ถ้าพูดถึงก้อนหิน ฟังดูแล้วก็เป็นแค่สิ่งไร้ค่า ไร้ราคา แต่ในโลกยังมีหินชนิดหนึ่ง ที่มนุษย์ให้คุณค่า ราคา และให้ความหมาย นั่นก็คือหินแร่รัตนชาติ หรืออัญมณี หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่า “พลอย” นั่นเอง
แม้พลอยจะเป็นหินธรรมดาชนิดหนึ่ง แต่ก็มีลักษณะพิเศษอยู่ตรงสีสันที่สวยงามแปลกตากว่าหินชนิดอื่นๆ ซึ่งนอกจากจะใช้พลอยมาทำเป็นเครื่องประดับแล้ว บางคนก็ถือว่าพลอยเป็นเครื่องรางนำโชคได้อีกด้วย และพลอยที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย ดังไปไกลถึงในระดับโลก ก็คือพลอยเมืองจันท์ ที่จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตพลอยแหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศ บางคนถึงกับบอกว่าเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดในโลกเสียด้วยซ้ำ
แต่กว่าที่พลอยเม็ดหนึ่งจะถูกขุดขึ้นมาจากใต้ดิน และนำมาผ่านกระบวนการขั้นตอนต่างๆ จนกลายมาเป็นพลอยน้ำงามที่อยู่บนเครื่องประดับได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยทีเดียว
พลิกแผ่นดินเป็นเหมืองพลอย
ขั้นตอนแรกของกระบวนการทำพลอย เริ่มต้นขึ้นที่เหมืองพลอย การทำเหมืองพลอยในอดีตนั้นค่อนข้างแตกต่างจากในปัจจุบันอยู่มาก ในอดีตนั้น เมื่อสำรวจพื้นที่และรู้ว่าที่ตรงนี้มี "สายแร่" หรือเป็นที่ที่เคยขุดพบแร่มาก่อนแล้ว คนงานเหมืองก็จะเริ่มขุดโดยใช้แรงงานคน ซึ่งหลุมที่ขุดนั้นก็จะไม่ลึกมาก คือประมาณ 1-2 เมตรเท่านั้น เมื่อขุดได้แร่มาแล้ว ก็จะนำมาร่อนกับน้ำ เพื่อแยกดิน หิน และแร่ออกจากกัน ซึ่งทุกขั้นตอนนั้นจะใช้แรงงานคนทั้งหมด
แต่เมื่อความต้องการพลอยมีเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งพลอยบริเวณหน้าดินถูกขุดไปหมดแล้ว ประกอบกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าเดิม การทำเหมืองพลอยจึงได้มีเครื่องจักรเข้ามาช่วย ซึ่งสามารถขุดดินได้ลึกขึ้น ได้จำนวนพลอยที่มากขึ้น และลดจำนวนคนงานลง เมื่อมีรถขุดดินเข้ามาช่วย จึงสามารถขุดได้ลึกลงไปกว่าเดิมถึงประมาณ 15 เมตร ขุดผ่านชั้นหน้าดิน ชั้นดินเหนียว และชั้นหินลงไป
เมื่อขุดไปถึงบริเวณที่มีแร่แล้ว รถขุดจะตักดินบริเวณนั้นมาใส่เครื่องเพื่อแยกแร่ออกจากดินและหิน โดยใช้แรงดันน้ำฉีด ส่วนที่เป็นดินจะละลายไปกับน้ำ ส่วนที่เป็นหินก้อนใหญ่ๆ จะถูกแยกทิ้งไป ส่วนที่เป็นแร่และหินก้อนเล็กก้อนน้อย จะถูกดูดไปยังเครื่องร่อนแร่เพื่อแยกอีกทีหนึ่ง ใช้เวลาร่อนแร่สักพักหนึ่งก็จะหยุดเครื่อง และทำการ “กู้พลอย” หรือเก็บพลอยดิบที่ได้ไปสู่ขั้นตอนต่อไป
จะเห็นได้ว่าน้ำเป็นสิ่งสำคัญต่อเหมืองพลอยมาก เพราะในทุกขั้นตอนจะต้องมีน้ำเป็นส่วนประกอบ ตั้งแต่การฉีดแยกแร่ และการร่อนแร่ ดังนั้นจึงต้องมีแหล่งน้ำอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กับเหมือง เพื่อความสะดวกในการทำงาน
