ไม่ว่าจังหวัดไหนๆ ในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเล็กหรือใหญ่ อยู่ใกล้หรือไกลในภูมิภาคใด ก็ล้วนแต่ต้องมีเรื่องราวที่โดดเด่น ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ เศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรมและประเพณี ไม่เว้นแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ย่อมจะมีเสน่ห์และเรื่องราวไว้สำหรับให้คนที่มาเยือนมีโอกาสได้ไปชื่นชม
เหมือนอย่างที่จังหวัดนนทบุรี จังหวัดเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับกรุงเทพฯ ซึ่งถ้าดูเผินๆ เหมือนว่าจะไม่มีอะไรโดดเด่นน่าสนใจ แต่จริงๆ แล้วยังมีเรื่องราวและที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ เหมือนอย่างที่คำขวัญประจำจังจังหวัดบอกไว้ว่า
“พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ เลื่องลือทุเรียนนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ”
ถ้านับกันตามปีที่ได้รับจัดตั้งให้เป็นจังหวัดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2498 เมืองนนท์ก็มีอายุราว ๆ 50 ปี แต่ถ้าย้อนประวัติศาสตร์แล้ว นนทบุรีนับเป็นเมืองเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ตำบลที่ตั้งเมืองนนทบุรีขึ้นมาครั้งแรกนั้นมีชื่อว่า บ้านตลาดขวัญ ต่อมาได้ยกฐานะขึ้นเป็นเมือง นนทบุรี เมื่อ พ.ศ.2092
บ้านตลาดขวัญเป็นดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์และเป็นสวนผลไม้ที่มีชื่อแห่งหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา แต่ในปัจจุบันพื้นที่ในบางอำเภอซึ่งเคยเป็นสวนผลไม้ต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงเป็นที่อยู่อาศัยและบางส่วนก็ขยายตัวในด้านอุตสาหกรรมแทน
แม้บางสิ่งบางอย่างจะเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา แต่ถ้าว่าด้วยความสวยงามของสถานที่ต่างๆ ก็ยังคงมีปรากฏให้เห็น เช่นที่ “ศาลากลางหลังเก่า” สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นตึกพื้นไม้ ตกแต่งระเบียงชายคาแบบตะวันตก ถือเป็นโบราณสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด สถาปัตยกรรมเก่าอีกแห่งคือ “ตำหนักประถม นนทบุรี” อยู่ที่ซอยอัคนี ถนนงามวงศ์วาน เป็นตำหนักหนึ่งในวังเพชรบูรณ์ของสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสองค์ที่ 72 ในรัชกาลที่ 5
ที่ห้องโถงปิดลายทอง ตำหนักใหม่เป็นที่วางฮาร์ฟ (พิณฝรั่ง) ชิ้นประวัติศาสตร์ที่สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชฯ ทรงนำมาจากอังกฤษอายุกว่าร้อยปี ตามปกติตำหนักประถม นนทบุรี จะเปิดให้เข้าชมเฉพาะผู้ที่ติดต่อมาเป็นหมู่คณะ แต่หลังจากวันที่ 18 ธันวาคมนี้ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จะเปิดให้ผู้สนใจได้มีโอกาสเข้าชมกันอย่างทั่วถึง ซึ่งนอกจากจะได้ชมความสวยงามของตำหนักแล้ว ยังจะได้ฟังดนตรีบรรเลงเพลงฮาร์พและการแสดงดนตรีอื่นๆ ถ้าสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2261-4777
