xs
xsm
sm
md
lg

“แก่งกระจาน”ความงามแห่งธรรมชาติใกล้กรุงฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บางอารมณ์ …เมื่อลมหนาวเริ่มพัดมาราวต้นเดือนธันวาคมเช่นนี้ การได้ออกไปจากเมืองหลวงอันวุ่นวายสู่ธรรมชาติอันงดงามพิสุทธิ์ก็เป็นสิ่งที่ใครหลายคนถวิลหา

หลายครั้ง เราฝันถึงทิวเขาสลับซับซ้อน สัตว์ป่าที่กำลังเยื้องย่างอย่างงดงาม ฟ้าเปลี่ยนสียามอาทิตย์อัสดง

แน่นอน สุดท้ายคงเป็นสายหมอกสีขาวที่หนาแน่นดั่งท้องทะเลยามพระอาทิตย์เปล่งแสงแรกทักทายผืนโลก

บางทีการที่จะไปพบกับทิวทัศน์และบรรยากาศเช่นนั้นจากกรุงเทพฯอาจจะต้องเดินทางไปนับร้อยกิโลเมตรจากเมืองหลวง

แต่…เชื่อหรือไม่ ความงดงามนั้น บางทีอยู่ใกล้กรุงเทพฯเพียงปลายจมูก

เบิกป่าแก่งกระจาน

“การมาครั้งนี้พวกเราถือเป็นคณะแรก ๆ ที่ได้เข้ามาสู่ผืนป่าของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน หลังจากที่ปิดตัวลงมา 1 ปีเพราะน้ำท่วม”

สิ้นเสียงเล่าของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ทำเอาคนในคณะตื่นเต้นมาก เพราะเหมือนกับ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” กำลังจะได้เปิดบริสุทธิ์ผืนป่าของอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หลังจากปิดตายมาระยะหนึ่ง แน่นอนว่าเวลาคงช่วยเยียวยาความเสื่อมโทรมจากการที่มนุษย์เข้าไปท่องเที่ยวได้ไม่มากก็น้อย

หลายคนที่ไปรวมถึง “ผู้จัดการท่องเที่ยว” เองจึงแอบหวังอย่างลึก ๆ ว่าจะได้พบกับธรรมชาติที่สมบูรณ์ในช่วงหนาวๆแบบนี้

ธรรมชาติก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังแต่อย่างใด เพราะสัมผัสแรก เมื่อเราเข้าสู่เขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งในพื้นที่เดียวกันนี้มีเขื่อนแก่งกระจานตั้งปิดแม่น้ำเพชรบุรีอยู่นั้น เราได้ชมพระอาทิตย์อัสดง ณ ทะเลสาบเหนือเขื่อนแก่งกระจานซึ่งสร้างความประทับใจได้ไม่น้อย เพียงพอสำหรับคนเมืองทั้งหลายที่ไม่ค่อยจะมีเวลาแหงนหน้าดูพระอาทิตย์สักเท่าไร

อากาศเหนือสันเขื่อนแก่งกระจานช่วงนี้ค่อนข้างเย็นสบาย

จนบางครั้ง….ก็ทำเอาหลายคนสั่นได้เมื่อตกดึก

ทะเลหมอก…ที่พะเนินทุ่ง

เช้ามืดวันต่อมา “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ (ประมาณตีสี่ครึ่ง) และจับจองที่นั่งหลังรถกระบะมุ่งหน้าสู่ถนนสาย วังวน-น้ำตกทอทิพย์ ถนนเส้นนี้เป็นถนนสายสั้น ๆ ประมาณ 36 กิโลเมตรตัดเข้าไปสู่ภายในอุทยาน ทอดยาวไปสู่จุดชมวิวซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของการเดินทางครั้งนี้

พื้นถนนส่วนใหญ่ลาดยางสลับกับลูกรังเล็กน้อย แถมมีบางส่วนที่ต้องแล่นผ่านลำธาร รถยนต์ที่จะใช้บนเส้นทางนี้จึงควรเป็นรถที่มีช่วงล่างสูง ๆ อย่างรถกระบะหรือขับเคลื่อนสี่ล้อจะยิ่งดี

