-1-
ทั้งๆ ที่ทะเลที่ไหนๆ ก็มีสีเขียวๆฟ้าๆ มีรสเค็มๆเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้ว “ทะเลที่ไหน ๆ ก็ไม่เหมือนกัน”
เพราะเสน่ห์ของทะเลย่อมมีจุดแตกต่างให้จดจำ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” เองก็ผ่านมาก็ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านสมุทร แต่ก็ยังไม่เคยลืมเลือน “ทะเลแรก” ที่ทำให้ได้รู้จักกับคำว่า “ทะเล” เพราะทะเลแรก ก็เหมือน “รักแรก” ที่มีเรื่องราวและความประทับใจมากมายเกิดขึ้น
สำหรับ“ทะเลแรก” ของ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ที่ยังจดจำไม่เคยลืม ก็คือ “ทะเลบางแสน” และก็คงเป็นทะเลแรกของใครหลายๆ คน เพราะเป็นทะเลที่ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางไปมาสะดวกสบาย ผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ตั้งแต่รุ่นคุณปู่จนมาถึงตอนนี้ ก็ยังเป็นสถานที่พักผ่อนท่องเที่ยวยอดนิยมที่ไม่เคยร้างผู้คน แม้จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ชื่อเสียงของบางแสนอาจหมองมัวกับความสกปรกและความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยไปบ้าง
แต่ว่าก็เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพราะช่วงไม่กี่ปีมานี้ชาวบ้านแสนก็ได้พยายามที่จะ พลิกฟื้นกลับมาสวยงาม เรียกมนต์เสน่ห์ให้ผู้คนได้กลับมาหลงใหลเหมือนเดิม
-2-
“ฟ้าและท้องทะเลกับลมนั้นมีอยู่ แต่ใครจะรู้ จะรู้ว่ามีอะไรในใจฉัน…”
“ผู้จัดการท่องเที่ยว”กำลังฮัมเพลง “ให้เธอ” อย่างมีความสุข ซึ่งอาจจะเทียบไม่ได้กับเจ้าของเสียงเพลงตัวจริงอย่าง“พี่โต๊ะ” วสันต์ โชติกุล แต่ก็พอทำให้บรรยากาศในตอนนี้ลงตัวทีเดียว เพราะตอนนี้ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” กำลังอยู่ที่ชายหาดทะเลบางแสนในยามเย็น ปล่อยอารมณ์เพลินๆ ไปกับการดูพรายฟองคลื่นที่กระทบฝั่งเป็นระยะ ประหนึ่งว่ากำลังแสดงมิวสิควีดีโออยู่ยังไงยังงั้น
แน่แล้ว อาการอย่างนี้ไม่ต้องบอกก็พอรู้ได้ว่าจะมีความสุขขนาดไหน ไม่ใช่แค่สุขที่ได้มาเที่ยว แต่เป็นสุขที่ได้มาเยือนบางแสนอีกครั้ง
บางแสนในวันนี้ดูเปลี่ยนแปลงไปมาก เธออาจจะไม่ใช่หญิงสาวชาวบ้านป่าที่สวยอย่างธรรมชาติเหมือนก่อน เพราะตอนนี้เธอได้ถูกแต่งหน้าแต่งหน้าให้สวยเฉี่ยวดูดีและทันสมัยขึ้น แต่เธอก็ยังคือเธอ คือบางแสนแสนเสน่ห์ ที่ไม่ว่าวันไหนๆ ก็ยังมีผู้คนมากมายหลั่งไหลไปเยี่ยมชมและพักผ่อนกัน
จริงๆ แล้วที่เปรียบเทียบบางแสนเป็นผู้หญิงอาจจะไม่ถูกต้องนัก ต้องเปรียบบางแสนเป็นผู้ชาย เพราะมีตำนานเล่าว่ามีหญิงสาวสวยชื่อ “สามมุก” ได้ผูกสมัครรักใคร่กับหนุ่มชื่อ “แสน” ลูกชายกำนันบ่ายเศรษฐีแห่งบ้านอ่างหิน (อ่างศิลา) ทั้งคู่มักจะแอบไปเล่นว่าวเชื่อมสัมพันธ์รักกันบ่อยๆ (เอ่อ ว่าวที่เป็นว่าวจริงๆ อย่าคิดเป็นอื่นไป) แต่เพราะฝ่ายชายมีฐานะร่ำรวยกว่า พ่อแม่ของแสนก็เลยบังคับให้แสนแต่งงานกับผู้หญิงที่พ่อแม่จัดหาให้
สามมุกเสียใจมาก ได้วิ่งไปกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย
ฝ่ายแสนก็กระโดดน้ำตายตามอีกคน
