ถึงจะมีเหตุการณ์คลื่นยักษ์ “สึนามิ” ซัดถาโถมแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลฝั่งอันดามันในหลายพื้นที่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้โปรแกรมเที่ยวทะเลดำน้ำดูปะการังของใครหลายๆคน ที่เกาะเต่าต้องหยุดชะงักลง เพราะว่าทะเลฝั่งอ่าวไทยในช่วงนี้ น้ำยังคงสวยใสน่าดำผุดดำว่ายยิ่งนัก
แน่นอนว่าหากเอ่ยถึงสถานที่ดำน้ำดูปะการังแห่งฝั่งอ่าวไทยแล้ว ในช่วง 10 ปีหลังมานี่ “เกาะเต่า” ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในช่วงนี้ นักท่องเที่ยวหลายคนเบนเป้าหมายจากทะเลฝั่งอันดามันไปเที่ยวเกาะเต่ากันมากขึ้น เพราะกำลังรอลุ้นหลังจากสำรวจว่า ท้องทะเลไทยฝั่งอันดามันนั้นจะเป็นเช่นไร
งานนี้อานิสงส์จึงตกแก่เกาะเต่าเต็มๆ ซึ่งจากที่ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ไปดำผุดดำว่ายมา ก็ขอซูฮกว่าปะการังของเกาะเต่านี่สวยดังคำร่ำลือจริงๆ
แต่ก่อนที่จะลงใต้น้ำขอสำรวจบนบกกันก่อน โดยรูปลักษณ์ของเกาะเต่านั้นไม่ยักกับเหมือนเต่า แต่ว่าดูคล้ายถถั่วมากกว่า ส่วนที่ได้ชื่อว่า “เกาะเต่า” ก็เพราะว่า เกาะแห่งนี้เคยมีเต่ากระอยู่กันมาก
สำหรับชายหาดของเกาะเต่านั้นเป็นชายหาดลาดชัน ที่มีน้ำลึกใสสะอาด มีกองหินใต้น้ำหลายแห่ง และมีแนวปะการังสมบูรณ์รอบเกาะ มีปลาและสัตว์น้ำหลากหลายชนิด จึงทำให้ เกาะเต่าเป็นแหล่งดำน้ำที่ดีที่สุดในทะเลอ่าวไทย สามารถจะดำน้ำได้เกือบทุกฤดูกาล ยกเว้นช่วงมรสุมระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะมาท่องเที่ยว คือ เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน เพราะช่วงนี้ทะเลจะสวยมากๆ
จากที่ผู้คนเคยหวาดกลัวเกาะเต่า เพราะในอดีตกรมราชทัณฑ์ได้ใช้เป็นเรือนจำกักขังนักโทษการเมือง (กบฎบวรเดช) เหมือนกับเกาะตะรุเตา มีนักโทษหลายคนต้องจบชีวิตลงที่นี่
แต่ตอนนี้ความรู้สึกต่อเกาะเต่ากลับหลังมือเป็นหน้ามือ เพราะมีนักท่องเที่ยวที่หลงใหลโลกใต้ทะเลมาเยี่ยมชมไม่ขาดสาย โดยเฉพาะกิจกรรมการดำน้ำแบบ Scuba ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก ตอนนี้เกาะเต่าถือว่าเป็นจุดที่มีการสอนดำน้ำมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีทั้งร้านคนไทยหัวดำ ร้านฝรั่งหัวแดง เพียบไปหมด (แต่ส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่ เจ้าของเป็นฝรั่ง แต่ลูกจ้างเป็นคนไทยน่ะสิ) เรียกว่าจะเรียนแค่พอให้ดำน้ำเป็น หรือเรียนจนกระทั่งมีใบประกาศนียบัตรรับรอง ก็มีให้เลือกเรียนเลือกดำตามสะดวก
แต่สิ่งที่ดูว่าจะมีมากกว่า ก็เห็นจะเป็นพวกแพ็คเกจทัวร์ดำน้ำดูปะการัง ทั้งแบบ ดำวันเดียว ดำสองวัน สามวัน ก็ว่ากันไป โชคดีที่บนเกาะเต่ามีอ่าวถึง 11 อ่าว และแหลม 10 แหลม มีแนวปะการัง ยาวถึง 8 ก.ม. อยู่โดยรอบเกาะเต่า เรียกว่ามีจุดดำน้ำอยู่หลายจุดเลยไม่ต้องกลัวว่าจะต้องทยอยต่อคิวมุดน้ำดูปะการังกัน
