xs
xsm
sm
md
lg

“ตลาดสามชุก” ตลาดเก่า เล่าความหลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หากพูดถึงตลาด ต้องถือว่าคุ้นเคยกับวิถีชีวิตคนไทยมาช้านาน จากตลาดยุดดั้งเดิมที่มีการนำสินค้าท้องถิ่นมาวางแบกะดิน แลกเปลี่ยนและจำหน่าย ปัจจุบันตลาดได้พัฒนาสู่ตลาดติดแอร์ในอาคารโก้หรู

แต่กระนั้นในเมืองไทยก็ยังคงมีภาพของบรรยากาศตลาดเก่าๆให้เห็นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด

“ตลาดสามชุก” แห่ง อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ก็นับเป็นอีกหนึ่งในตลาดเก่าแก่ ที่เป็นตลาดห้องแถวไม้ 2 ชั้นขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณบุรี(ท่าจีน) และรายล้อมด้วยบรรยากาศของบ้านเรือนรวมถึงเรื่องราวของผู้คนในอดีต โดยแทบไม่มีการดัดแปลงเสริมแต่ง

ย้อนอดีตกลับไปยุคสมัยที่ตลาดสามชุกเฟื่องฟู ยุคนั้นชาวบ้านจะนำของพื้นเมือง รวมทั้ง เกลือ ฝ้าย แร่ สมุนไพร มาแลกเปลี่ยนซื้อขายให้กับพ่อค้าที่เป็นชาวเรือ

ต่อมาเมื่อริมแม่น้ำสุพรรณ กลายเป็นแหล่งทำนาที่สำคัญ มีโรงสีไฟขนาดใหญ่เกิดขึ้นหลายแห่ง ตลาดสามชุกก็กลายเป็นตลาดข้าวที่สำคัญ มีการค้าขายกันอย่างคึกคัก ทำให้ตลาดสามชุกไม่จำกัดบริเวณอยู่เฉพาะริมน้ำ แต่ยังขยายมาถึงริมฝั่ง โดยแต่ละปีมีการเก็บภาษีได้จำนวนมาก พร้อมๆกับมีการตั้งนายอากรคนแรก ชื่อ “ขุนจำนง จีนารักษ์”

ช่วงเวลาเฟื่องฟูของตลาดสามชุกกินเวลานานหลายสิบปี แต่หลังจากที่มีการตัดถนนผ่านสามชุก ผู้คนเปลี่ยนไปใช้ถนนเป็นเส้นทางสัญจรมากขึ้น ส่งผลให้ วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และการค้าที่ตลาดสามชุกเริ่มซบเซา แต่ตลาดสามชุกก็ยังคงดำเนินวิถีของตลาดห้องแถวไปอย่างต่อเนื่อง

ด้วยความที่ วิถีชีวิตและลักษณะทางกายภาพของชุมชนตลาดสามชุกมีกาลเปลี่ยนแปลงน้อยมาก แม้ว่าจะผ่านกาลเวลามานับร้อยปี เหตุนี้ประชาคมชาวตลาดสามชุกจึงได้มีการปรับปรุง ฟื้นฟู และร่วมกันอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไม้ของตลาดสามชุกไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม รวมทั้งพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และแหล่งเรียนรู้ของชุมชน เพื่อให้ตลาดสามชุกกลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง

“บ้านหลังนี้เป็นบ้านของขุนจำนง จีนารักษ์ ซึ่งเป็นนายภาษีอากรคนแรกและเป็นเจ้าของตลาดสามชุก ได้สร้างบ้านหลังนี้เมื่อ พ.ศ. 2459 ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนในครอบครัว รวมทั้งเป็นที่ต้อนรับและพักอาศัยของผู้หลักผู้ใหญ่และแขกบ้านแขกเมืองหลายคนค่ะ”