บริเวณที่จะพบพลอยนั้นมักจะอยู่ตามภูเขา ซึ่งในจังหวัดจันทบุรีนั้น เหลือเหมืองพลอยอยู่เพียงแห่งเดียว คือเหมืองพลอยบางกะจะ บนเขาพลอยแหวน และพลอยที่ขุดได้ส่วนใหญ่ในเหมืองนี้ จะเป็นพวก “บุษราคัม” หรือ “มรกต” ส่วน “ทับทิม” ที่มีชื่อเสียงนั้น จะไม่ค่อยได้พบในเหมืองพลอยเมืองจันท์แล้ว ดังนั้นทับทิมที่ได้พบเห็นกันส่วนใหญ่ จึงเป็นทับทิมที่รับเข้ามาจากประเทศพม่า
การทำเหมืองพลอยนั้นก็ถือว่าเป็นการเสี่ยงอย่างหนึ่ง เพราะในการขุดบางครั้งอาจจะเจอพลอยเป็นจำนวนมาก หรือบางครั้งก็อาจจะไม่ได้เจอพลอยเลย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับดวงด้วยเหมือนกัน
จากพลอยดิบสู่พลอยน้ำงาม
พลอยดิบที่ขุดขึ้นมาจากเหมือง หากให้คนไม่รู้มองดูก็คงคิดว่าเป็นก้อนหินธรรมดา อาจโยนทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่เมื่อได้ผ่านกระบวนการต่างๆ แล้ว คุณค่าความงามของพลอยจึงปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
สายสุรีย์ สิทธิสัมพันธ์ ผู้จัดการร้านอมรินทร์เพชรรุ่ง 99 เป็นผู้ที่บอกเล่าถึงกระบวนการในการทำพลอยให้ฟังว่า ขั้นแรกของกระบวนการเสริมความงามให้พลอย คือการนำพลอยดิบที่ได้มาคัดคุณภาพ คัดเกรด โดยผู้ที่เป็นคนคัดจะนำพลอยดิบไปส่องกับไฟ และดูความใส สีสัน ความวาว และดูที่เนื้อพลอยว่าใช้ได้หรือไม่ ถ้าเนื้อด้าน หรือตันเกินไปก็จะไม่เอา แต่พลอยที่ใช้ได้ หรือที่เรียกว่า “มีไฟ” ก็จะถูกคัดแยกไว้เพื่อไปสู่ขั้นตอนต่อไป
เมื่อคัดขนาดแล้วจะต้องนำไปเผาเพื่อให้พลอยมีสีเข้มขึ้น เนื้อใสขึ้น ซึ่งอุณหภูมิในการเผานั้นคือ พันองศาเซลเซียสขึ้นไป ใช้เวลาเผา 1-2 วัน ซึ่งสายสุรีบอกว่า เรื่องของอุณหภูมิและระยะเวลาในการเผานั้นจะเป็นความลับของโรงงานแต่ละแห่ง เพราะความร้อนที่ต่างกัน และระยะเวลาที่ต่างกัน สีสันและคุณภาพของพลอยย่อมออกมาไม่เหมือนกัน
พลอยที่เผาแล้วจะถูกนำไปโกลน การโกลนพลอยก็คือการออกแบบรูปร่างตามโครงสร้างของพลอยแต่ละเม็ด เช่น หากพลอยเม็ดนี้ลักษณะคล้ายรูปหัวใจ คนโกลนก็จะเป็นคนขึ้นโครงคร่าวๆ ให้พลอยเม็ดนั้นออกมาเป็นรูปหัวใจ ซึ่งเครื่องมือในการโกลนพลอยจะมีลักษณะเป็นแกนเหล็กหมุน คนโกลนจะนำเม็ดพลอยไปตะไบกับแกนเหล็กนั้นให้เข้ารูปทรง
พลอยที่ถูกโกลนแล้ว ยังถือว่าเป็นงานที่หยาบอยู่ จะต้องนำมาแต่งอีกครั้ง ในขั้นตอนการแต่งนี้จะมีเครื่องมือที่เรียกว่า “ไม้ทวน” มีขนาดเล็กใหญ่ตามขนาดของพลอย วิธีแต่งคือเอาไม้ทวนไปลนไฟเพื่อให้พลอยติดอยู่บนปลายไม้ได้ เครื่องมือในการแต่งจะมีลักษณะคล้ายกับของการโกลน เพียงแต่ว่าสามารถบังคับแกนเหล็กให้หมุนช้า-เร็วได้โดยใช้มือหมุน การแต่งคือการเอาพลอยที่ติดบนไม้ทวนนี้มาตะไบกับแกนเหล็กให้เป็นรูปทรงชัดเจนมากขึ้นกว่าการโกลน