จากเหตุการณ์นี้ ภูเขาที่เป็นอนุสรณ์แห่งความรักของแสนและสามมุก จึงชื่อว่า “เขาสามมุข” ส่วนชายหาดในบริเวณใกล้เคียงก็ได้ชื่อว่า “บางแสน”
ตำนานของสามมุกและแสนในอดีตอาจจะเกี่ยวกับความรัก แต่เรื่องราวของสามมุกและแสนในวันนี้ คือสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดชลบุรี
“ผู้จัดการท่องเที่ยว” ขอบอกว่าตอนนี้ถนนหนทางของบางแสนทั้งสวยงามและกว้างขวาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนทั้ง บังกะโล ห้องอาบน้ำจืด ที่จอดรถก็มีมาก ส่วนความเป็นระเบียบเรียบร้อยอื่นๆ ก็ดีขึ้น พ่อค้าแม่ขายก็ไม่มีการตื๊อขายของให้รำคาญใจเหมือนเก่า ถ้าชอบสบายก็เช่าเตียงผ้าใบนั่งกินสารพันเมนูอาหารที่จะมีพ่อค้าแม่ค้ามาเสิร์ฟถึงที่ในราคาที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งส้มตำปูม้า ทอดปูกุ้งกรอบ ทอดมัน กุ้งเผา หมึกย่าง แต่ที่กลิ่นหอมเตะจมูกที่สุด เห็นจะเป็นไก่ย่างสีเหลือง ๆ ที่แม่ค้าบอกว่าหมักขมิ้นกับพริกไทย ของกินทุกอย่างก็ถือว่าเป็นราคาพองามไม่แพงจนเกินไป
นี่จึงอาจจะเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของบางแสนที่คนทุกระดับสามารถจะมาเที่ยวได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายให้ละเหี่ยหัวใจ...
มองไปที่ชายหาด เห็นเด็กตัวเล็กๆ กำลังเล่นทรายอย่างเพลิดเพลิน ส่วนที่ทะเลก็เห็นเด็กๆ เขาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ไกลออกไปหน่อยก็เป็นกลุ่มหนุ่มสาวกำลังเฮฮาร่าเริงกับบานาน่าโบท “ผู้จัดการท่องเที่ยว” มองหาเตียงผ้าใบหลากสีที่วางเรียงรายเต็มหาดแต่ก็ไม่มีตัวไหนว่างเลย แต่ไม่เป็นไร ลมเย็นๆ ในวันฟ้าใสๆ อย่างนี้เช่าจักรยานปั่นออกไปเที่ยวให้ทั่วบางแสนท่าจะดีกว่า ว่าแล้วก็จัดการเลือกจักรยานคู่ใจมุ่งหน้าไปทางแหลมแท่นที่อยู่ใกล้ๆ กับชายหาดบางแสนทันที
-3-
“มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา ยินเพียงแผ่วเบา ยินเพียงเสียงคลื่น กับเสียงเรา…”
เพลงฟากฟ้าทะเลฝันของป้าเบิร์ด (ขอถือวิสาสะนับญาติหน่อยนะป้าเบิร์ด) นี่ก็เป็นอีกเพลงที่ชอบมาก เมื่อมาร้องเบาๆ ก็ยิ่งเข้ากับบรรยากาศของแหลมแท่นตอนนี้ เพราะที่นี่เป็นแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล ได้ยินเสียงคลื่นทะเลชัดๆ ซัดมาเป็นระยะ
และไม่ว่ากี่ปีๆ ผ่านไปในช่วงเย็นๆ ก็ยังเห็นผู้คนมากมายมารวมตัวกันชมพระอาทิตย์ตกทะเลที่แหลมแท่นแห่งนี้
ยืนยันได้จากโฆษณาสุรายี่ห้อหนึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่เป็นภาพของชายหนุ่ม (เหลือน้อย) ผู้อยู่ในอารมณ์สุนทรีย์มีเครื่องดื่มยี่ห้อดังวางอยู่ใกล้ๆ วาดภาพของคู่รักที่ตระกองกอดมองพระอาทิตย์ยามเย็น แต่ปรากฏว่าภาพในเฟรมผ้าใบ แทนที่จะเป็นชายหนุ่มคู่รักของหญิงสาวนางนั้น กลับกลายเป็นตัวเขาเองที่กำลังตระกองกอดหญิงสาวอย่างมีความสุข ซึ่งสถานที่ตัวละครในโฆษณานั้นก็คือแหลมแท่นแห่งนี้เอง
จึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะเห็นทุกๆเย็น ที่แหลมแท่นจะเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มารอชมพระอาทิตย์ตกทะเล และที่ศาลาสวยๆ ปลายแหลมแท่นนี้ก็เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นออกไปได้กว้างไกลทั้งหาดบางแสนและเขาสามมุข