ถ้ายังติดอกติดใจว่าด้วยเรื่องราวของสถานที่ที่มีความผูกพันกับเจ้าของ ก็ยังมี “บ้านครูมนตรี ตราโมท” หรือ บ้านโสมส่องแสง เป็นบ้านของครูมนตรี ตราโมท ดุริยางคศิลปิน คีตกวี 5 แผ่นดิน ที่ได้รังสรรค์ผลงานประพันธ์ทำนองเพลงไทยไว้มากกว่า 200 เพลง ซึ่งทายาทได้อนุรักษ์บ้านหลังนี้ไว้เพื่อเป็นแหล่งศึกษาชีวิตของศิลปินไทยที่มีคุณความดีและนำสัจธรรมทางพุทธศาสนามาใช้ในการดำเนินชีวิต ภายในบ้านจัดแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย สมถะ แสดงชีวประวัติและผลงานของครูมนตรี และยังมีการจัดสอนดนตรีไทย ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่ควรจะติดต่อไปก่อนล่วงหน้า เพราะตอนนี้มีการปรับปรุงบ้านในบางส่วน โทร. 0-2968-9498 กด 0 หรือ 0-2527-5257
หรือถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปสัมผัสธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ นนทบุรียังมีปอดในเมืองหลายแห่งให้ได้พักผ่อนและออกกำลังกาย อย่างที่อำเภอปากเกร็ดก็มี “สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์” ที่ในสวนหย่อมจะมีบึงน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำพุกลางน้ำ รายล้อมด้วยหมู่แมกไม้ที่ร่มรื่นและเงียบสงบ อีกแห่งคือ “สวนทิพย์” ที่มีลักษณะเป็นสวนพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ในวรรณคดี มีศาลาทรงไทยสำหรับนั่งพักผ่อน ภายในบริเวณสวนและริมท่าน้ำบรรยากาศร่มรื่นสวยงามแบบไทย ๆ และยังจะได้พบเห็นสภาพชีวิตความเป็นอยู่แบบชนบทริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
ส่วนที่อำเภอเมืองมีสวนสวยคือ “อุทยานกาญจนาภิเษก” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันตก สร้างเพื่อน้อมเกล้าถวายฯ เป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี เป็นศูนย์รวมพันธุ์ไม้น้ำ ไม้ชายน้ำ พืชสวน และสัตว์น้ำชนิดต่างๆ เปิดให้เข้าชมทุกวัน มีทั้งหมู่อาคาร ศาลาบริวาร และเรือนไทยหมู่ที่สวยงาม ที่สุดมุมริมน้ำยังพอให้เห็นบรรยากาศของสวนผลไม้ที่อนุรักษ์ไว้ มีทั้งสวนกระท้อน ทุเรียน มังคุด ขนุน มะพร้าวน้ำหอม
ติดกับอุทยานกาญจนาภิเษก เป็นที่ตั้งของ “วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร” ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดที่รัชกาลที่ 3 ทรงสร้างเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระอัยกา พระอัยกีและสมเด็จพระราชชนนีของพระองค์มาสร้างแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 4 ภายในเขตพระอารามมีความสงบ สะอาด ร่มรื่น สถาปัตยกรรมในวัดที่น่าสนใจคือ พระอุโบสถ เป็นศิลปะแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 คือ ศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากจีนมาผสม
ไหนๆ ก็ว่าด้วยเรื่องวัดแล้วก็ขอต่อด้วยการทัวร์วัดเก่าวัดดังของเมืองนนท์ เพราะอย่างที่รู้กันว่านนทบุรีเป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา เพราะฉะนั้นถ้าว่าด้วยเรื่องราวของวัดเก่าๆ ก็ย่อมจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย วัดที่เป็นที่รู้จักดีอีกแห่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก คือ “วัดเขมาภิรตาราม” สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวัดมีพระมหาเจดีย์ สูง 30 เมตร ตั้งอยู่ด้านหลังโบสถ์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระประธานเป็นพระพุทธรูปหล่อเก่าแก่ ศิลปะสมัยอยุธยาอัญเชิญมาจากพระราชวังจันทร์เกษม ภายในวัดมีพระตำหนักแดงและพระที่นั่งมณเฑียรที่สวยสง่างามตั้งอยู่ด้วย