บรรยากาศรอบข้างนั้นมีแต่ไอหมอกจางๆ ปกคลุมเต็มไปหมด ขณะที่รถแล่นสายหมอกเย็นก็พัดปะทะหน้าจน “ผู้จัดการท่องเที่ยว” หน้าชาไปตลอดทาง เรียกว่าหากมีใครมาว่าคงไม่รู้สึกอะไร เพราะชาไปหมดแล้ว…

ถึงแม้จะมีไอหมอกแต่ก็ยังทำให้เห็นว่าสภาพป่าที่ถูกเก็บรักษาโดยไม่มีคนมาย่างกรายตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานั้นสมบูรณ์ขนาดไหน เพราะข้างทางก็ปรากฏโป่งดินอยู่เป็นระยะๆ ไหนจะกองขี้ช้างสดใหม่ที่เรี่ยราดอยู่หลายกอง แม้กระทั่งถนนที่กำลังใช้อยู่นี้ก็ถูกรุกล้ำไปด้วยกอพืชที่คืบคลานเข้ามายึดครองพื้นผิวถนนจนมองไม่เห็นไหล่ทาง

สำหรับทุกคนบนหลังรถแล้ว ….ตอนนี้กรุ่นไอดินกลิ่นผืนป่า...หอมเป็นที่สุด


กว่าจะถึงจุดชมวิวเขาพะเนินทุ่งกม.ที่ 36 ก็ใช้เวลานานหลายอึดใจ เพราะอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานรวมระยะทางทั้งหมด50 กิโลเมตรหย่อน ๆ แน่นอนว่าการรอคอยครั้งนี้ได้รับการตอบแทนอย่างถึงใจ ด้วยทิวทัศน์ทะเลหมอกที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ยามแสงอาทิตย์แรกของวันมาเยือนทะเลภูเขาของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แกล้มด้วยอาหารมื้อเช้าอุ่นๆ อย่างกาแฟร้อนกับปลาหมึกแผ่นที่เข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ

ถึงตรงนี้ความหมายของ “พะเนินทุ่ง” จึงค่อยกระจ่างแจ้ง เพราะ “พะเนิน” หมายถึง ภูเขาหลายๆ ลูกที่มารวมกันเป็นกองพะเนิน กลายเป็นทุ่งภูเขาสุดลูกหูลูกตา


เจ้าหน้าที่อุทยานยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าทะเลหมอกซึ่งห่างจากกรุงเทพแค่ร้อยกว่ากิโลเมตรแห่งนี้จะงดงามที่สุดราวๆ เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่คนเดิมถึงขนาดรับประกันว่า “ทะเลหมอกในเดือนกุมภาพันธ์สวยทุกวัน”

สายแล้ว…. วันนี้เองทำให้ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ได้ตระหนักถึงความสมบูรณ์ของผืนป่าแก่งกระจาน เพราะขากลับจากชมทะเลหมอกนั้นก็มีนกหลากหลายชนิดออกมาทักทายเราไม่ว่าจะเป็นนกโพระดก นกแซงแซว หรือแม้แต่นกหายากอย่างนกเงือก ก็เห็นได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าแก่งกระจาน นอกจากจะสามารถมาชมทะเลหมอกได้แล้ว ยังสามารถเป็นแหล่งดูนกที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้อุทยานแห่งชาติไหนๆ เพราะที่นี่มีรายงานการสำรวจพบนกเกือบ 400 ชนิด โดยเฉพาะนกเงือกซึ่งในประเทศไทยมีทั้งหมด 12 ชนิด กว่าครึ่งนั้นมีรายงานการพบอยู่ที่นี่ (6 ชนิด)นอกจากนกแล้ว ที่นี่ยังสามารถชมและศึกษาผีเสื้อได้อีกด้วย เพราะบริเวณริมถนนที่เลียบไปกับลำห้วยบริเวณ กม.ที่ 15 (บ้านกร่างแค้มป์) นั้นจะมีผีเสื้อนานาชนิดมาชุมนุมกันอยู่ ยิ่งช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคมของทุกปี จะเป็นฤดูกาลที่นักธรรมชาติวิทยาหลายคนชื่นชอบในการเข้ามาศึกษาธรรมชาติของผีเสื้อเหล่านี้ และที่ผ่านมามีรายงานการพบผีเสื้อทั้งหมดถึง 130 ชนิด