เขาสามมุข ที่ว่า ก็คือที่เดียวกันกับที่เป็นตำนานเรื่องราวของสาวมุก เมื่อขึ้นมาบนนี้แล้วก็จะมีจุดชมวิวที่มองเห็นแนวชายหาดบางแสน แหลมแท่น ไปจนถึงศรีราชา พัทยา หรือเลยไปถึงเกาะล้านเลยทีเดียว เขาแห่งนี้มีศาลเจ้าแม่เขาสามมุข เป็นศาลไทยและศาลจีนเป็นที่เคารพสักการะของชาวประมงในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวผู้ผ่านไปมา
ที่บริเวณศาลนี้จะมีลิงอยู่มากมาย ซึ่งก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าเอาพวกกล้วย ถั่ว แตงกวา ให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อเป็นอาหารให้เจ้าลิงทั้งหลาย แต่เพราะเจ้าลิงพวกนี้ชอบกินทิ้งกินขว้าง บริเวณนี้ก็เลยออกจะสกปรกสักหน่อย (ถ้าใครบอกให้มันช่วยเอาเศษผลไม้ไปทิ้งขยะได้ ก็คงจะดีไม่น้อย) แต่ที่สำคัญใครที่ไปก็ต้องระมัดระวังกันให้ดีหน่อย เจ้าลิงบางตัวอาจจะทั้งดื้อทั้งดุ อยู่ดีๆ โผล่มาคว้าของที่เราถืออยู่หายเข้าไปในป่าเลยก็ได้
นอกจากนี้แล้วที่เขาสามมุขยังมีร้านอาหารทะเลที่อร่อยๆ อยู่หลายร้าน ซึ่งรับรองทุกร้านนั้นรับประกันความสดใหม่ เพราะอยู่ไม่ไกลจากสะพานปลาเท่าไหร่นัก
พอพูดถึงสะพานปลาก็ให้นึกถึงว่า จริงๆ แล้วอาชีพของชาวบางแสนส่วนหนึ่งก็คือการทำประมง ที่ดำเนินชีวิตด้วยการออกทะเลหาปลาด้วยเรือเล็กๆ เครื่องมือง่ายๆ ก็เลยมีชุมชนชาวประมงอยู่หลายแห่ง เช่นที่ แหลมแท่น อ่างศิลา แต่ที่เป็นชุมชนใหญ่ตอนนี้ก็คืออยู่ที่ “หาดวอนนภา” ซึ่งชาวชุมชนบางส่วนยังมีอาชีพที่เป็นผลผลิตที่เกิดจากการประมง อย่างทำน้ำปลา ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแห้งต่างๆ ก่อนจะกลับบ้านไปก็น่าจะลองแวะไปซื้อเป็นของฝาก รับรองว่าไม่แพง เพราะเป็นราคาที่ส่งขายราคาเดียวกับพ่อค้าแม่ค้าในตลาด
-4-
“อยากเก็บคลื่นขาวๆ เอามาฝาก อยากเก็บหาดทรายสวย สวยสะอาด น้ำทะเลใสๆ สดใส แต่เก็บไม่ได้ อยากหยิบทะเลใสใส่ในขวด แต่คงไม่สวยไม่ใส ไม่ใช่ทะเล ...”
เพลงของฝากจากทะเล ที่พี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง (ญาติแต่ในนามอีกคนของผู้จัดการท่องเที่ยว) ร้องไว้เมื่อหลายปีก่อน แต่ยังเพราะเสนาะหู ฟังเมื่อไหร่ก็ไม่มีเบื่อ และเพลงนี้ยังโดนใจ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” เข้าอย่างจัง เพราะทุกครั้งที่ไปเที่ยวบางแสน ก็มักจะแวะเข้าไปเที่ยวที่สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งที่แห่งนี้เป็นที่ศึกษาและรวบรวมเรื่องราวของสัตว์ทะเลไว้อย่างครบครัน
เป็นการยืนยันและค้านพี่จุ้ยอยู่หน่อยๆ ว่าถึงเราจะเก็บเอาคลื่น เอาหาดทราย หรือเอาน้ำทะเลมาเก็บไว้ไม่ได้ แต่ที่สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล สามารถจะเก็บของจริงๆทุกอย่างที่ว่า รวมถึงบรรดาสัตว์น้ำเค็มทั้งหลายให้มาในตู้กระจกใบใหญ่ๆ แสดงถึงชีวิตใต้ท้องทะเลที่ทั้งสวยงามตระการตาและดูแปลกมหัศจรรย์ในคราวเดียวกัน ทำให้ได้เรียนรู้ชีวิตสัตว์น้ำเค็มที่บางอย่างบางชนิดก็ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว ที่แห่งนี้จึงเหมาะกับทุกคนที่อยากจะศึกษาเรียนรู้เรื่องราวใต้ท้องทะเล