“วัดกู้” เป็นวัดเก่าที่โดดเด่นด้วยศิลปะแบบมอญ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบมอญที่สวยงาม ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากปากเกร็ดไปทางเหนือ 3 กม. สร้างโดยชาวมอญที่ได้อพยพเข้ามาในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี มีความสำคัญคือเป็นบริเวณที่เรือพระที่นั่งของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระมเหสีในรัชกาลที่ 5 ได้ประสบอุบัติเหตุเรือล่มสิ้นพระชนม์ ยังมีซากเรือเก่าเก็บไว้ที่วัดนี้ด้วย
ในเขตเมืองนนท์ยังมีวัดอีกหลายแห่งที่ล้วนมีชื่อเสียงโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม ประวัติความเป็นมาและความสำคัญ นับตั้งแต่วัดเก่าในสมัยอยุธยาเรื่อยมาจนถึงวัดที่สร้างในสมัยปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นวัดสังฆทาน วัดโชติการาม วัดปราสาท วัดชมภูเวก วัดตำหนักใต้ วัดอัมพวัน วัดชลประทานรังสฤษดิ์ วัดสวนแก้ว และอีกหลายๆ วัด มีเวลาก็น่าจะหาโอกาสไปทำบุญทำทานฟังพระธรรมเทศนาจากพระอาจารย์ จะช่วยทำให้จิตใจใสสะอาดไม่ฟุ้งซ่านและวุ่นวายไปกับสังคมโลกที่เห็นๆและเป็นๆกันอยู่
มาถึงเมืองนนท์ทั้งที เที่ยวกันไปก็หลายที่ จะพลาดการไป “เกาะเกร็ด” ก็เหมือนว่าไปไม่ถึงนนทบุรี เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีสีสันที่สุด จะได้เห็นถึงชุมชนของชาวไทยเชื้อสายมอญ ซึ่งบรรพบุรุษชาวมอญอพยพมาอยู่บริเวณนี้ตั้งแต่สมัยธนบุรี บนเกาะเกร็ดมีวัดโบราณคือ “วัดปรมัยยิกาวาส” ถ้าล่องเรือมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาจะเห็นเจดีย์เอียงสีขาวริมน้ำเป็นจุดสังเกต เจดีย์และพระอุโบสถสร้างสมัยรัชกาลที่ 5 ประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนแบบรามัญ มีพระวิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์สมัยอยุธยาตอนปลาย มี พิพิธภัณฑ์วัดปรมัยยิกาวาส จัดแสดงวัตถุต่างๆอย่าง พระพิมพ์ เครื่องแก้ว เครื่องถ้วยชาม รวมทั้ง “เหม” หรือโลงศพแบบมอญ นอกจากนี้บนเกาะเกร็ดยังมีวัดเก่าสมัยอยุธยา คือวัดเสาธงทอง วัดฉิมพลีสุทธาวาส วัดไผ่ล้อม
สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้การชมวัดก็คือเดินเที่ยวดูวิถีชีวิตของชาวเกาะเกร็ดที่ยังคงประกอบอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผาแบบมอญ ซึ่งกลายมาเป็นสินค้าที่ระลึกที่ขึ้นชื่อของเกาะเกร็ด มีการออกแบบรูปทรงและแกะสลักที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีขนมหวานแบบไทยๆให้เลือกซื้อหาเป็นของกินของฝากและต้องลองชิมอาหารพื้นบ้านอย่าง แกงหน่อกะลา ทอดมันหน่อกะลา ซึ่งหน่อกะลาเป็นพืชตระกูลเดียวกับข่าขิง ขึ้นเองตามธรรมชาติและอยู่คู่ชาวมอญมาเนิ่นนาน มีสรรพคุณเป็นยาระบาย ส่วนรสชาติและหน้าตาจะเป็นอย่างไรคงต้องไปพิสูจน์ดู
อย่ามัวแต่คิดว่าเมืองนนท์อยู่ใกล้แค่นี้ไปเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะจริงๆ แล้วอยู่ใกล้ๆ แค่นี้ล่ะ แต่ยังมีเรื่องราวและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของนนทบุรีอีกมาก ที่รอให้ไปแวะเที่ยวแวะชมได้อย่างไม่รู้เบื่อ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0-2580-0751,0-2589-7615,0-2950-0844
สำนักงาน ททท. ภาคกลาง เขต 6 โทรศัพท์ 0-3524-6076-7