xs
xsm
sm
md
lg

“น้ำเข็ก” สายน้ำแดง-เชี่ยว-แรง...แต่ล่องแก่งมันสะใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


...เสียววุ้ย !!!...

เป็นอาการแรกเริ่มที่ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” มาถึงยังจุดเริ่มต้นล่องแก่งลำน้ำเข็ก อ.วังทอง จ.พิษณุโลก

ที่เสียวนี่ไม่ได้เกิดจากอาการตื่นแก่ง หรืออาการตื่นสาวๆที่มาร่วมล่องแก่งด้วยกัน แต่ที่เสียววุ้ย!!!นี่ก็เพราะว่าสายน้ำเข็กช่วงหน้าฝนอย่างนี้ สีของมันออกแดงและขุ่นระยับ!!!

ซึ่งจากที่เคยเห็นและเคยฟังมาจากกูรูป่ากูรูไพร อันว่าสายน้ำใดในช่วงหน้าฝนเมื่อมันเป็นสีแดงขุ่นแล้วละก้อ เขาว่าให้เตรียมโกยแน่บได้ เพราะอีกสักครู่น้ำป่าก็จะทะลักถาโถมมา

โอ้...แล้วเราและเพื่อนๆจะลงล่องแก่งได้หรือนี่ อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางมาไกล กลับมาเจอน้ำป่าเสียฉิบ!!!

แต่ยังไม่ทันที่จะยิงคำถามใส่สตาฟฟ์ที่จะพาเราตะลุยแก่งลำน้ำเข็กในครั้งนี้ ก็เหมือนว่ามีสตาฟฟ์นายหนึ่งดูเหมือนจะรู้ใจพวกเรารีบชิงพูดออกมาก่อนว่า

“ถ้าเห็นสายน้ำที่อื่นมีสีแดงขุ่นอย่างนี้ก็ให้ระวังน้ำป่าไว้ให้ดี แต่สายน้ำเข็กกลับไม่เหมือนที่อื่นพอถึงช่วงหน้าฝนทุกๆปี สายน้ำเข็กจะมีสีแดงขุ่นอย่างที่เห็น”

แต่ถึงแม้ว่าน้ำเข็กจะทั้งขุ่นทั้งแดงในทุกๆฤดูฝน แต่น้ำเข็กก็นับเป็นหนึ่งในสายน้ำยอดฮิตที่คนนิยมไปล่องแก่งกันจำนวนมากในระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่ง “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่สงสัยมาหลายปีดีดักว่า สายน้ำเข็กที่ดูแดงขุ่นนั้นมีเสน่ห์ตรงไหน

คราวนี้เห็นทีจะได้รู้กัน !?!

และก็เป็นดังธรรมเนียมของการล่องแก่งแทบทุกๆสายน้ำ ที่ทางสตาฟฟ์จะต้องทำการแนะนำวิธีการ วิธีการนั่งเรือ การพายเรือ การตกเรือ ให้ผู้ที่จะร่วมตะลุยแก่งฝ่าสายน้ำรับรู้

แล้วนาทีแห่งความระทึกใจก็เริ่มขึ้นเมื่อเรือยางขนาด 10 คนนั่ง(รวมคนพายหัว-ท้าย) ค่อยเคลื่อนลำออกจากจุดเริ่มต้น

“เสน่ห์ของสายน้ำเข็กก็คือ ความแรงของแก่งน้ำ จะมีไต่ระดับไปตั้งแต่ 1 จนถึง 5 โดยช่วงครึ่งแรกความแรงของสายน้ำจะอยู่ในระดับ 1-4 และช่วงหลัง จะมีแก่งระดับ 5 แทรกอยู่ 3 จุด เรียกว่าเวลาล่องแก่งมันจะมีหลายอารมณ์ ทั้งช่วงฝ่าสายน้ำ ช่วงพัก ช่วงเร้าใจไปตลอดทาง”

