xs
xsm
sm
md
lg

กัปตัน "ยุทธกิจ วนิชานนท์"เดี่ยวมือหนึ่งบอลลูนเมืองไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"หากฉัน บิน บิน ไป ได้ดั่งนก ฉันจะบิน บินไปในนภา
หากฉันลอยล่องบนฟากฟ้า ฉันจะมองลงมาบนพื้นดิน
โลกมนุษย์ แสนยิ่งใหญ่เหลือเกิน ยิ่งมองยิ่งเพลิน จำเริญหัวใจ..."

รักคุณเท่าฟ้า : คาราบาว

นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน มนุษย์หลายผู้หลากนามมีความฝันอยากโบกโบยบินได้เหมือนดั่งนกเพื่อไปชมโลกในโลกในมุมสูงหรือ "เบิร์ดอาย วิว ที่ให้มุมมองและความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากมุมมองปกติ

แน่นอนว่ามนุษย์คงไม่สามารถบินได้ดังนก แต่มนุษย์ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะพาตัวเองให้ไปล่องลอยอยู่บนฟากฟ้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องบิน ร่ม เครื่องร่อน ชิงช้าสวรรค์ หรือแม้กระทั่งบันจี้จั๊มที่ ฯพณฯ นายกฯ อยากทดลองดูสักครั้งในชีวิต ซึ่งแต่ละคนที่อยากทำตัวเหมือนนก ต่างก็เลือกพาหนะและวัตถุที่จะลอยสู่ฟากฟ้าที่แตกต่างกันตามความชอบและรสนิยม

กัปตันยุทธกิจ วนิชานนท์ นับเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีโอกาสทำตัวได้เหมือนดังนก เลือกใช้วิธีล่องลอยอยู่บนฟากฟ้าด้วยเจ้าลูกโป่งที่คนเรียกขานมันว่า บอลลูน(Balloon) ซึ่ง ณ วันนี้ กัปตันยุทธกิจ คือ คนไทยคนแรกและคนเดียวที่มีใบขับขี่บอลลูนสากล ที่สามารถบังคับบอลลูนเดินทางบนฟากฟ้าบอลลูนไปไหนต่อไหนได้อย่างเสรี

"ผมเคยเรียนการบินมาก่อน ก่อนที่จะไปเรียนบอลลูนในหลักสูตรนักบินบอลลูนที่ประเทศอังกฤษเมื่อ 15 ปีก่อน โดยมีแรงบันดาลใจมาจากครั้งที่เพื่อนคนหนึ่งชวนไปขึ้นบอลลูน ซึ่งครั้งนั้นผมได้มีโอกาสควบคุมบอลลูนเอง แม้จะล่วงลงกระแทกพื้นในตอนนั้น แต่ผมก็รู้สึกประทับใจที่เราสามารถกำหนดทุกอย่างได้เอง ไม่มีใครมาบังคับนอกจากธรรมชาติ มุมมองของผม 360 องศา ไม่มีอะไรมาบดบัง มันเป็นความรู้สึกโล่ง โปร่ง สบายที่สุด"

กัปตันยุทธกิจย้อนอดีต ซึ่งนอกจากเขาจะเป็นเดี่ยวมือหนึ่ง และหนึ่งเดียวในเมืองไทยเรื่องการขับขี่บอลลูนแล้ว กัปตันยุทธกิจยังเปิดบริษัท Oriental Balloon Flights Co. Ltd. ที่เป็นธุรกิจด้านการบินเพื่อการท่องเที่ยวของคนไทยหนึ่งเดียวในเมืองไทยอีกเช่นกัน

"ผมก็เริ่มต้นเปิดโลกบอลลูนของผมด้วยการทำบอลลูนโฆษณา โดยสมัยก่อนทางเมืองไทยไม่สนับสนุนให้เอกชนทำกิจกรรมทางด้านการบินบอลลูนเพื่อท่องเที่ยวและชมวิว เพราะเป็นห่วงเรื่องความมั่นคง ผมจึงยังนำมาบินไม่ได้ แต่พอหลังจากการเปิดการบินเสรี ซึ่งพอดีที่อยุธยามีงาน ท่านธานินทร์ ไกรวิเชียร ให้ผมลองเอากิจกรมบอลลูนไปแสดงที่นั่น ตั้งแต่จุดนั้นทำให้ทางราชการอนุญาตให้เอาบอลลูนเข้ามาบินได้"

หลังจากนั้นมา เมื่อ 2 ปีที่แล้ว กัปตันยุทธกิจก็เริ่ม ธุรกิจบอลลูนอย่างจริงจังเป็นเรื่องเป็นราว

"การเปิดบินบอลลูนต้องอาศัยใบอนุญาตพิเศษที่ เรียกว่า "ใบอนุญาตให้ประกอบการค้าขายในการเดินอากาศ" เพื่อจะมีสถานภาพเป็นบริษัทการบินซึ่งได้รับอนุญาตจากกระทรวงคมนาคม และต้องปฏิบัติตามกฎของกรมการบินอย่างเข้มงวด จึงไม่ง่ายที่คนทั่วไปจะมาเปิด เพราะถือเป็นระดับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องอาศัยขั้นตอนมากมายในการพิจารณาอนุมัติ" กัปตันเล่า

สำหรับความโดดเด่นของบอลลูนในการขึ้นบินแต่ละครั้ง อาศัยธรรมชาติมากกว่ากลไกถึงเกือบๆ 90 เปอร์เซ็นต์

ดังนั้นสิ่งที่คนโดยสารหรือเดินทางด้วยบอลลูนจะได้รับคือรสชาติที่ไม่เหมือนการนั่งเครื่องบิน ที่หลักการธรรมชาติอากาศพลศาสตร์ และปัจจัยทางเครื่องยนต์ซึ่งส่งอิทธิพลเท่าๆ กัน ตั้งแต่การขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ต้องอาศัยช่วงเวลารุ่งอรุณและกลับลงมาไม่เกินช่วงโพล้เพล้ของวัน (ซึ่งอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลง) และการเดินทางที่อาศัยพระพายพาไป ดังนั้น

"คนที่เล่นบอลลูนคือคนที่ไม่ต้องการเทคโนโลยีสูง เพราะไม่มีเครื่องมือใดที่ช่วยในการบินนอกจากทักษะของคนบังคับ และจะไปช้า ๆ อยู่กับธรรมชาติเป็นหลัก บอลลูนต้องบินในสภาพที่อากาศไม่แปรปรวน จะมีแค่เช้ากับเย็น นักบินต้องตื่นแต่เช้า ได้อากาศบริสุทธิ์ เห็นทิวทัศน์สวยกว่าคนอื่น บอลลูนเป็นการเดินทางใกล้ ๆ แต่ทิศทางไม่แน่นอนแล้วแต่จะไปว่าลมจะไปทางไหน เสน่ห์อยู่ที่รู้ที่ขึ้นแต่ตอนลงไม่รู้ว่าจะไปลงตรงไหน ผจญภัยไปในตัว แต่ละเที่ยวบินจะไม่ซ้ำกันเลย ได้ไปท้องที่แปลกๆ"

กัปตันยุทธกิจกล่าวถึงเสน่ห์ของการเดินทางชนิดนี้ พร้อมกับพูดถึงหลักการทำงานของบอลลูนเอาไว้ว่า

"บอลลูนเป็นหลักวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะบอลลูนจะไม่มีเครื่องยนต์กลไกใด ๆ ทั้งสิ้น มีแค่เตาไฟอยู่อันเดียวที่ทำเหมือนเตาแก๊สให้มีเปลวไฟขึ้นมา เพื่อทำให้เกิดความร้อนเท่านั้น พูดง่าย ๆ คือ ถ้าเอาอากาศมาเผาให้ร้อนขึ้นตามหลักวิทยาศาสตร์ เมื่อมันร้อนจะขยายตัว ซึ่งก็คืออากาศจะเบาขึ้น หากเราเอาอากาศที่ขยายตัวมาจำกัดขอบเขต ยกตัวอย่างว่าเอาถุงครอบไว้ แล้วเวลาที่เผาอากาศเฉพาะในถุงที่จำกัดเอาไว้ พอมันขยายตัวขึ้นมันก็จะเบามากกว่าอากาศที่อยู่นอกถุงก็จะลอย และในอากาศทั่วไปภายนอกถุงมีลมพัดผ่าน ลมจะพาให้บอลลูนเคลื่อนที่ไป"

แม้ว่าหลักการของบอลลูนจะฟังดูง่าย แต่ว่ากัปตันยุทธกิจ ก็ได้พูดถึงการเป็นนักบินบอลลูนว่า นักบินบอลลูนจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าลมแต่ละส่วนเป็นอย่างไร ก็สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ เพื่อที่จะสามารถบังคับให้บอลลูนเคลื่อนที่ไปยังทิศทางที่ต้องการได้

