พระธาตุขามแก่น เสียงแคนดอกคูน ศูนย์รวมผ้าไหม ร่วมใจผูกเสี่ยว เที่ยวขอนแก่นนครใหญ่ ไดโนเสาร์ลือก้อง เหรียญทองมวยโอลิมปิก
เห็นเพียงแค่วรรคแรก ใครๆ ก็คงจะทราบว่านี่คือคำขวัญของ เมืองหมอแคน หรือจังหวัดขอนแก่น นั่นเอง
เพราะหากพูดถึงจังหวัดขอนแก่น สิ่งสำคัญอย่างแรกที่หลายคนนึกถึง ก็น่าจะเป็นพระธาตุขามแก่น พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัด ซึ่งตามประวัติเล่าไว้ว่า โมริยกษัตริย์เจ้าเมืองโมรีย์ซึ่งเป็นเมืองอยู่ในอาณาเขตของประเทศกัมพูชา ต้องการที่จะนำพระอังคารของพระพุทธเจ้ามาบรรจุไว้พระธาตุพนม จึงโปรดให้พระอรหันต์และพระเถระเจ้าคณะรวม 9 องค์นำขบวนอัญเชิญพระอังคารมา
ขณะเดินทางก็ได้ผ่านต้นมะขามใหญ่ที่ตายแล้วเหลือแต่แก่น เมื่อคณะเดินทางไปถึงจุดหมายก็พบว่าพระธาตุพนมได้สร้างเสร็จไปแล้ว จึงได้เดินทางกลับ และเมื่อผ่านไปยังมะขามใหญ่ต้นเดิมนั้นก็พบว่าแก่นมะขามที่ตายแล้วกลับแตกกิ่งก้านผลิใบเขียวชอุ่มเป็นที่น่าอัศจรรย์ โมริยกษัตริย์จึงได้ตกลงจะใจสร้างเจดีย์ครอบต้นมะขามนี้ พร้อมกับนำพระอังคารธาตุและพระพุทธรูปบรรจุไว้ในองค์พระธาตุและให้นามว่าพระธาตุขามแก่น และนั่นก็เป็นที่มาของชื่อจังหวัดขอนแก่นในปัจจุบัน
หากใครที่อยากจะรู้จักเมืองขอนแก่นทั่วทั้งเมืองในเวลาสั้นๆ ก็ต้องมาดูที่ พิพิธภัณฑ์โฮงมูนมังเมืองขอนแก่น ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมประวัติความเป็นมาของชาวขอนแก่น มีภาพแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ทั้งในสมัยอดีตและปัจจุบัน รวมไปถึงวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามต่างๆ ของชาวขอนแก่นที่ยังคงปฏิบัติสืบต่อกันมาจนทุกวันนี้ ถ้าใครได้มาชมละก็ ที่นี่เขามีมัคคุเทศก์ตัวน้อยจากโรงเรียนเทศบาลมาคอยอธิบายเรื่องราวต่างในพิพิธภัณฑ์ให้ฟังอีกด้วย
ที่โฮงมูนมังนี้นอกจากจะเล่าเรื่องราวความเป็นมาของจังหวัดขอนแก่นแล้ว ก็ยังมีส่วนจัดแสดงที่กล่าวถึงชาวขอนแก่นที่มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ ซึ่งบุคคลที่ถือว่าเป็นความภูมิใจของชาวขอนแก่นอย่างมากจนได้กลายมาเป็นวรรคหนึ่งในคำขวัญของจังหวัดก็คือ เจ้าบาส สมรักษ์ คำสิงห์ นักชกเหรียญทองโอลิมปิคคนแรกของประเทศ ส่วนนักกีฬาอีกคนหนึ่งซึ่งแม้จะไม่ได้อยู่ในคำขวัญ แต่ก็มีชื่ออยู่ในพิพิธภัณฑ์โฮงมูนมังก็คือ เจ้าบอล ภราดร ศรีชาพันธ์ นักเทนนิสขวัญใจชาวไทยนั่นเอง
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์โฮงมูนมังในตัวเมืองขอนแก่น จะมีบึงน้ำขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 600 ไร่ที่มีชื่อว่า บึงแก่นนคร ซึ่งชาวขอนแก่นใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจทำกิจกรรมนันทนาการต่างๆ พื้นที่โดยรอบมีการปรับปรุงตกแต่งให้เป็นสวนสุขภาพ และทางเทศบาลยังนำต้นคูณ หรือต้นราชพฤกษ์ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดขอนแก่นมาปลูกไว้รอบๆ บึง เมื่อต้นคูณเหล่านั้นออกดอกสีเหลืองสดพร้อมๆ กันก็จะดูสวยงามยิ่ง นอกจากนั้นที่นี่ก็ยังเป็นที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์ "เจ้าเพียเมืองแพน" ผู้ก่อตั้งเมืองขอนแก่นอีกด้วย
บริเวณใกล้เคียงกับบึงแก่นนครนั้นมี พระมหาธาตุแก่นนคร ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดหนองแวง องค์พระธาตุนั้นสร้างขึ้นในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และเป็นมหามังคลานุสรณ์ 200 ปี ของเมืองขอนแก่น พระมหาธาตุองค์นี้มีขนาดใหญ่ 9 ชั้น หรือสูง 80 เมตร เป็นสีทองสวยงาม บนชั้นที่ 9 มีหอพระพุทธรูปอยู่ตรงกลาง และสามารถชมทัศนียภาพรอบเมืองขอนแก่นได้ทั้ง 4 ด้าน โดยเฉพาะด้านทิศตะวันออกซึ่งติดกับบึงแก่นนครจะสวยงามมาก