ตลอดเวลาที่ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ได้สัมผัสผืนป่าแก่งกระจาน บนถนนสายวังวน-น้ำตกทอทิพย์ สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้คือถ้าใช้เวลาลงไปเดิน คงจะเห็นอะไรสวย ๆ งาม ๆ อีกมากทีเดียวบริเวณริมทาง เพราะเสียงฝีเท้าย่อมเงียบกว่าเสียงเครื่องยนต์ บางทีอาจจะมีโอกาสเห็นสัตว์แบบจะจะ อย่างกระทิง สมเสร็จ หรือค่างแว่นถิ่นใต้ ก็ได้หากโชคดีพอ

“บางทีสิ่งที่สวยงามก็อยู่ไม่ไกล หากแต่เรายังไม่ค้นพบ”

คำพูดนี้คงใช้ได้ดีสำหรับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่หลายคนมักจะเข้าใจผิดว่ามีเพียงแต่เขื่อนดินใหญ่ที่สุดในประเทศ เพราะผืนป่าเหนือเขื่อนขึ้นไปนั้นยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่มากอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มาร้อยกว่ากิโลเมตร ก็สามารถมาสัมผัสกับธรรมชาติพิสุทธิ์ได้โดยไม่กระทบกับเงินในกระเป๋าที่จะต้องจ่ายไปกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นแบบ Non-Stop สักเท่าไร

แน่ละ ที่นี่… “แก่งกระจาน” ความแห่งธรรมชาติที่อยู่ใกล้กรุงฯแค่เอื้อม

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *

จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจในอุทยานฯ

เขื่อนแก่งกระจาน
   เป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเรื่องขาดแคลนแหล่งน้ำ    เหมาะสำหรับนักท่องเที่วที่ชื่นชอบบรรยากาศสงบร่มรื่น   ชมพระอาทิตย์อัสดงบริเวณสันเขื่อน


เขาพะเนินทุ่ง  เป็นยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,027 เมตร  มองเห็นทิวทัศน์ของผืนป่าแก่งกระจานได้กว้างไกลจดเทือกเขาตะนาวศรี  ยามเช้ามักปรากฏทะเลหมอกปกคลุมผืนป่าเบื้องล่างบริเวณกว้าง จุดชมวิวจะอยู่ตรง กม.36

น้ำตกปราณบุรี
   เป็นน้ำตกเล็ก ๆ มีทั้งหมด 5ชั้น  จะสวยงามที่สุดในฤดูฝน   อยู่ห่างจากที่ทำการบ้านกร่างแคมป์ไปทางทิศตะวันตก 7 กิโลเมตร

น้ำตกทอทิพย์  น้ำตกขนาดใหญ่  9 ชั้น  เมื่อถึงกม.36 ต้องเดินเท้าไปตามเส้นทางอีก 4 กิโลเมตรถึงตัวน้ำตก สภาพเส้นทางร่มรื่น  ริมทางอาจพบต้นไทรที่กำลังสุก  เป็นอาหารของค่าง  ชะนี  และนกมากมาย

ถ้ำหัวช้าง  อยู่ห่างจากที่ทำการหน่วยฯ ไปทางทิศตะวันออก 1 กม. ระยะทางเดินเข้าชมถ้ำประมาณ 200 เมตร ภายในมีหินงอกหินย้อยลักษณะคล้ายหัวกะโหลกช้าง

ถ้ำเขาปะการัง  อยู่ห่างจากที่ทำการหน่วยฯ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 3 กม. ภายในถ้ำมีรอยเลียงผาและมูลเลียงผาให้พบเห็น  และมีหินงอกหินย้อยตามผนังถ้ำหลายแห่ง

ชมความงามริมทางสายวังวน-น้ำตกทอทิพย์ เป็นเส้นทางเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติประมาณ 34.5 กิโลเมตร ระหว่างทางสามารถชมทิวทัศน์ได้ตลอดสายเห็นภูเขา ทะเลหมอก ป่าเขียวขจี และพบเห็นสัตว์นานาชนิด 

ลานหนุมาน หรือเขาปะการัง ลักษณะของภูเขาเป็นหินที่มีรูปร่างลักษณะแปลกตาคล้ายปะการัง บริเวณนี้มีลิง ค่างและชะนี เป็นจำนวนมาก และยังเป็นสถานที่ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง
 
