xs
xsm
sm
md
lg

“ประจวบคีรีขันธ์” มนต์ขลังแห่งทะเลและขุนเขา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าว สับปะรด สวยสด หาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ”

พอเอ่ยถึงคำขวัญประจำจังหวัดนี้ขึ้นมา เชื่อว่าต้องมีไม่น้อยที่จะต้องเกิดอาการงุนงงสงสัย และอาจจะต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่รู้จริงๆ ว่าคำขวัญนี้เป็นของจังหวัดไหน” แค่คำว่าเมืองทองเนื้อเก้า ก็ไม่ค่อยคุ้นหรือเป็นที่รู้จักนัก แล้วยังมีพืชเศรษฐกิจถึง 2 อย่าง คือ มะพร้าว และสับปะรด มีหาดทรายชายทะเล มีภูเขา และถ้ำที่สวยงาม ผู้คนดีมีน้ำใจอย่างนี้คือที่ไหนกันหนอ...

เพื่อไม่ให้สงสัยกันไปมากกว่านี้จึงขอเฉลยให้ได้รู้กันเลยว่า จังหวัดที่มีคำขวัญดังกล่าวก็คือจังหวัดที่มีชื่อแปลว่า “เมืองที่มีภูเขาเป็นหมู่ๆ” ซึ่งก็คือ “จังหวัดประจวบคีรีขันธ์” นั่นเอง

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นจังหวัดที่อยู่ตอนล่างสุดของภาคกลาง มีพื้นที่ติดกับจังหวัดที่อยู่ตอนบนของภาคใต้นั่นคือจังหวัดชุมพร จึงนับว่าประจวบคีรีขันธ์เป็นประตูก่อนสู่จังหวัดภาคใต้ เป็นเมืองที่มีชายฝั่งทะเลยาวตลอดแนว จึงมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลมากมายหลายแห่ง

ที่ขึ้นชื่อคือ “ชายทะเลหัวหิน” เป็นที่ตากอากาศที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีของคนไทยมาเนิ่นนาน แม้แต่คนต่างชาติก็รู้จักที่นี่ดี เพราะมีชายหาดที่สวยงาม ทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใส บรรยากาศสงบร่มรื่น อากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย จนเคยมีสมญานามว่า “ราชินีแห่งความร่มรื่น” แต่ในตอนนี้บรรยากาศชายหาดหัวหินอาจจะเปลี่ยนไป มีกิจกรรมกีฬาทางน้ำ มีม้าให้ขี่เดินเลียบชายหาด มีพ่อค้าแม่ค้าขายของเดินขวักไขว่ และแน่นอนว่าต้องมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้นด้วย จนอาจจะหาความสงบร่มรื่นเป็นส่วนตัวได้น้อยลง แต่ถึงอย่างไรหัวหินก็ยังเป็นที่เที่ยวที่มีเสน่ห์อยู่เสมอ

หรือถ้าอยากจะได้บรรยากาศชายทะเลที่มีมุมสงบๆ อีกสักแห่ง ก็แนะนำว่าน่าจะไปที่ “สวนสนประดิพัทธ์” ซึ่งห่างจากหัวหินไปประมาณ 8 กม. มีบริเวณติดกับชายหาดยาวเหยียด ว่ากันว่าเงียบสงบจนสามารถได้ยินเสียงลมพัดยอดสน เท็จจริงอย่างไรนั้นคงต้องหาโอกาสไปพิสูจน์กัน เพราะมีท่องเที่ยวทางรถไฟแบบไปเช้าเย็นกลับจากกรุงเทพฯ ถึงสวนสนประดิพัทธ์ เรียกว่ามีเวลาแค่วันเดียวก็สามารถไปเที่ยวได้แล้ว หรือจะพักค้างคืนก็มีบังกาโลและที่พักรับรองไว้บริการด้วย

