“ลพบุรี” ที่หลายคนรู้จักว่าเป็นเมืองลิง แต่จังหวัดนี้ไม่ได้มีแค่ลิงอย่างเดียว เพราะยังเป็นเมืองงามที่มีร่องรอยอารายธรรมเก่าแก่กว่า 3,000 ปี ที่เป็นพยานถึงร่องรอยความเจริญของยุคสมัยอย่างโดดเด่น 2 ศตวรรษที่แล้ว ที่นี่เกือบเป็นราชธานีถึงสองคราว เพราะกษัตริย์ไทยถึง 2 พระองค์โปรดปราน คือ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มักจะเสด็จแปรพระราชฐานมาประทับ
เมืองนี้ยังเป็นสถานที่รับรองแขกบ้านแขกเมืองจากต่างประเทศมากมายนับไม่ถ้วน เป็นปัจจัยทำให้เกิดความสำเร็จด้านการฑูต และการค้ากับชาติตะวันตกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งได้มีส่วนสนับสนุนความเจริญของชาติ ทั้งด้านภาษา วรรณกรรม ดาราศาสตร์ สถาปัตยกรรม ดังปรากฏในร่องรอยโบราณสถานต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ที่ซึ่งสองกษัตริย์ผู้ซึ่งเคยมาประทับที่พระราชวังแห่งนี้เมื่อครั้งอดีตในสมัยอยุธยาตอนกลาง และต้นรัตนโกสินทร์เพื่อระวังภัยทางการเมืองจากชาติตะวันตก
เมื่อวันเสาร์ที่ 10 ที่ผ่านมา พระราชวังที่อ้างว้างตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้านั้นเหมือนกลับมีชีวิตชีวาขึ้น เมื่อเสียงดนตรีบรรเลงคล้ายโหมโรงให้ผู้ฟังรำลึกถึงอดีต ใน “งานชมวังฟังดนตรี” ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศ ภาคกลางเขต 7 จัดขึ้น
ซึ่งปกติที่ “วังนารายณ์” แห่งนี้ จะจัดแต่การแสดงแสงสีเสียงขนาดเล็ก “นารายณ์ราชนิเวศน์นิมิต” เท่านั้น แต่ปีนี้มีการเปลี่ยนรูปแบบโดยคิดกิจกรรมใหม่ขึ้นมาสร้างสีสันให้กับพระราชวังแห่งนี้ เพราะด้วยสถานที่และบรรยากาศต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นใจ ซึ่งเมื่อย่างหน้าหนาว อากาศภายในพระราชวังจะกำลังดี และเมื่อถูกขับกล่อมด้วยเพลงคลาสสิก ก็ช่างลงตัวกันอย่างพอดี
เวทีที่ยกสูงจากพื้นเพียงเล็กน้อย ถูกเนรมิตขึ้นมาในส่วนของเขตพระราชฐานชั้นนอก เมื่อก้าวผ่านประตูวังที่โอ่โถงเข้ามาก็จะเห็นอยู่เวทีอยู่ทางซ้ายมือ เก้าอี้จำนวนมากถูกจัดไว้รองรับแขกผู้มาเยือน หรือถ้าใครอยากสัมผัสไอดินกลิ่นหญ้าก็เลือกที่จะนั่งบนหญ้านุ่ม ๆ ปล่อยอารมณ์เพลิน ๆ ก็ไม่มีใครว่า
เมื่อถึงเวลาเย็นย่ำสักประมาณ ห้าโมงเย็นหย่อน ๆ เพลงบรรเลงที่เหล่านักดนตรีบรรจงคัดสรรมาก็จะถูกบรรเลงขึ้นเพื่อขับกล่อมแขกผู้มาเยือน แสงไฟที่สาดส่องไปที่เวที แลทำให้ “อาคารสิบสองห้องท้องพระคลัง” ที่ตั้งตระหง่านเป็นฉากอยู่ด้านหลังดูสีทองเหลืองอร่าม เสมือนว่าพระราชวังแห่งนี้มีชีวิตอีกครั้งเช่นในอดีต ที่เสียงมโหรีปี่ฆ้องต่างบรรเลงเพื่อถวายสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและล้นเกล้ารัชกาลที่ 4
หากใครอยากไปรำลึกอดีต กินลมชมวังและฟังเสียงเพลง ลองไปงานนี้ซึ่งจะจัดขึ้นอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม 2547 ตั้งแต่เวลา 17.30 เป็นต้นไป แล้วท่านก็จะพบว่า นารายณ์ราชนิเวศน์มีเสน่ห์ไม่รู้ลืม...
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยภาคกลาง
เขต 7 โทร. 0-3642-2768-9 หรือ http://www2.tat.or.th/central7/
กำหนดการงานชมวังฟังดนตรี
วันที่ 18 ธันวาคม 2547
17.00 น. ผู้มีเกียรติเข้าสู่บริเวณพระนารายณ์ราชนิเวศน์
17.30 น. การแสดงดนตรีไทยจากนักเรียนโรงเรียนโคกตูม
18.00 – 20.00 น. การแสดงวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร (Nation symphony
orchestra) สลับกับการขับร้องเพลงไทยสากล และเพลง
สากล
ชุดที่ 1 บรรเลงประสานเสียง Medley เพลงพระรานิพนธ์
ชุดที่ 2 บรรเลงประชันเดี่ยวดนตรีไทย ชุดโหมโรง
ชุดที่ 3 บรรเลงร่วมกับการแสดงรำวงมาตรฐานจาก
วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี
ชุดที่ 4 บรรเลงเพลงสากล Medley คริสมาสต์
ชุดที่ 5 บรรเลงประชันเดี่ยวดนตรีไทย (ขลุ่ย) ศิลปินรับ
เชิญ อาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
พระนารายณ์ราชนิเวศน์