เสร็จจากการแต่ง ก็ต้องนำพลอยมาวัดขนาด หรือที่เรียกว่า “วัดมิล” โดยจะมีเครื่องมือที่ใช้วัดความกว้างและความยาวของพลอยเป็นมิลลิเมตร เช่น ลูกค้าสั่งมาว่าต้องการพลอยขนาด 6-4 ก็คือมีขนาดยาว 6 กว้าง 4 เป็นมิลลิเมตร แต่ในกรณีที่พลอยมีขนาดใหญ่หรือมีรูปทรงแปลกๆ เช่น สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ก็จะไม่ทำตามขนาด แต่จะเลี้ยงน้ำหนักเอาไว้ เมื่อแต่งพลอยเสร็จแล้วจะต้องมาแยกคุณภาพอีกครั้ง โดยจะแบ่งเกรดเป็น A B C D E ถ้าต่ำกว่า E ก็จะไม่นำมาใช้ แต่บางทีก็จะมีคนมาขอซื้อไป เช่นเคยมีชาวอินเดียขอซื้อเพื่อเอาไปประดับตกแต่งอาคารในประเทศของเขา
การเจียระไนนั้นเป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการทำพลอย ก่อนจะส่งไปขายในตลาดพลอยเพื่อให้คนมารับซื้อไปประกอบเป็นเครื่องประดับอีกครั้ง ซึ่งการเจียระไนนั้นก็มีหลายแบบ เช่น การเจียระไนรูปเหลี่ยม รูปไข่ รูปกลมแบบมีเหลี่ยมผสม เป็นต้น
ส่วนเรื่องของราคานั้น สายสุรีบอกว่าตอบแน่นอนไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น กะรัต และคุณภาพของเนื้อพลอย เช่น หากเป็นทับทิมพม่าเกรดเอ น้ำหนัก 1 กะรัต ก็จะมีราคาเป็นหลักหมื่นขึ้นไป
เส้นทางของพลอยสู่ถนนอัญมณี
บริเวณถนนศรีจันท์และตรอกกระจ่างในตัวเมืองจังหวัดจันทบุรี ช่วงวันศุกร์-เสาร์ จะคึกคักไปด้วยบรรยากาศการซื้อขายพลอยของพ่อค้าพลอยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาตั้งโต๊ะต่อรองราคาซื้อขายพลอยกันในบริเวณนี้ แต่ละคนก็จะเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ในการดูพลอย ไม่ว่าจะเป็นคีมคีบ แว่นขยาย ตาชั่ง และเครื่องคิดเลขไว้พร้อม นอกจากนั้นก็ยังมี “เด็กเดินพลอย” ซึ่งเป็นคนที่รับซื้อพลอยจากพ่อค้า และนำพลอยมาเสนอขายอีกต่อหนึ่ง
อีกทั้งถนนสายนี้ยังเต็มไปด้วยร้านเจียระไนพลอยและร้านค้าอัญมณีต่างๆ ทั้งสองฟากถนน และมีพลอยให้ได้ชมกันตั้งแต่ราคาไม่กี่ร้อยไปจนถึงราคาเป็นแสนๆ จึงเรียกได้ว่าถนนสายนี้เป็น “ถนนอัญมณี” ซึ่งเป็นตลาดค้าพลอยที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด และแน่นอนว่าใหญ่ที่สุดของประเทศด้วยเช่นกัน
สายสุรี เล่าให้ฟังว่า ตลาดพลอยในช่วงนี้ไม่คึกคักเหมือนก่อนแล้ว ถ้าเป็นในช่วงก่อนนี้ ประมาณ 8-9 โมง พ่อค้าพลอยก็จะมาซื้อขายกันที่พลอยกันอย่างคึกคัก แต่ในปัจจุบันนี้แม้จะ 10 โมงแล้วก็ยังมีคนมากันบางตา อาจเป็นเพราะเศรษฐกิจในตลาดโลกไม่ค่อยดี จึงไม่ค่อยมีการสั่งซื้อพลอยเข้ามามากนัก และทำให้ตลาดพลอยเงียบเหงาตามไปด้วย
เปิดโลกอัญมณี ชมของดีเมืองจันท์
เพื่อเป็นการสร้างความคึกคักให้กับตลาดพลอยขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ทางจังหวัดจันทบุรีจึงได้จัดงาน "เปิดโลกอัญมณี และของดีเมืองจันท์" ขึ้น ในวันที่ 8-12 ธ.ค. ณ โรงแรมเคพี แกรนด์ และถนนตรีรัตน์ตลอดทั้งสาย ซึ่ง อดิศักดิ์ ถาวรวิริยะนันท์ นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับ จังหวัดจันทบุรี ได้พูดถึงจุดประสงค์ในการจัดงานว่า