หาดสวยๆ ของเมืองประจวบไม่ได้มีแค่นี้ ยังมีที่ “อ่าวประจวบคีรีขันธ์” ซึ่งที่หน้าอ่าวมีทั้งเขาและเกาะรูปร่างแปลกตาอยู่หลายเกาะ ทำให้ทิวทัศน์ของอ่าวดูสวยงามและเกาะใหญ่น้อยเหล่านี้ยังเป็นที่เกิดของตำนานพื้นบ้านที่เล่าว่า ตาม่องล่าย ยายรำพึง และลูกสาวแสนสวยชื่อยมโดย ทั้งตาทั้งยายต่างฝ่ายต่างก็ตกปากยกลูกสาวให้กับหนุ่มคนที่ตัวเองพอใจเห็นว่าเหมาะกับลูกสาวตัว พอขบวนขันหมาก 2 ขบวนยกมาพร้อมกัน ตายายเลยทะเลาะวิวาทกันเป็นการใหญ่ ถึงขนาดฉีกร่างลูกสาวออกเป็น 2 ส่วน รวมทั้งเครื่องขันหมากทั้งหมดก็โยนลงทะเล จนกลายเป็นชื่อของเกาะแก่งในอ่าวประจวบฯ ทั้ง เขาตาม่องล่าย เขาแม่รำพึง เกาะนมสาว เขาล้อมหมวก เกาะสาก เอาเป็นว่าถ้าได้ไปสัมผัสกับสถานที่จริงแล้วรับรองจะต้องมีความสุขสนุกสนาน พอๆ กับเรื่องราวตำนานพื้นบ้านนี้แน่ๆ

“บ้านกรูด” ที่ไม่ใช่จะมีเฉพาะเรื่องราวการต่อสู้อันเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวของชาวชุมชน แต่ยังเป็นอีกที่ที่มีความสวยงาม เพราะมีชายหาดสีขาวนวล ลักษณะโค้งมนคล้ายพระจันทร์เสี้ยว ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวและทิวสน มีแนวปะการังน้ำตื้นที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์สวยงาม ที่สำคัญยังจะได้เห็นถึงวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวชุมชนบ้านกรูด ซึ่งมีอาชีพทำประมงน้ำตื้น จึงมีของทะเลมีให้เลือกซื้อหลายอย่าง ราคาไม่แพง และที่นี่ยังมี สวนมะพร้าว ซึ่งถือเป็นแหล่งสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองไทย ใกล้ๆ กันนั้นยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อีกหลายที่ เช่น พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ ตำหนักกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เขาธงชัย เกาะลำหล้า ถ้ำเขาม้าร้อง

ค้นหาความหมายที่แฝงความสวยงามของ “หาด” หลายหาดของเมืองประจวบฯกันแล้ว ก็ต้องเที่ยวกันต่อด้วยเรื่องของ “เขา” ที่ “เรา” อยากนำเสนอ นั่นก็คือ “อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด” ที่มีทิวเขาน้อยใหญ่เสียดยอดสูงต่ำเรียงราย เคียงข้างทะเลสีคราม เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญ เป็นที่อยู่อาศัยของนกนานาชนิดและสัตว์ป่านานาพันธุ์ นับว่าเป็นอุทยานแห่งชาติประเภทชายฝั่งทะเลแห่งแรกของประเทศไทย ที่มาของชื่อของเทือกเขาสามร้อยยอดเล่ากันว่า พื้นที่แถบนี้เคยเป็นทะเลมีเกาะใหญ่น้อยอยู่มากมาย ในสมัยนั้นมีขบวนเรือสำเภาจีนแล่นผ่านมา และประสบกับลมพายุมรสุมจนเรืออับปาง คนบนเรือที่รอดชีวิตได้ไปอาศัยอยู่ตามเกาะต่าง ๆ จำนวน 300 คน จึงเรียกว่า “เกาะสามร้อยรอด” ต่อมาเพี้ยนเป็น “เขาสามร้อยยอด” จนทุกวันนี้

ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ไปประมาณ 16 กม. เป็นที่ตั้งของ “ถ้ำพระยานคร” เป็นถ้ำขนาดใหญ่ ที่เพดานถ้ำมีปล่องให้แสงสว่างลอดเข้ามาได้มีพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ขึ้นอยู่งอกงาม ถ้ำแห่งนี้ถือเป็นถ้ำแห่งประวัติศาสตร์ ที่ตั้งโบราณสถานชื่อดังของจังหวัด เพราะมีจุดเด่นคือ พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์เป็นพลับพลาแบบจตุรมุข สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมายกช่อฟ้าด้วยพระองค์เอง ในยามที่พระอาทิตย์ส่องแสงผ่านปล่องเขาก็ยิ่งทำให้พลับพลาที่ประทับงดงามมหัศจรรย์ยิ่งนัก พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์จึงนับเป็นเครื่องเชิดชูอย่างยิ่งของถ้ำพระยานคร และกลายเป็นสัญลักษณ์ตราประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบัน

สิ่งที่ทำให้นึกถึงประจวบคีรีขันธ์ได้เป็นอย่างดีอีกอย่างก็คงเป็นเรื่องราวที่ “หว้ากอ” ซึ่งเป็นดินแดนที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ของวงการวิทยาศาสตร์ของไทย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงคำนวณไว้ล่วงหน้าถึง 2 ปีว่าจะมองเห็นสุริยุปราคาเต็มดวงที่หว้ากอแห่งนี้และได้เสด็จมาทอดพระเนตรพร้อมด้วยนักวิทยาศาสตร์และทูตานุทูตชาวต่างประเทศ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2411 และก็เป็น ตรงตามที่พระองค์ทรงคำนวณไว้ทุกประการ ปวงชนชาวไทยถวายพระราชสมัญญานามทรงเป็น "พระบิดา แห่งวิทยาศาสตร์ไทย" และเป็นที่มาของการสร้าง “อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ”

ภายในอุทยานฯ มีที่ให้ได้ท่องเที่ยวและเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ อย่างเช่น อาคารดาราศาสตร์และอวกาศ ที่มีนิทรรศการทางด้านดาราศาสตร์ อวกาศ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ส่วนที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ เป็นอุโมงค์ใต้น้ำที่รวบรวมไว้ทั้งสัตว์น้ำจืดและน้ำเค็มหลากหลายชนิด และในอนาคตอุทยานฯ จะมีการสร้างหอดูดาวหว้ากอเฉลิมพระเกียรติ 200 ปีขึ้นอีกอย่างด้วย

เที่ยวกันไปหลายที่ ทั้งหาด ทั้งเขา ทั้งถ้ำ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเหตุใดทำไมประจวบคีรีขันธ์ จึงเป็น "เมืองทองเนื้อเก้า" เลยไปสอบถามคนเฒ่าคนแก่ถามถึงที่มาที่ไปของชื่อเมืองทองเนื้อเก้า จึงได้ความว่า ในสมัยก่อนนานมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ที่ อ.บางสะพาน มีแร่ทองคำที่มีความบริสุทธิ์อยู่มาก ชาวบ้านจึงมีอาชีพขุดร่อนหาทอง ตามกรรมวิธีภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งก็ได้มากน้อยแล้วแต่ความโชคดีในแต่ละวันของแต่ละคน ทองบางสะพานนับเป็นทองที่มีความเป็นสิริมงคล และยังคงมีให้ชาวบ้านได้ขุดหาเลี้ยงชีพ จนถึงทุกวันนี้ชาวบ้านในเขต ต.ร่อนทอง อ.บางสะพาน บางครอบครัวก็ยังคงร่อนแร่หาทองกันอยู่ แต่ก็เหลือไม่มากนักและคงไม่คึกคักเหมือนเมื่อในอดีต แต่ถ้าอยากจะลองไปเที่ยวไปดูให้เห็นจริงก็ไปกันได้ แล้วจะได้รู้ว่าทองเนื้อเก้านั้นสวยงามสมคำร่ำลือหรือไม่

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

ประจวบคีรีขันธ์ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง อาทิ พระราชวังไกลกังวล เขาช่องกระจก อ่าวมะนาว หาดบางเบิด ปากน้ำปราณบุรี อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง อุทยานแห่งชาติหาดวนกร เป็นต้นสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท. ภาคกลาง เขต 2 โทร. 0-3247-1005

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมท่องเที่ยวทางรถไฟไปสวนสนประดิพัทธ์ได้ที่หมายเลข 1690 หรือที่หมวดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้า โทรศัพท์ 0-2621-8701 ต่อ 5217

กำลังโหลดความคิดเห็น