เสียงของน้องเพนท์ เพชรรัตน์ 1 ใน 14 มัคคุเทศก์น้อยจากโรงเรียนอนุบาลสมเด็จพระวันรัตน์ ทำหน้าที่คอยต้อนรับและนำชมบ้านของขุนจำนง ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ของชุมชน เพราะบ้านไม้ 3 ชั้นหลังนี้ มีการสร้างอย่างประณีตงดงาม แกะสลักด้วยลวดลายขนมปังขิงที่อ่อนช้อย ดูเหมือนบ้านติดลูกไม้ ภายในบ้านมีข้าวของเครื่องใช้ของเจ้าของบ้านเหมือนเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ และยังมีรูปภาพเก่าๆ ที่บอกเล่า เรื่องราวในอดีต ความเป็นมา และประวัติศาสตร์สังคม ของท้องถิ่นชุมชนสามชุกให้ชม

“ตลาดสามชุกมีเรื่องราวของประวัติศาสตร์ มีวิถีชีวิตดั้งเดิมคงอยู่ มีสถาปัตยกรรมโบราณ มีของกินอร่อยๆ มากมาย เดี๋ยวหนูจะพาไปเที่ยวตลาดค่ะ” น้องเพนท์ เล่าด้วยเสียงใสๆ พร้อมกับออกเดินนำหน้าพาไปชมตลาดทุกซอกทุกมุม

จากภาพที่เห็นคืออาคารบ้านเรือนที่สร้างด้วยไม้อายุนับร้อย ถึงแม้จะเก่าแก่ แต่ก็ยังเต็มไปด้วยงานศิลปะสถาปัตย์ที่หาดูได้ยาก จึงเป็นความเก่าที่ดูไม่น่าเบื่อ และยิ่งผู้คนในตลาดสามชุก ยังคงใช้ชีวิตในตลาดนี้ตามปกติก็ยิ่งทำให้ตลาดแห่งนี้มีเสน่ห์มากขึ้นสำหรับคนที่ชอบสัมผัสกับบรรยากาศแห่งอดีต

ร้านค้าหลายร้าน ยังคงลักษณะของ “ร้านเก่า”เอาไว้ หลายร้านยังคงใช้อุปกรณ์และขั้นตอนการทำแบบดั้งเดิม เช่น ร้านขายยาที่มีเครื่องบดยา และตัดยาสมุนไพรในอดีต ร้านถ่ายรูปโบราณที่ยังมีกล้องถ่ายภาพเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีให้บริการ นอกจากนี้ก็มีร้านเสริมสวย ร้านทำฟัน ร้านตีเหล็ก ร้านทำกรอบพระ ร้านขายนาฬิกา และอีกหลายร้านที่ล้วนมีอายุหลายสิบปี รวมถึงโรงแรมอุดมโชค โรงแรมไม้เก่าแก่ที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่

แต่ที่ดูจะเป็นสีสันของตลาดสามชุก เห็นจะเป็นบรรดาของกินที่มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหนเป็นต้องหันมองและสูดกลิ่นความน่าอร่อยชวนลิ้มรส ไม่ว่าจะเป็นร้านบะหมี่เจ๊กอ้าว ที่ทำเส้นบะหมี่ หมูแดง เครื่องส่วนผสมทำเอง เปิดมานานกว่า 70 ปี ใครไปใครมาก็ต้องแวะชิม

ใครที่อยากลองกินข้าวห่อใบบัว ต้องไปที่ร้านหรั่งในวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะมีข้าวห่อใบบัวสูตรดั้งเดิม ที่ปัจจุบันหากินได้ยากเต็มที ใครชอบกุ้งแม่น้ำ ปลาแม่น้ำสดๆ ต้องไปที่ร้านราญ เพราะฝีมืออร่อย ข้อสำคัญราคาเป็นกันเอง นอกจากนี้ยังมีอาหารอร่อยๆ อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก ซอย 3 หมูสะเต๊ะเจ๊เล็ก ขนมน้ำเจ๊เข่ง ขนมหวานเจ๊สม ขนมกุยช่าย และอื่นๆอีกหลายอย่าง