เพราะถึงจะไปเที่ยวทะเลมานักต่อนัก แต่ไม่เคยรู้เรื่องของทะเลเลย ก็เหมือนกับว่าเรายังไม่เข้าใจทะเลอย่างแท้จริง
-5-
“โน่นทะเลแสนงาม ฟ้าสีครามสดใส มองเห็นเรือใบ แล่นอยู่ในทะเล”
“ผู้จัดการท่องเที่ยว” ขอตบท้ายด้วยเพลง “ทะเลแสนงาม” เพลงทอปฮิตที่เกี่ยวกับทะเลซึ่งใครๆก็ต้องร้องได้ เพราะสมัยเป็นเด็กอนุบาลคุณครูก็จะสอนให้ร้องเพลงนี้ มีท่าประกอบสวยงามน่ารักสมวัย พอโตขึ้นเรียนมหาวิทยาลัย มีกิจกรรมที่ทะเลอยู่บ่อยๆ ก็ยังต้องร้องเพลงนี้อยู่ แต่รู้สึกว่าท่าประกอบจะเปลี่ยนไป กลายเป็นท่าพิลึกกึกกือที่เข้าขั้นไม่น่าเลียนแบบ แถมอาจจะมีการเพี้ยนเนื้อร้องที่ฟังแล้วอาจจะแปลกๆไปบ้าง
จนมาถึงตอนนี้ที่อายุอานามอาจจะเลยผ่านการใส่เครื่องแบบผู้ใฝ่หาความรู้ แต่เพลงนี้ก็ยังร้องได้ติดปาก ก็เหมือนกับ “ทะเลบางแสน” ที่กี่ปีๆผ่านไป ทะเลแห่งนี้ก็จะยังเป็นทะเลที่มีมนต์เสน่ห์ไม่เคยลืมเลือนไปจากใจ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
วันที่ 27-28 สิงหาคม 2547 จะมีงาน “มนต์เสน่ห์แหลมแท่น แสนมหัศจรรย์ อาหารทะเล” ซึ่งเป็นงานเทศกาลอาหารทะเลครั้งยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีกิจกรรมการแสดง และสีสันต่างๆ ที่น่าสนใจ ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ 0-1733-5353, 0-7973-0455
บางแสนยังมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น ตำหนักมหาราชกับตำหนักราชินี พระตำหนักรัชกาลที่ 5 ติดริมทะเล ใกล้ตลาดอ่างศิลา สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดให้ชมทุกวัน (เว้นวันจันทร์) โทรศัพท์ 0-3839-1671-3,0-3839-0979 และแวะซื้อของฝากมากมายที่ตลาดหนองมน
นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางไปเที่ยวชมสถานที่น่าสนใจในเขตอำเภอศรีราชา เช่น สวนเสือศรีราชา ชมสัตว์และการแสดงต่างๆที่น่าสนใจ เช่นการต่อสู้และจับจระเข้โดยไกรทองสาว การแสดงความสามารถของสัตว์แสนรู้ โทรศัพท์ 0-3829-6556-8,0-3833-9111 สวนผีเสื้อสายทิพย์ สวนผีเสื้อใหญ่ที่สุดในเอเชีย รวบรวมพันธุ์ผีเสื้อมากมายให้ได้ชม โทรศัพท์ 0-3826-3016-8,0-3829-8329-30 ชลบุรี ฟลายอิ้ง คลับ ศูนย์ฝึก-ทดลองบินเพื่อการกีฬา สัมผัสและตื่นเต้นกับอากาศยานเบาพิเศษ (Ultralight) ชมทิวทัศน์เหนือน่านฟ้าอ่างเก็บน้ำบางพระ โทรศัพท์ 0-3827-3250-7
สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท. ภาคกลาง เขต 3 โทร. 0- 3842- 7667, 0- 3842- 8750
การเดินทาง
จากกรุงเทพ ฯ สามารถเดินทางไปจังหวัดชลบุรีได้หลายเส้นทาง คือ
1. ใช้เส้นทางสายบางนา-ตราด ทางหลวงหมายเลข 34 เข้าสู่จังหวัดชลบุรี
2. ใช้เส้นทางสายกรุงเทพฯ-มีนบุรี ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา-บางปะกง เข้าสู่จังหวัดชลบุรี
3. ใช้เส้นทางสายเก่า ถนนสุขุมวิท ทางหลวงหมายเลข 3 ผ่านจังหวัดสมุทรปราการ ไปจนถึงแยกอำเภอบางปะกง และให้แยกเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 34 ไปจนถึงจังหวัดชลบุรี
4. ใช้เส้นทางหลวงพิเศษ (MOTOR WAY) สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา