลาอาสน์เป็นศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ฐานของพระแท่นโดยรอบประดับด้วยลายกลีบบัว มีตำนานว่าพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์เคยเสด็จมาจำศีลบำเพ็ญพุทธบารมี ณ ที่แห่งนี้ และ วัดพระยืนพุทธบาทยุคล ภายในมีมณฑปเป็นศิลปะแบบเชียงแสน ครอบรอยพระพุทธบาทคู่ที่ประดิษฐานบนฐานดอกบัว

ทั้ง 3 วัดที่ว่ามานี้ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน และมีตำนานเกี่ยวพันกันกับการเสด็จมาของพระพุทธเจ้า ซึ่งเชื่อว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาหยุดพักที่บริเวณวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ได้ประทับนั่งจำศีลบำเพ็ญพุทธบารมีที่บริเวณวัดพระแท่นศิลาอาสน์ และได้ประทับรอยเท้าไว้ที่วัดพระพุทธบาทยุคล

ที่อำเภอลับแลแห่งนี้ ยังมีทุเรียนพันธุ์ดี ที่มีชื่อว่า “หลงลับแล-หลินลับแล” ซึ่งเป็นทุเรียนพันธุ์เฉพาะของอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มีรสชาติหวานมัน เนื้อเหนียวละเอียด กลิ่นไม่แรง และเมล็ดเล็กลีบ ถูกใจบรรดาคอทุเรียนทั้งหลายแหล่ และนอกจากทุเรียนแล้ว ผลไม้ที่มีชื่อเสียงมาช้านานของที่นี่ก็คือลางสาด ซึ่งผู้ที่นำพันธุ์ลางสาดเข้ามาเป็นคนแรกคือหลวงพิบูลย์ เจ้าเมืองลับแลในสมัยนั้น เมื่อได้นำเมล็ดลางสาดมาทดลองปลูกที่ลับแล ปรากฏว่าลางสาดเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี จึงเพาะขยายพันธุ์จนลางสาดกลายมาเป็นผลไม้เศรษฐกิจของเมืองลับแล

ส่วนที่อำเภอน้ำปาด มีสถานที่สำคัญคือ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ซึ่งเป็นภูเขาสูงอยู่แนวชายแดนไทย-ลาว และมียอดภูสอยดาวสูงที่สุด 2,102 เมตร จากระดับทะเล สภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงที่ป่าปกคลุม เป็นป่าดิบเขาสลับทุ่งหญ้าและป่าสน เช่น ป่าสนสามใบ อากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีดอกไม้ป่าพันธุ์ต่างๆ ขึ้นอยู่กลางป่าสน สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในอุทยานฯ ก็มี น้ำตกภูสอยดาว เป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดปี แต่จะมีน้ำมากในช่วงหน้าฝน มีลานสนซึ่งเป็นทุ่งหญ้าและมีต้นสนสองใบ ต้นสนสามใบ ต้นหงอนนาค และดอกไม้อีกนานาชนิดขึ้นรวมอยู่ที่นี่ และยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกด้วย หรือใครที่ชอบบรรยากาศแบบสบายๆ ก็ลองไปพักผ่อนที่เขื่อนสิริกิติ์ ในอำเภอท่าปลา ชมเขื่อนและชิมปลาสดๆ จากเขื่อน ได้บรรยากาศเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากอุทยานแห่งชาติแล้ว ที่อำเภอนี้ก็ยังมี วนอุทยานสักใหญ่ ซึ่งเป็นป่าเบญจพรรณ มีเนื้อที่ 22,000 ไร่ ภายในมีต้นสักใหญ่ อายุประมาณ 1,500 ปี ความยาวรอบต้นประมาณ 1000 เซนติเมตร แม้ส่วนยอดถูกพายุพัดหัก ลำต้นส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในสภาพเดิม และในวนอุทยานฯ ก็มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 2 กิโลเมตร ซึ่งหากใครต้องการจะเดินศึกษาธรรมชาติจะต้องติดต่อล่วงหน้ากับทางฝ่ายอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ สำนักงานป่าไม้เขตพิษณุโลก

ใครที่ต้องการจะมาอุตรดิตถ์ในวันนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงไปในเมืองลับแลเหมือนในอดีตแล้วเพราะที่นี่มีป้ายบอกทางไปสถานที่ต่างๆ ให้เห็นชัดเจน เพราะฉะนั้น หากขึ้นมาเที่ยวทางเหนือเมื่อไร ก็อย่าลืมให้จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวด้วยก็แล้วกัน

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท เข้านครสวรรค์ จากนั้นใช้เส้นทาง 117 เข้าพิษณุโลก และทางหมายเลข 11 จนถึงอุตรดิตถ์

สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวได้ที่ สำนักงานททท.ภาคเหนือเขต 3 โทร. 0-5525-2743

ฝ่ายอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ สำนักงานป่าไม้เขตพิษณุโลก โทร. 0-5525-8028 ต่อ 502


อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ลับแล...เมืองที่น่าแล
“หลง-หลินลับแล” อันซีนทุเรียนแห่งเมืองลับแล
ไม่ลืม “ลับแล”
จังหวัดอุตรดิตถ์
กำลังโหลดความคิดเห็น