xs
xsm
sm
md
lg

แอ่วเวียงเชียงใหม่ หัวใจล้านนา (1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอ่ยถึงเวียงพิงค์เชียงใหม่แล้ว คงไม่ต้องแนะนำอะไรให้เยิ่นเย้อ เพราะ “เชียงใหม่” แทบจะเรียกได้ว่าเป็นดังศูนย์กลางของ “ภาคเหนือ” โดยสิ่งที่ยืนยันได้ดีก็คือ ประโยคที่ว่า “ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผชาติล้วนงามตา งามล้ำค่านครพิงค์” ซึ่งเป็นคำขวัญสั้นๆของเชียงใหม่ แต่ว่าหากจะเที่ยวเชียงใหม่กันจริงแบบให้ครบถ้วนบริบูรณ์ก็คงต้องกินเวลากันหลายวันอยู่

เชียงใหม่ นอกจากจะเป็นเมืองใหญ่ที่สำคัญมากๆในภาคเหนือแล้ว เมืองนี้ยัง เป็นที่รวมศิลปกรรม โบราณวัตถุ และวัฒนธรรมดั้งเดิมของล้านนาเอาไว้มากมาย

การเริ่มทำความรู้จักกับเมืองเอกแห่งล้านนาจากในตัวเมืองเป็นการเริ่มต้นที่ดี สถานที่แรกซึ่งไม่ควรพลาดก็คือ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ซึ่งถือว่าใครมาเยือนเชียงใหม่แล้วไม่ได้ไปสักการะถือว่าเสียเที่ยว

การเดินทางสามารถไปได้ตามเส้นทางถนนห้วยแก้ว ผ่าน อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ผู้ชักชวนและรวมพลังชาวเชียงใหม่สร้างถนนตัดขึ้นสู่ตัวพระธาตุไปตามทางคดเคี้ยวขึ้นเขาเป็นระยะทาง 10 กิโลเมตรในยุคสมัยที่การเดินทางยังลำบากยากเย็น มองออกไปนอกกระจกระหว่างทางจะเห็นตัวเมืองเชียงใหม่อยู่เบื้องล่าง ระยะทางจากเชิงดอยถึงวัดประมาณ 11 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ที่พระธาตุแห่งนี้จะมีงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุในวันเพ็ญวิสาขบูชาทุกปี

หลังจากนมัสการพระบนดอยแล้ว ก็ไม่น่าพลาดไปชมความงามของ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ ซึ่งอยู่ห่างจากพระธาตุไป 4 กิโลเมตร ช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้แปรพระราชฐานทางตำหนักจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความงดงามของทิวทัศน์และดอกไม้ในพระตำหนักได้ในวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จากพระตำหนักไปอีก 3 กม. จะพบกับ หมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง ซึ่งอยู่ในจุดมองที่สามารถเห็นดอยอินทนนท์ ที่นี่มีของที่ระลึกฝีมือคนในหมู่บ้านจำหน่าย

พื้นที่ทั้งหมดของดอยสุเทพ และที่ตั้งของพระตำหนักนั้นอยู่ในพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 263 ตร.กม. ครอบคลุม 3 อำเภอของเชียงใหม่ โดยมีน้ำตกอีกแห่งที่น่าไปเยือนคือ น้ำตกห้วยแก้ว โดยชาวบ้านนิยมไปพักผ่อนด้วยการนำอาหารไปรับประทานพร้อมกับการชมธรรมชาติ

ลงมาในตัวเมืองกันบ้าง เชียงใหม่นั้นมีวัดสำคัญและสวยงามอยู่หลายวัด วัดที่ไม่น่าพลาดคือ วัดพระสิงห์วรวิหาร ซึ่งอยู่บนถนนสามล้าน วัดนี้พญาผายู กษัตริย์องค์ที่ 5 ของราชวงศ์มังรายโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมื่อ พ.ศ. 1888 พร้อมพระเจดีย์สูง 24 ศอกองค์หนึ่ง เพื่อใช้เป็นที่บรรจุอัฐิของพญาคำฟูพระราชบิดา ที่นี่ยังมีพระพุทธรูปสำคัญคือ พระพุทธสิหิงค์ปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร

ตามประวัติเล่าว่า เจ้ามหาพรหม ได้อัญเชิญมาจากกำแพงเพชร เพื่อถวายแด่พระเจ้าแสนเมืองมา แต่พอราชรถมาถึงบริเวณวัดก็ไม่สามารถไปต่อได้ ต้องอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่นี่ เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี ชาวเชียงใหม่จะอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้แห่ไปตามถนนรอบเมือง เพื่อให้ประชาชนสรงน้ำโดยทั่วกัน