“มี่” สตาฟฟ์ที่ทำหน้าที่พายหัวเรือบอกกับเรา และก็จริงดังว่า เพราะ“แก่งท่าข้าม” ที่เป็นแก่งแรก สายน้ำอยู่ในระดับ 1-2 เรือยางแล่นผ่านไปแบบไม่ลำบากยากเย็น ก่อนที่จะไปลุ้นระทึกกับ “แก่งไทร” ที่อยู่ในระดับ 3-4 ซึ่งเป็นสายน้ำ 2 สาย คนหัวเรือต้องดูไลน์ของน้ำให้ดีในการพาเรือฝ่าไป

จากนั้นเรือยางก็ล่องฝ่าแก่งต่างๆในช่วงแรกไป ซึ่งก็มีทั้งแก่งที่พายแบบเบสิกๆในระดับ 1-2 อย่าง แก่งปากยาง แก่งหินลาด ส่วนที่ต้องออกแรงพายเรียกเหงื่อกันพอหอมปากหอมคอ ก็มี แก่งมรดกป่า(ระดับ2- 3) แก่งสวนรัชมังคลา(ระดับ 3-4 )

“สำหรับระดับน้ำที่ถือว่าล่องแก่งสนุกและเร้าใจของสายน้ำเข็ก จะอยู่ที่ 500-700 ถ้าต่ำกว่าก็ล่องไม่มัน แต่ถ้าเกิน 1,000 พวกเราก็จะไม่ล่องแก่งกันเพราะมันค่อนข้างอันตราย”

“ระดับน้ำพวกนี้ถือเป็นมาตรฐานของน้ำเข็กที่ทีมงานล่องแก่งน้ำเข็กกำหนดขึ้นมา ความสูงของน้ำ 500 ก็คือ น้ำขึ้นสูงจากระดับที่ตั้งไว้ 5 เซนติเมตร ถ้า 1 พัน ก็คือน้ำขึ้นสูง 10 เซนติเมตร”

มี่อธิบายให้เราฟังในขณะที่เส้นทางล่องแก่งมาถึงยังช่วงที่สอง ก่อนที่จะเล่าเพิ่มว่า ช่วงต่อไปนี้นับเป็นช่วงแห่งความเร้าใจ เพราะมีแก่งในระดับ 5 ให้ล่องถึง 3 แก่ง และแต่ละแก่งต่างก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างกันออกไป

“ผู้จัดการท่องเที่ยว” เมื่อได้ฟังก็นั่งในท่ากระชับและจับพายเตรียมพร้อม เพราะว่านานๆทีจะได้เจอแก่งในระดับ 5 ที่นับว่าน่าเร้าใจไม่น้อย

แล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อมี่ให้สัญญาณพร้อมพาย หลังจากที่มองเห็นสายน้ำของ “แก่งซาง” ไหลเชี่ยวกรากอยู่เบื้องหน้า โดยแก่งซางจัดเป็นแก่งที่กว้างใหญ่ มีการลดระดับของสายน้ำหลายช่วง แต่ละช่วงก็ยาวร่วมๆ 10 เมตร

มี่บอกว่า ทีเด็ดของแก่งนี้ก็คือเป็นแก่งในระดับ 5 ที่กว้างใหญ่ และมีน้ำไหลเชี่ยวกรากตลอด ซึ่งกว่าที่พวกเราจะพาเรือยางผ่านไปได้ก็ถือว่าทุลักทุเลพอตัว แต่ว่าก็มันสะใจไม่ใช่น้อย

“แก่งข้างหน้าชื่อแก่งนางคอย เป็นอีกแก่งไฮไลท์ที่สูงที่สุดของการล่องน้ำเข็ก คนเฒ่าคนแก่เคยเล่าว่าแก่งนี้แต่ก่อนมีผู้หญิงท้องมานั่งรอสามี แต่ว่าเธอโชคร้ายโดนน้ำป่าพัดเสียชีวิต พวกชาวบ้านเลยพร้อมใจกันตั้งชื่อแก่งนี้ว่าแก่งนางคอย”

มี่พูดขึ้นมาพร้อมยืนขึ้นมองไลน์น้ำ หลังจากที่เรือยางผ่านแก่งโสภารามและแก่งดงสัก ซึ่งเป็นแก่งในระดับ 2-3