ความที่อาศัยลมซึ่งเป็นกระแสอากาศที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์ การเดินทางจึงเป็นดุจการผจญภัย เพราะไม่รู้จุดลง ต่างกับเครื่องบินซึ่งมีสถานที่แน่นอน สถานที่ซึ่งกัปตันยุทธกิจมองจากท้องฟ้าแล้วประทับใจจึงมีหลายแห่ง

"อย่างเชียงราย ผมชอบตรงจุดที่ใกล้ ๆ สามเหลี่ยมทองคำ รวมทั้งพื้นที่โดยรอบของเชียงแสนสวยที่สุดในความรู้สึกของผม นอกจากนี้ก็ยังมีจังหวัดที่ชอบคือสุโขทัย อยุธยา ไปลงบ้านคนก็เยอะ ตอนที่ผมไปลงที่อยุธยาลงใกล้บ้านชาวบ้าน เจอคุณป้ามาชวนเราไปกินข้าวด้วยกัน จนปัจจุบันนับถือเหมือนญาติ ต้องไปเยี่ยมทุกปี ส่วนที่สุโขทัยก็ต้อนรับอย่างดี หาน้ำมาให้กิน ตอนกลับยังตัดฝรั่งมาให้ น้ำใจคนไทยมีมากมายจริงๆ"

นอกจากน้ำมิตรจิตใจและความสวยงามที่ได้จากการเดินทางด้วยบอลลูนแล้ว กัปตันยุทธกิจก็ยังบอกว่าการลอยลมไปกับบอลลูนนั้นสอนอะไรอีกหลายสิ่งหลายอย่าง

"การบังคับบอลลูนต้องทำให้จิตใจสงบเยือกเย็น มองอะไรอย่างมีวิจารณญาณมากขึ้น รู้จักอดทน เช่น อากาศไม่ดี ยังไงก็ต้องรอ จะดันทุรังขึ้นไปไม่ได้ ส่วนตอนลงต้องปล่อยให้อุณหภูมิภายในบอลลูนเย็นลง ความหนาแน่นเข้ามามากขึ้น น้ำหนักอากาศเพิ่มขึ้นก็ร่อนลงมา"

กัปตันเล่าถึงขั้นตอนปิดท้าย หลังจากขึ้นไปสัมผัสท้องฟ้า ซึ่งตีความปรัชญาอันยิ่งใหญ่ออกมาก็คือ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ธรรมชาติก็ยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์เราเสมอ มนุษย์ต้องทำตัวกลมกลืนธรรมชาติ มิใช่ฝืนธรรมชาติ ก่อนที่กัปตันจะพูดถึงความประทับใจที่เกิดจากการล่องลอยไปกับบอลลูนว่า

"ประเทศไทยสวยงามหมดไม่ว่าจังหวัดใด สวยทุกที่ ท้องหน้าหรือพื้นดินที่เรามองๆ มันไร้ค่าไม่สวยงาม แต่บนท้องฟ้า เราจะเห็นความงามของมัน และจะรู้สึกว่ารักแผ่นดินไทยมากขึ้น ผมอยากให้คนเห็นเยอะๆ จะได้รู้สึกว่าประเทศต้องรักษาและดูแล โดยเฉพาะธรรมชาติกับสิ่งแวดล้อม"


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

มนุษย์กับความฝันที่สุดขอบฟ้า

ก่อนศตวรรษที่ 16 นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่ชื่อ Roger Bacon เกิดความคิดว่า หากเขาประดิษฐ์ปีกเทียมแล้วใช้เครื่องจักรกระพือปีกนั้นจนสามารถมีแรงส่งมนุษย์ลอยขึ้นไปในอากาศ ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นที่จะ "บิน" อย่างจริงจังเป็นครั้งแรกของคนเราหลังจากที่ได้แต่ "ฝัน" มาตลอด

หลักฐานเกี่ยวกับบอลลูนปรากฎครั้งแรกในประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางทิศตะวันออก ในระยะนั้นแน่นอนว่าคือมหาอาณาจักรจีน มีบันทึกของบาทหลวงชาวฝรั่งเศสกล่าวถึงอุปกรณ์ประหลาดชิ้นหนึ่งที่บรรจุก๊าซเบาสามารถลอยตัวขึ้นไปในอากาศได้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าไม่มีการพัฒนาอุปกรณ์ชิ้นที่ว่าดังกล่าวต่อไปแต่อย่างไร

