xs
xsm
sm
md
lg

“ภูโคลน” อันซีนเมืองไทย เนรมิตความสวยได้ด้วยโคลน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“โคลน” ในความหมายที่คุ้นเคย คือสิ่งที่เหม็นสาบ ทั้งต่ำต้อยและทั้งสกปรก จึงไม่แปลกที่เมื่อครั้งใด คำว่า “โคลน” ไปอยู่รวมเข้ากับสิ่งใดแล้วก็ยิ่งจะตอกย้ำให้โคลนถูกเปรียบเทียบและเหยียบย่ำให้ด้อยค่าลงไปอีก ไม่ว่าจะเป็น ปลักโคลน โคลนตม โคลนเลน หรือที่ได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ ‘กลิ่นโคลนสาบควาย’ คำที่มีความหมายเชิงดูถูกประชดประชัน “โคลน” จึงเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะพิสมัยนัก ทั้งด้วยความหมาย กลิ่นกายและจากสภาพกายภาพของโคลนเอง

แต่ใช่ว่าโคลนจะเป็นสิ่งไร้ค่าน่ารังเกียจเสมอไป เพราะพบว่า มีแหล่งโคลนบางแห่งที่มีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ สามารถจะนำมาเป็นทำความสะอาดผิวหน้า ช่วยทำให้ผิวพรรณผุดผ่องได้ ซึ่งในโลกนี้มีแหล่งโคลนเพียง 3 แห่ง ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว และ 1 ใน 3 แหล่งโคลนนั้นก็อยู่ที่ “ภูโคลน” เทือกเขาทางภาคเหนือของประเทศไทยของเรานี่เอง

“ภูโคลน” อยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเท่าใดนัก เมื่อมองสภาพภูมิทัศน์ทั่วๆไปที่เห็น “ภูโคลน” ก็คงจะไม่แตกต่างไปจากภูเขาลูกอื่นๆ แต่ลึกลงไปได้ดินนั้นกลับเป็นทะเลสาบใต้ดินที่มีสายน้ำแร่อันทรงคุณค่า และพบว่า ตะกอนโคลนที่ปนเปื้อนมากับน้ำแร่นั้น เป็นโคลนบำบัดที่มีคุณประโยชน์อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์กับผิวหนังและระบบไหลเวียนเลือด

“วัชรพงค์ กลิ่นปราณีต” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทภูโคลน คันทรีคลับ กล่าวว่า เดิมพื้นที่บริเวณภูโคลนมีธารน้ำแร่ ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเมื่อได้แช่น้ำแร่นี้แล้วจะช่วยบำบัดทำให้หายจากอาการเจ็บป่วยได้ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2538 จึงได้ทำการขุดสำรวจพื้นที่บริเวณภูโคลนเพราะคาดว่าจะมีน้ำแร่ แต่เมื่อขุดขึ้นมาปรากฏว่ากลายเป็นโคลนร้อน ที่มีความร้อน 60 - 140 องศาเซลเซียสมีลักษณะเป็นโคลนเดือดบริสุทธิ์สีดำที่ขึ้นมากับน้ำแร่ ไม่มีกลิ่นของกำมะถัน จึงได้ส่งน้ำแร่และโคลนไปตรวจสอบและวิจัยที่สถาบัน THERMALIUM LUXEUIL LABORATORIE ในประเทศฝรั่งเศสนานถึง 4 ปี

แล้วก็ได้พบว่าโคลนและน้ำแร่ธรรมชาติที่พบนั้นมีแร่ธาตุหลายชนิด มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับโคลนจากทะเล DEAD SEA ในประเทศอิสราเอลที่ถือว่าเป็นโคลนจากทะเลที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันมีการค้นพบแหล่งโคลนบำบัด จากสายน้ำแร่ใต้ดินที่มีคุณสมบัติดังกล่าวเพียงแค่ 3 แหล่งเท่านั้นในโลก คือที่ ภูโคลน จังหวัดแม่ฮ่องสอน และอีก 2 แห่งอยู่ที่ แหล่งน้ำแร่ธรรมชาติจากเทือกเขาทางภาคกลางในประเทศฝรั่งเศส และโคลนจากประเทศโรมาเนีย

นี่เองจึงทำให้ “ภูโคลน” ได้ถูกจัดให้เป็น 1 ใน Unseen Thailand จึงยิ่งทำให้ “ภูโคลน” เป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่หากเพียงแค่ความแปลกหรือเป็นสิ่งที่หายาก คงไม่ใช่ประเด็นที่จะทำให้ผู้คนกล่าวถึงและให้ความนิยมเท่ากับคุณสมบัติของโคลนสุขภาพ ที่ว่าทำให้ผิวพรรณสะอาดใส เนียนนุ่ม ช่วยดูดซับความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่ติดตามรูขุมขนซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยนและริ้วรอยหมองคล้ำ อีกทั้งส่วนผสมของแร่ธาตุที่สำคัญยังเป็นอาหารบำรุงเซลล์ผิวและช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

แต่กว่าที่จะสกัดตะกอนดินโคลนในบ่อซึ่งมีความร้อนประมาณ 70 องศาเซลเซียสให้กลายเป็นดินโคลนสุขภาพที่พร้อมใช้นั้น ต้องผ่านกรรมวิธีตรวจสอบและควบคุมอย่างใกล้ชิด ซึ่งวัชรพงค์ ได้เล่าถึงขั้นตอนการสกัดดินโคลนว่า หลังจากที่ใช้เครื่องสูบเอาตะกอนโคลนเดือดขึ้นมาจากบ่อ แล้วจึงนำไปผ่านการนึ่งและต่อด้วยการอบให้แห้ง จากนั้นจึงบดเป็นผงและร่อนให้ได้ในส่วนที่ละเอียดที่สุด แล้วนำส่งไปที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้งที่กรุงเทพฯและเชียงใหม่ เพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพว่ามีคุณสมบัติและแร่ธาตุครบถ้วน และมีความปลอดภัยกับผู้ใช้หรือไม่เพียงไร

“เราจะสูบตะกอนโคลนขึ้นมาจากบ่อเพียงปีละ 1-2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 700-1,000 กิโลกรัม และทุกครั้งจะนำส่งไปตรวจสอบที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จนเมื่อผ่านการทดสอบและได้รับรายงานผลการวิเคราะห์ตามตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง มอก.152-2539 จึงจะนำผลิตภัณฑ์ไปให้บริการได้” วัชรพงค์ กล่าว

สำหรับผลิตภัณฑ์โคลนและน้ำแร่ธรรมชาติจากภูโคลน ได้ใช้ชื่อตราสินค้าว่า LA BEAU'TE (ลาโบเต้) จำหน่ายผ่านการสั่งสินค้าของลูกค้ากับ บริษัทภูโคลน คันทรีคลับ ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนโดยตรงเพียงแห่งเดียว เพราะครั้งหนึ่งได้เคยให้บริษัทขายตรงแห่งหนึ่งรับผลิตภัณฑ์ไปผลิต แต่ปรากฏว่า บริษัทนั้นได้นำดินภูโคลน ไปผสมกับส่วนผสมอย่างอื่นร่วมด้วย ทำให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์ภูโคลนลดลงไป ทางบริษัทภูโคลน คันทรีคลับ จึงได้นำกลับมาผลิตและจัดจำหน่ายเอง โดยเน้นที่คุณภาพของผลิตภัณฑ์ เพื่อรักษาชื่อเสียงของภูโคลน แม่ฮ่องสอน

ซึ่งผลิตภัณฑ์โคลนและน้ำแร่ธรรมชาติจากภูโคลน จัดเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทสมุนไพร เนื่องจากผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีสารเคมีหรือสารสังเคราะห์ใดๆ สำหรับเสียงตอบรับของผู้ใช้บริการที่ผ่านมาก็นับว่าได้ผลดี จะมีเพียงผู้ที่มีผิวแห้งเท่านั้นที่อาจจะไม่เหมาะกับการใช้ดินโคลนนี้ เพราะด้วยคุณสมบัติของโคลนที่จะดูดซับความมันของผิว ก็จะยิ่งทำให้ผิวแห้งเข้าไปอีก จึงต้องใช้วิธีพอกโคลนอาทิตย์ละครั้ง ในปริมาณน้อยๆ