สำหรับผู้ที่มีอารมณ์กาแฟ น่าจะลองไปสัมผัสกับสภากาแฟของชาวตลาดสามชุกที่ ร้านกาแฟเจ๊หมวยเล็ก ซึ่งมีกาแฟสูตรโบราณ ที่คั่วกันเห็นๆ บริเวณริมน้ำ และยังมีโอเลี้ยง ชาเย็น ให้เลือกดื่ม บรรยากาศภายในร้านอาจจะเรียกว่า เป็น “ออน ล็อค หยุ่น เมืองสามชุก” ก็ว่าได้ ที่สำคัญร้านนี้ตั้งอยู่หัวมุมตลาด ทำให้เห็นถึงวิถีชีวิตชาวตลาดแบบเต็มอิ่ม

ส่วนทางด้านบ้านริมน้ำก็มีการปรับปรุง พร้อมกับสร้างทางเดินเลียบริมแม่น้ำให้สามารถชมทิวทัศน์ของแม่น้ำสุพรรณได้

ทั้งหมดจึงไม่ใช่เพียงเพื่อการท่องเที่ยว หรือเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างเดียว แต่ยังถือเป็นการสร้างความรู้สึกรักและเห็นคุณค่าของชุมชนให้เกิดกับคนรุ่นใหม่ เพราะไม่ใช่เพียงมัคคุเทศก์น้อยที่พร้อมจะทำหน้าที่ให้ข้อมูล แต่คนในชุมชนเองก็พร้อมจะให้การต้อนรับและเชื้อเชิญนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชมตลาด ซึ่งนับเป็นหนึ่งในการอนุรักษ์วิถีชีวิตชุมชนควบคู่ไปกับงานสถาปัตยกรรมและการท่องเที่ยว ที่ไม่จำเป็นจะต้องขับไล่คนให้ออกจากชุมชนเหมือนกับงานอนุรักษ์ย่านเก่าในเกาะรัตนโกสินทร์แต่อย่างใด

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
นอกเหนือจากของกินมากมาย ยังมีของฝากที่น่าซื้ออย่าง

น้ำพริกแม่กิมลั้ง
ใครชอบน้ำพริกอย่าพลาดเป็นอันขาด เครื่องปรุงได้ผ่านการคัดสรรเป็นอย่างดี ไม่ว่าหอม กระเทียม พริก ที่นำมาปรุง เป็นน้ำพริกชนิดต่างๆ ให้ได้เลือกซื้อ ใครชอบขนมกง ขนมไทยดั้งเดิม ก็หาซื้อได้จากร้านนี้เช่นกัน

ปลาสลิดพี่จิต
ปลาสลิดแดดเดียวคุณภาพดี กลิ่นหอม ทำเองกับมือ ร้านนี้จะไม่ใช้เกลือทาแล้วตากแดดเหมือนที่อื่น แต่จะนำปลาสดสะอาดมาชุบในน้ำเกลือแล้วตากแดด ใช้ผิวมะกรูดดับกลิ่นปลา เวลาซื้อกลับบ้านห่อให้อย่างดี รับรองไม่ผิดหวัง

เป็ดย่างจ่าเฉิด
เป็ดย่างสูตรดั้งเดิมเนื้อไม่เหนียว พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด จะทานเป็นกับข้าว หรือไปทำแกงเผ็ดเป็ดย่างก็ได้ตามใจชอบ ราคาคุ้มค่า วางขายอยู่ทางเข้าตลาดร้อยปี ประมาณบ่ายโมงเป็นต้นไป


การเดินทาง สู่ตลาดสามชุก จากกรุงเทพฯ ผ่าน อ. บางบัวทอง จ. นนทบุรี ไปจนถึงตัว จ.สุพรรณบุรี ระยะทางประมาณ 107 กม. จากนั้นไปตามหลวงหมายเลข 340 แยกเข้า อ. สามชุก ตัวตลาดอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณติดกับที่ว่าการอำเภอสามชุก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ คณะกรรมการพัฒนาตลาดสามชุก โทร. 0-3557-2449, 0-3550-4498 และ 0-1640-3327

กำลังโหลดความคิดเห็น