เดินทางออกนอกตัวเมืองกันบ้างเพื่อไปดูสิ่งที่สร้างชื่อให้กับจังหวัดขอนแก่นเป็นอย่างมาก นั่นก็คือโครงกระดูกของไดโนเสาร์ชนิดใหม่ของโลก ซึ่งขุดพบในอุทยานแห่งชาติภูเวียง ไดโนเสาร์ชนิดที่ว่านั้นก็คือ ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน ซึ่งเป็นไดโนเสาร์ชนิดกินพืชและ สยามโมไทรันนัส อีสานเอนซิส ไดโนเสาร์กินเนื้อซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเจ้าทีเร็กซ์ที่เคยเห็นกันในภาพยนตร์เรื่องจูราสิค ปาร์ค นั่นเอง
และเพื่อให้ได้อรรถรสในการชมได้โนเสาร์เหล่านี้มากยิ่งขึ้น ขอแนะนำว่าควรจะไปศึกษาหาความรู้พอเป็นพื้นฐานกันก่อนที่พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียงเพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง จากนั้นค่อยไปดูของจริงกันที่หลุมขุดค้นทั้ง 9 ในอุทยานแห่งชาติภูเวียงกันต่อ
นอกจากจะมีไดโนเสาร์ให้ได้ชมแล้ว บน อุทยานแห่งชาติภูเวียง ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมาก เช่น พระพุทธรูปปางไสยาสน์ ประติมากรรมนูนสูงสลักบนหน้าผาของยอดเขาภูเวียง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 14 นอกจากนี้ก็ยังมี ถ้ำฝ่ามือแดง ซึ่งเป็นงานศิลปะของมนุษย์ถ้ำโบราณที่ใช้ฝ่ามือทาบไปบนผนังหินและใช้สีแดงพ่นทับจนเกิดเป็นรูปฝ่ามือสีแดงขึ้น
นอกจากนั้นบนอุทยานแห่งชาติภูเวียงก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น น้ำตกทับพญาเสือ น้ำตกตาดฟ้าน้ำตกตาดกลาง ซึ่งยังมีความสมบูรณ์ของธรรมชาติอยู่อีกมาก ส่วนในช่วงหลังฤดูฝน ในทุ่งหญ้าและลานหิน เช่น ทุ่งใหญ่เสาอาราม หินลาดวัวถ้ำกวาง หินลาดอ่างกบ ก็จะมีดอกไม้ป่านานาพันธุ์บานเต็มลานหินสวยงามมาก
สำหรับใครที่จะไปเยือนขอนแก่นในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี ก็จะได้พบกับประเพณีของชาวขอนแก่นที่สืบทอดต่อกันมานานก็คืองานเทศกาลไหม และประเพณีผูกเสี่ยว สำหรับงานเทศกาลไหมนั้นจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมอาชีพการทอผ้าไหมมัดหมี่ซึ่งเป็นอาชีพรองจากการทำนาของชาวบ้าน และกลายมาเป็นสินค้าของฝากที่มีชื่อเสียงอย่างหนึ่งของจังหวัดขอนแก่น
ส่วนประเพณีผูกเสี่ยวนั้นก็เป็นประเพณีซึ่งมีขึ้นเพื่อให้คนในท้องถิ่นมีความรักใคร่กลมเกลียว และสามัคคีกัน โดยคำว่า "เสี่ยว" นั้นเป็นภาษาถิ่นอีสาน แปลว่า มิตรแท้ เพื่อนแท้ เพื่อนตาย การผูกเสี่ยวด้วยก็เหมือนเป็นการผูกมิตรภาพระหว่างคู่เสี่ยวให้คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอดไป
ส่วนใครที่ชอบการแสดงแบบตื่นเต้นๆ ต้องมาที่ บ้านโคกสง่า หรือหมู่บ้านงูจงอาง ที่นี่จะมีการแสดงระหว่างคนกับงูจงอางให้นักท่องเที่ยวได้ชมแบบหวาดเสียวเล่น ทั้งการชกมวยกับงู เต้นโชว์กับงู แถมเต้นเสร็จยังมีการอมหัวงูโชว์อีกด้วย ที่สำคัญคืองูเหล่านั้นยังไม่ได้รีดพิษ และที่สำคัญกว่านั้นคือ คนที่แสดงการอมหัวงูนั้นเป็นผู้หญิงล้วนๆ อีกด้วย อย่างนี้ต้องเรียกว่าหญิงไทยใจกล้าตัวจริง
ขณะที่การท่องเที่ยวในแถบภาคอีสานกำลังได้รับแรงสนับสนุนอย่างมากจากภาครัฐอยู่ในขณะนี้ หากใครจะเลือกจังหวัดขอนแก่นซึ่งเป็นจังหวัดที่มีความน่าสนใจที่หลากหลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางในภูมิภาคนี้แล้วละก็ คงจะเป็นการเริ่มต้นที่น่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สอบถามรายละเอียดการท่องเที่ยวได้ที่ ททท. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3 โทร.0-4324-4498 ถึง 9