นอกจากนี้ภายในวิหารลายคำ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ ยังมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องสุพรรณหงส์และสังข์ทองน่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพบเพียงที่นี่แห่งเดียว ศิลปกรรมอื่นๆ ที่น่าชมในวัด ได้แก่ พระอุโบสถตกแต่งแบบศิลปะล้านนา หอไตรประดับด้วยรูปปูนปั้นเทวดา และเจดีย์ทรงกลมแบบล้านนา เป็นต้น

เมื่อได้มาเชียงใหม่นอกจากเที่ยวชมวัฒนธรรมและธรรมชาติแล้วก็ต้องไป สวนสัตว์เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนห้วยแก้ว มีสัตว์ให้ชมมากกว่า 2,000 ชนิด ทั้งที่มีในเมืองไทยและนำมาจากต่างประเทศ ภายในยังมีอุทยานสัตว์น้ำ 700 ปี ศรีนครพิงค์ สวนนกเพนกวิน และสวนนกฟิ้นซ์ ซึ่งเป็นนกขนาดเล็กที่มีสีสันสวยงาม จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “อัญมณีบินได้”

ที่สำคัญที่สุด อย่าลืมไปเยี่ยม “ช่วง ช่วง และหลินฮุ่ย” หมีแพนด้าทูตสันถวไมตรีจากประเทศจีน ซึ่งทั่วโลกหาชมได้ไม่ง่าย เพราะรัฐบาลจีนถือเป็นสัตว์สงวนสำคัญ ทางสวนสัตว์เก็บค่าเข้าชมคนไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท นักบวชในทุกศาสนาฟรี โดยเก็บแยกจากบัตรผ่านประตูสวนสัตว์เชียงใหม่ ราคานั้นสุดคุ้ม หากเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องนั่งเครื่องบินไปชมถึงเมืองนอก …ไม่แน่ อากาศแบบนี้เจ้าหมีน้อย 2 ตัวอาจจะออกมาให้ได้ยลโฉมกันนานกว่าปกติก็เป็นได้

หลังเที่ยวในเมืองจนจุใจก็ลองกระเถิบออกมารอบนอกเมืองหน่อย ไปตามถนนสาย เชียงใหม่-ลำพูน ชม เวียงกุมกาม ซึ่งเป็นเมืองโบราณที่เพิ่งถูกค้นพบได้ไม่นาน ซึ่งมีความสำคัญต่อวงการประวัติศาสตร์ล้านนามาก สันนิษฐานว่าพญามังรายโปรดฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ.1829 ก่อนที่นครพิงค์เชียงใหม่จะกำเนิด ได้ 10 ปี

เมืองนี้มีคูน้ำล้อมทั้ง 4 ด้าน มีโบราณสถานสำคัญคือ วัดเจดีย์เหลี่ยม (ถอดแบบมาจากวัดจามเทวีของลำพูนและมีศิลปะพม่าปะปน) วัดช้างค้ำ และซากเจดีย์ วัดน้อย วัดปู่เปี้ย วัดกู่ขาว วัดอีก้าง วัดหัวหนอง และ วัดปู่ซ้ง

หรือจะไปตามถนนสาย เชียงใหม่-ฮอด ไปจนถึง กม.ที่ 15 พบห้องสมุดประชาชนแล้วเลี้ยวเข้าไป บ้านถวาย ที่นี่มีร้านผลิตไม้แกะสลักเพื่อจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง มีชื่อเสียงในการทำผลิตภัณฑ์เลียนแบบของเก่าซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมการผลิตและซื้อเป็นสินค้าที่ระลึกได้

 
 
ก่อนตบท้ายโปรแกรมวันแรกในเชียงใหม่ ด้วยการชอปปิ้งยามค่ำคืนที่ ไนท์ บาร์ซ่า ซึ่งเป็นสถานที่ขายของที่ระลึกขนาดใหญ่ในตัวเมือง แต่ถ้ามองหาอาหารพื้นเมืองอย่างแคปหมู น้ำพริกหนุ่ม เป็นของฝากก็ต้องไปที่ ตลาดวโรรส หรือกาดหลวง นะเจ้า
 
ยังไงอย่าลืมเก็บเรี่ยวเก็บแรงไว้ออกตะลุยเชียงใหม่ หัวใจแห่งล้านนาในคราวหน้า ที่จะพาไปแอ่วเชียงใหม่ที่เหลือด้วยละกัน

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวและการเดินทางเพิ่มเติมที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงาน ททท. ภาคเหนือเขต 1 โทร. 0-5324-8604 , 0-5324-8607 และ 0-5324-1466

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

เชียงใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น