ที่เด่นๆ เห็นจะเป็น“หาดทรายรี” ซึ่งเป็นชายหาดที่ยาวที่สุด มีทรายขาวและแนวปะการังที่ขนานกับชายหาด ปะการังส่วนใหญ่เป็นปะการังก้อน มีปลาน้อย เหมาะสำหรับจะฝึกดำน้ำแบบ snorkeling และ scuba คือสะดวกจุดไหนแบบใดก็ลงแหวกว่ายดำดิ่งได้ทันที และที่หาดทรายรีนี้ยังมี “หิน จปร.” ซึ่งเป็นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เคยเสด็จประพาสถึง 2 ครั้ง และพระองค์ได้ทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อไว้บนแผ่นหิน นับเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งเลยทีเดียว
แต่จุดที่ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” เลือกจะลงไปยลโฉม คือที่ “อ่าวแหลมเทียน” เป็นอ่าวเล็ก ๆ ติดหน้าผา มีโขดหินสวยงาม มีปะการังน้ำตื้น และปลาสีสวยลายแปลก ที่จุดนี้มีแค่ หน้ากาก snorkeling อันเดียว ก็หล่อเฟี้ยว เอ้ย ! ก็ดำผุดดำว่าย เห็นสีสันปะการังใต้ทะเล ได้อย่างเพลิดเพลิน มีปลาเล็กปลาน้อยว่ายวนเวียนเป็นฝูงใหญ่ พอคว้ามือไปจะขอทักทายหน่อย ก็ทำหยิ่งเมินหน้าสะบัดตัวหนีไปซะนี่
จริงๆ แล้วถ้าใครอยากจะดำน้ำลึก อ่าวแหลมเทียน ก็มีบางจุดให้สามารถลงไปแหวกว่ายใต้ทะเลลึกได้ แต่ "ผู้จัดการท่องเที่ยว” ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจไปเปลี่ยนชุด เพราะมีจุดหมายดำน้ำลึกอยู่อีกที่ นั่นก็คือ “เกาะกงทรายแดง” เกาะเล็กๆที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเต่า
หลังจากนั่งเรือแหวกท้องทะเล ดูน้ำใสราวกับกระจก (ใสขนาดที่มองลงไปเห็นตัวปลา เห็นปะการังที่อยู่ใต้น้ำได้อย่างชัดเจน) ก็ไปถึงเกาะกงทรายแดง ‘กง’ นี่เป็นภาษาถิ่น แปลว่า เกาะลูกเล็กๆ และตัวเกาะมีสีออกแดงๆ เลยได้ชื่อว่า ‘กงทรายแดง’ เกาะนี้เป็นจุดดำน้ำลึกที่ดีจุดหนึ่ง มีปะการังและปลาสวยงามมากมายให้ดู จนนับไม่ถ้วนว่าได้พบได้เจอกับอะไรบ้าง พอๆ กับที่ไม่รู้ว่าความสุขในหัวใจที่ล้นแล้วล้นอีกนั้นมีมากมายขนาดไหน
รุ่งขึ้นอีกวัน “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ก็ไม่พลาดที่จะไปเยือน ‘ทะเลแหวกแห่งอ่าวไทย’ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเต่า นั่นก็คือ “เกาะนางยวน” ที่นี่มีความสวยไม่แพ้ทะเลแหวก จังหวัดกระบี่ ฝั่งอันดามัน เพราะด้วยลักษณะเป็นเกาะที่มีเกาะเล็ก ๆ 3 เกาะเชื่อมกัน สามารถเห็นหาดทรายเชื่อมกันเวลาที่น้ำลง มีหาดทรายเนื้อละเอียดขาว น้ำทะเลใส มีปะการังน้ำตื้นและน้ำลึกที่ยังสมบูรณ์สวยงาม เกาะนางยวนก็จึงเป็นที่ยวนตายวนใจให้ผู้คนหลงใหลมาแวะเวียนเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ
ปล่อยตัวปล่อยใจล่องลอยไปตรงนั้นตรงนี้แบบสุขใจ โลกใต้ทะเลนี่บอกได้คำเดียวว่า ‘ช่างมหัศจรรย์จริงๆ’ แต่พอโผล่ขึ้นมาบนบกเห็นธุรกิจและผู้คนมากมายบนเกาะเต่า-เกาะนางยวน ก็ได้แต่หวังว่าจะมีการจัดระเบียบและควบคุมธุรกิจการท่องเที่ยวต่างๆให้อยู่ในระบบ เพื่อไม่ให้ธรรมชาติถูกต่อเติมเสริมแต่งจนเสียสมดุลความงามตามธรรมชาติไปมากกว่านี้
แต่เท่าที่ได้เที่ยวฝั่งอ่าวไทยสัมผัสความงามและชมสีสันใต้โลกสีครามจนหนำใจในครั้งนี้ ก็ยืนยันได้ว่า ทะเลไทยยังสวยงามและน่าเที่ยวอยู่เหมือนเดิม
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
“เกาะเต่า” มีฐานะเป็นตำบลหนึ่งของ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฏร์ธานี สามารถเดินทางไปเที่ยวหลายทาง
* ไปแบบซื้อตั๋วรวม สอบถามได้ที่บริษัทนำเที่ยว โดยเฉพาะที่ย่านข้าวสารมีให้เลือกหลายบริษัท ค่าตั๋วจะอยู่ประมาณ 500-900 บาท/คน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทส่งเสริมทราเวล จำกัด โทร.0-2280-7897, 0-7745-6274 บริษัทเกาะเต่าครุยเซอร์ โทร.0-7745-6064, 0-1891-3848 บริษัทเอกวิญญ์ทัวร์ โทร.0-2629-4598-9
*ทางรถปรับอากาศชั้น1 ชั้น 2 สายกรุงเทพฯ-ชุมพร จากสถานีขนส่งสายใต้ไปลงที่ตัวเมืองชุมพร แล้วว่าจ้างรถรับจ้างไปยังท่าเรือท่ายาง และต่อด้วยซื้อตั๋วเรือเร็วหรือเรือด่วนไปเกาะเต่า ราคาเรือประมาณ 400 บาท
*ทางรถไฟนั่งรถไฟสายใต้ไปลงที่ชุมพร จะมีบริษัทเรือด่วนและเรือเร็วคอยให้บริการมากมาย โดยค่าตั๋วรวมค่าบริการรถไปส่งถึงท่าเรือด้วย ซึ่งรถไฟที่เหมาะแก่การเดินทาง ได้แก่รถไฟขบวนที่ 85 กรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช รถสปินเตอร์ ขบวนที่ 41 กรุงเทพฯ-ยะลา (เพราะถึงชุมพรเช้ามืดพอดีกับเวลาเรือออก 07.00 น.)
*ทางเรือจะมีเรือเดินทางจากเกาะเต่าหลายเส้นทาง ทั้งจากท่าเรือท่ายางจังหวัดชุมพร จากเกาะสมุย จากเกาะพงันและจากสุราษฎร์ธานี มีทั้งเรือเร็ว เรือด่วน เรือนอนและเรือเฟอร์รี่ อัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 400 บาท/คน เรือนอนประมาณ 200 บาท/คน เรือเฟอร์รี่ประมาณ 300 บาท/คน
*ทางเครื่องบิน ใช้เวลาเดียวกับไปเกาะพงัน พอถึงสนามบินเกาะสมุยแล้วให้ใช้บริการลีมูนซีนหรือรถตู้ไปยังท่าเรือเกาะเต่า ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัทบางกอกแอร์เวย์ โทร.0-2229-3456-63, 0-7742-2512-8 บริษัทการบินไทย โทร.0-2280-0060 สายการบินแอร์อันดามัน โทร. 0-2229-9555
ก่อนจะท่องเที่ยวทะเล ควร เช็คสภาพอากาศ ก่อนเดินทาง เพื่อความปลอดภัย
เกี่ยวกับ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