"ทางสมาคมผู้ค้าอัญมณีฯ ได้เห็นความสำคัญของเมืองจันท์ที่เป็นแหล่งพลอยแหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศ และของโลก จึงได้ร่วมหารือกับทางจังหวัดเพื่อผลักดันให้มีงานนี้เกิดขึ้น และในช่วงก่อนหน้านี้ การซื้อขายในตลาดพลอยได้มีการชลอตัวลง แต่เชื่อว่าหลังจากการจัดงานเปิดโลกอัญมณีขึ้นแล้ว การซื้อขายพลอยสีต่างๆ น่าจะเป็นไปได้ดีขึ้น"
ภายในงาน "เปิดโลกอัญมณี และของดีเมืองจันท์" นี้ มีการจำหน่ายพลอยจากผู้ประกอบการในเมืองจันทบุรี ซึ่งการมาออกร้านนี้ไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่จะมีการคัดคุณภาพของร้านที่จะมาตั้งขาย ดังนั้นผู้ซื้อจึงมั่นใจได้ว่า ถ้ามาซื้อพลอยในงานนี้แล้วจะได้ของดีกลับไปอย่างแน่นอน นอกจากนั้นยังได้มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยบูรพาในการวิเคราะห์และตรวจสอบพลอยในราคากันเอง ส่วนใครที่มีพลอยอยู่แล้ว และอยากจะนำไปทำเป็นเครื่องประดับ ที่นี่ก็มีทีมออกแบบคอยให้บริการด้วย และนอกจากการซื้อขายเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีการนำเอาพลอยน้ำดีของนักสะสมมาแสดงให้ได้ชมกันเป็นขวัญตาอีกด้วย
นอกจากนั้น ทางสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว จังหวัดจันทบุรีก็ได้ให้ความร่วมมือโดยการจัดทริปการท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่ไม่อยากมาดูพลอยเพียงอย่างเดียว โดยจะมีทริปไปเที่ยวน้ำตก ชมสวนผลไม้ เที่ยวชายหาด ชมโรงงานพลอย เรียกว่ามาทั้งทีก็ต้องเที่ยวให้ทั่วถึงจะคุ้ม
ในช่วงใกล้ๆ ปลายปีอย่างนี้ ถ้าใครได้มาที่จังหวัดจันทบุรี และมีพลอยติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนทางบ้านในวันปีใหม่ก็ดูจะเป็นของขวัญที่สร้างความประทับใจให้กับผู้รับได้ไม่เลวเหมือนกัน แถมยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของเราได้อีกด้วย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
วิธีการดูพลอยแท้-เทียมอย่างง่ายๆ สำหรับคนซื้อ คือหากเป็นพลอยอัด หรือพลอยที่ทำขึ้นมา น้ำหนักจะเบาเกินจริง หรือหากเป็นพลอยเทียมที่ทำได้สวยเหมือนจริง แต่ราคาไม่สมเหตุสมผลคือราคาถูกไป ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นพลอยเทียม นอกจากนั้นก็ยังมีวิธีที่ให้ใช้กล้องส่องดูเส้นพลอย ถ้าเป็นพลอยแท้จะมีเส้นพลอยที่ตรง หากเป็นพลอยอัดเส้นพลอยจะหักงอ แต่หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการดูพลอยจริงๆ แล้วก็จะสังเกตได้ลำบาก ดังนั้นหากใครที่อยากจะอุ่นใจว่าซื้อพลอยแล้วจะไม่โดนหลอก ก็ต้องขอใบรับประกัน (Certificated) จากทางร้านมาด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับงาน “เปิดโลกอัญมณีและของดีเมืองจันท์” สามารถติดต่อได้ที่ โทร.0-3930-33118 ถึง 9