มีผู้พยากรณ์ในช่วงนั้นว่ามนุษย์จะสามารถบินได้ในไม่ช้า โดยอากาศยานที่อาศัยก๊าซลอยไปในอากาศ จนปี ค.ศ.1776 H.Cavendish นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้ค้นพบก๊าซไฮโดรเจนว่าเบากว่าอากาศรอบตัวเราถึง 7 เท่า การค้นพบนี้ส่งผลไปถึงยุโรปใต้ ที่อิตาลี Cavallo ได้ทดลองจนพบว่าฟองสบู่ที่มีไฮโดรเจนอยู่ภายในสามารถลอยละลิ่วไปจนชนเพดานห้องทดลองของเขา นี่ยังรวมไปถึงถุงกระดาษอีกด้วย

ค.ศ.1783 บนแผ่นดินฝรั่งเศส ตรงกับยุคต้นรัตนโกสินทร์ของไทย พี่น้องตระกูล Mongolfier ได้สังเกตว่าควันไฟที่ลอยเข้าไปในถุงกระดาษที่นำมาอังควันนั้นส่งผลให้ถุงสามารถลอยได้ การช่างสังเกตนั้นส่งผลให้ต้นเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน พวกเขาลองนำถุงผ้าลินินขนาดใหญ่มารับควันจากการเผาฟางข้าว โดยใช้คน 8 คนทำการดึงเอาไว้ จนสามารถพิสูจน์ว่าถุงผ้าลอยตัวขึ้นได้ และบอลลูนลูกที่สองของพวกเขาถูกสร้างขึ้นและทำการทดลองบินโดยโฉบเหนือน่านฟ้ากรุงปารีสเป็นเวลา 10 นาที และลอยได้ไกล 2 กิโลเมตร

และทุกคนที่เห็นการทดลองครั้งนั้นต่างรู้ว่าการเดินทางของพวกเขากำลังจะถูกเปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิง


เดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน หลังจากนำเป็ดและสัตว์ต่างๆ ทดลองส่งขึ้นไปเดินทางในอากาศจนเป็นที่พอใจแล้ว สองกระทาชายคือนาย Pilatre de Rosier และ Marquis d' Arlandes ได้ออกเดินทางด้วยบอลลูนเป็นครั้งแรกประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ โดยใช้เวลานาน 20 นาที กับระยะทาง 3 กิโลเมตร โดยบอลลูนลอยเหนือพื้นโลกที่ระดับ 1,000 เมตร (1 กม.)

บอลลูนยังคงขึ้นสู่ฟ้าต่อไป แม้ว่าในวันที่ 17 ธ.ค. 1903 พี่น้องตระกูลไรต์ ได้ให้กำเนิดอากาศยานที่รวดเร็วยิ่งกว่าบอลลูนขึ้นมา และทำความฝันของวงการบินทั่วโลกเป็นจริง 100 ปี แห่งการบินผ่านพ้นไปเมื่อปี ค.ศ.2003 ที่ผ่านมา มนุษยชาติมีทั้งเครื่องบินขับไล่ที่ทรงประสิทธิภาพ เครื่องโบอิ้งที่สามารถขนส่งผู้โดยสารไปได้ทั่วโลก


สถานีอวกาศที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้า

แต่สิ่งที่เรียกว่าบอลลูนก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในนภามาจนถึงปัจจุบัน ด้วยลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนอากาศยานประเภทใด

หลังจากมนุษย์ประสบความสำเร็จกับการประดิษฐ์บอลลูน อากาศยานชนิดนี้ก็ถูกพัฒนาขึ้นมาใช้ในกิจการต่างๆ ทั้งในด้านการสำรวจโลก การทำงาน การวิจัยสภาพอากาศ รวมไปถึงการลอยบอลลูนชมโลกในมุมสูงเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งในเมืองไทยมีบริษัท Oriental Balloon Flights Co. Ltd. ของกัปตันยุทธกิจที่เปิดให้บริการในด้ามนี้อย่างจริงจัง โดยเป็นหนึ่งในทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก

ทั้งนี้การลอยบอลลูนแต่ละครั้งสนนราคาจะตกอยู่ที่รอบละ 9,000 บาทกับเวลา 1 – 1.30 ชม. ส่วนถ้าลอยด้วยเวลาที่สูงกว่า ราคาก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งในปัจจุบันตลาดการท่องเที่ยวด้วยบอลลูนในเมืองไทยนั้นยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น

กำลังโหลดความคิดเห็น