น้ำตกป่าละอู
อยู่ทางตอนใต้ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในท้องที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีความสูง 16 ชั้น มีน้ำไหลตลอดปี ปัจจุบันได้พัฒนาบ้างแล้ว ประชาชนนิยมไปท่องเที่ยวกันมาก

น้ำตกห้วยป่าเลา มีทั้งหมด 7 ชั้น อยู่ใกล้เคียงกับน้ำตกป่าละอู อยู่ในท้องที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 

น้ำตกกระดังลา อยู่ทางตอนเหนือของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ท้องที่อำเภอหนองหญ้าปล้อง มีความสูง 3 ชั้น

น้ำตกชลนาฏ มีความสูง 3 ชั้น เป็นน้ำตกที่มีผาน้ำตกสูงที่สุดของน้ำตกในเขตอุทยานห่งชาติแก่งกระจาน สูงประมาณ 150-200 เมตร อยู่ใกล้เคียงกับน้ำตกป่าละอู อยู่ในท้องที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 

การเดินทางไปอช. แก่งกระจาน
อช.แก่งกระจานอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 123 กม.  จากตัวเมืองเพชรบุรี 53 กม.โดยทางรถยนต์ไปได้ 2 ทางคือ

1. จากตัวเมืองเพชรบุรี  เดินทางต่อไปยังอ.ท่ายาง  ถึงทางแยกเข้าแก่งกระจานประมาณ 20 กม. แยกขวาเข้าเขื่อนแก่งกระจานอีกประมาณ 39 กม
2.ก่อนถึงตัวเมืองเพชรบุรีแยกขวาเข้าอ.หนองหญ้าปล้อง 15 กม. ถึงบ้านท่าตะคร้อ  แยกซ้ายอีกประมาณ 24 กม. แยกขวาเข้าเขื่อนแก่งกระจานอีกประมาณ 15 กม. ถึงที่ทำการอุทยานฯ

มีรถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 จากกรุงเทพฯ ถึงท่ายางที่สถานีสายใต้ใหม่  รถออกชั่วโมงละคัน 1 คัน  ตั้งแต่ตี 5 ถึง 1ทุ่ม นั่งรถต่อไปอ.แก่งกระจาน  หรือจะเหมารถไปส่งที่ทำการอุทยานฯ ก็ได้ตามราคาตกลง

ทางอุทยานฯจะเปิดให้รถขึ้นลงเป็นเวลา คือ ขาขึ้นช่วงเวลา 05.00-10.00 น.และกลับลงมาช่วงเวลา14.30-15.00 น.

ตัวอย่างโปรแกรม 2 วัน 1 คืน
วันแรก
8.00 น.  ออกจากกรุงเทพฯ
10.00 น. แวะสักการะเจ้าแม่กวนอิมพันกร  ณ อุทยานพระโพธิสัตว์หนองหญ้าปล้อง
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันบริเวณร้านอาหารริมเขื่อนแก่งกระจาน
13.00 น.  ชมนิทรรศการเกี่ยวกับอุทยานฯ และติดต่อที่ทำการอุทยานฯ
14.00 น. สนุกกับกิจกรรมล่องเรือยาง  คายัคและเล่นน้ำบริเวณแม่น้ำเพชร  ใต้เขื่อนแก่งกระจาน
16.00 น. เข้าที่พัก

วันที่สอง
5.00 น.เดินทางสู่พะเนินทุ่ง  โดยรถยนต์
7.00 น. ชมทะเลหมอก บริเวณพะเนินทุ่ง กม. 30-36  และชมสัตว์ป่านานาชนิด  เช่นนก และค่างแว่น
8.30 น. รับประทานอาหารแบบปิกนิกที่เตรียมมา
9.00 น. เดินทางสู่น้ำตกทอทิพย์
15.00 น.  เดินทางกลับ
16.00 น. แวะอาบน้ำพุร้อน  หนองหญ้าปล้อง
19.00 น.เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ

สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่  อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน  โทร. 0-3245-9290-3   สำนักงานททท.ภาคกลางเขต 2 โทร. 0-3247-1005-6

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ชวนชม ชวนชิม ของเด็ดขึ้นชื่อ "เมื่องเพชรบุรี"
จังหวัดเพชรบุรี
จับกล้องส่องนกในผืนป่าแก่งกระจาน

กำลังโหลดความคิดเห็น