ปัจจุบันภูโคลน คันทรีคลับ ได้จัดโปรแกรมเพื่อสุขภาพและความงามด้วยโคลนและน้ำแร่จากแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติ ในรูปแบบของ Natural Spa ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติเป็นจำนวนมาก บริการที่ได้รับความนิยมคือพอกโคลนใบหน้า 50 บาท และพอกโคลนทั้งตัว 400 บาท โดยมีเจ้าหน้าที่ของภูโคลนซึ่งก็คือชาวบ้านในท้องถิ่นนั่นเอง มาคอยให้บริการ ทั้งการขัดหน้า พอกหน้า พอกตัว สร้างรายได้พิเศษให้กับคนในท้องถิ่นอีกทางหนึ่ง

นอกเหนือจากนั้น การที่ภูโคลนรับคัดเลือกให้เป็น Unseen Thailand ยังได้ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้คึกคักเป็นที่รู้จักและเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกด้วย อีกทั้งแม่ฮ่องสอนก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทั้งด้านธรรมชาติที่สวยงามและด้านประเพณี ศิลปวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถจะแวะไปเที่ยวชมได้ เป็นต้นว่า ถ้ำแก้วโกมล ล่องแก่งแม่น้ำปาย วนอุทยานน้ำตกผาเสื่อ ทุ่งดอกบัวตอง หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว วัดพระธาตุดอยกองมู ประเพณีปอยส่างลอง

ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติมีปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ ซึ่ง “ภูโคลน” เองก็เป็นผลผลิตหนึ่งจากธรรมชาติ นำมาสู่การค้นพบของมนุษย์และสรรค์สร้างให้เกิดประโยชน์ สุดท้ายนำมาสู่การส่งเสริมรายได้และการท่องเที่ยว โคลน “ภูโคลน” จึงเป็นโคลนธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเลย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ประโยชน์ของโคลนน้ำพุร้อน คือสามารถทำความสะอาดผิวหนัง ช่วยดูดซับสิ่งสกปรกที่หมักหมมอยู่ในเซลล์ของผิว แร่ธาตุที่อยู่ในโคลนบางตัวช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้ชุ่มชื้นขึ้น โดยพอกโคลนทิ้งไว้ 15-20 นาที เมื่อล้างหน้าออกจะรู้สึกสะอาดและสดใส นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด สามารถผ่อนคลายความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ เวลาพอกโคลนหน้าจะตึง ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย

แร่ธาตุที่สำคัญที่พบในโคลน “ภูโคลน” ได้แก่

แคลเซียม ช่วยปรับสภาพความสมดุลของผิวไม่ให้เกิดความแห้งกร้าน
โบรไมน์ มีฤทธิ์สามารถฆ่าเชื้อโรคให้ผิวได้ปลอดภัย
คลอไรน์ ช่วยบำรุงและควบคุมความชื้นของเซลล์ผิว
โปรแตสเซียม ช่วยบำรุงผิว
แมกนีเซียม ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมผิวหนังที่เสื่อมสภาพไป
โซเดียม ช่วยกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ผิว

การเดินทางไปยังภูโคลนใช้ทางหลวงหมายเลข 1095 สายแม่ฮ่องสอน-ปาย ระยะทางประมาณ 6 กม. เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเข้า หมู่บ้านกุงไม้สัก-บ้านห้วยขาน อีก 4 กม. จะพบภูโคลนอยู่ทางขวามือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท. ภาคเหนือ เขต 1 โทร. 0-5324-8604, 0-5324-8607, 0-5324-1466
กำลังโหลดความคิดเห็น