“ทุกคนจับเชือกและเอาตัวเข้ามาในเรือ”

มี่ออกคำสั่งก่อนจะถึงแก่งนางคอย แต่ก็ยังถือว่าช้าไป เพราะตัวเราจับเชือกวางพาย พร้อมๆกับไปนั่งหย่อนก้นในเรือเรียบร้อยโรงเรียนเข็กแล้ว

สำหรับแก่งนางคอยนี้ เราอยากจะเรียกเสียใหม่ว่าแก่ง “นางกรี๊ด” เสียมากกว่า เพราะแก่งนี้ถือเป็นแก่งที่มีระดับความสูงถึง 2 เมตร มีสายน้ำไหลเชี่ยวมากๆ แถมมีก้อนหินขนาบอยู่ทั้งขวาและซ้าย พอเรือแล่นฝ่าแก่ง สาวๆจำนวนปานกลางถึงค่อนข้างมาก ต่างก็พากันกรีดร้องอย่างตะเบ็งเซ็งแซ่ ไม่ต่างไปจากการได้ชมคอนเสิร์ต F4 เท่าใดนัก

และจากลักษณะของแก่งนางคอย เทียบได้กับน้ำตกเล็กๆ เมื่อเรือแล่นฝ่าแก่งไป แน่นอนว่าเรือจะต้องฝ่าเข้าไปในคลื่นน้ำเต็มๆ ถ้าหัวเรือและท้ายเรือบังคับทิศทางไม่ดีเรืออาจพลิกคว่ำเอาได้ง่ายๆ

แต่ก็เหมือนโชคเข้าข้าง ที่พวกเราฝ่าแก่งนี้มาได้แบบใจหายใจคว่ำ ส่วนเนื้อตัวนั้นก็เปียกปอนกันทั่วหน้า

กระนั้นนาทีแห่งความระทึกใจยังไม่จบสิ้น เพราะเมื่อเรือฝ่าแก่งนางคอยมาแบบยังหายใจไม่ทั่วท้อง พวกเราก็มาเจออีกหนึ่งแก่งระดับห้า และอีกหนึ่งแก่งไฮไลท์ นั่นก็คือ “แก่งยาว”

โอ้...แม่เจ้าโว้ย!!! แก่งนี้ไม่ใช่แค่ยาวร่วม 100 เมตรเท่านั้น แต่ว่าแก่งยาวยังมีโขดหินแถมในสายน้ำอีกหลายโขด ซึ่งเรือของเราที่ทำดีฝ่าแก่งมาตลอด ครั้นพอมาถึงมาตายกลับเสียฟอร์มตอนท้ายเพราะเรือดันไปติดโขดหินเสียฉิบ

วิธีการเอาเรือรอดผ่านแก่งมาก็ต้องช่วยกันโขยก ขย่ม และพาตัวไปด้านตรงข้ามกับวานน้ำที่ทะลักเข้ามาในเรือ เรียกว่าพวกเราทั้ง 10 คน พยายามเกือบทุกวิถีทาง กินเวลาไปร่วม 5 นาที ก่อนที่จะพาเรือฝ่าออกจากแก่งนี้มาได้

เฮ้อ...ขอถอนหายใจหน่อย

พอหมดจากแก่งยาวแก่งที่เหลืออย่างแก่งดงสัก และแก่งวังน้ำเย็นที่อยู่ในระดับ 1-2 ก็ถือว่าจิ๊บๆ

แล้วเรือยางก็พาเรามาส่งขึ้นยังท่าวังน้ำเย็น ซึ่งเมื่อพอขึ้นฝั่งมาอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ช่วงก่อนล่องแก่งที่เห็นสายน้ำเข็กเป็นสีแดงขุ่น มันช่างต่างจากอารมณ์หลังตะลุยฝ่าแก่งมาขึ้นฝั่งโดยสิ้นเชิง

เพราะก่อนล่องแก่ง เราเกิดอาการ...เสียววุ้ย!!!...

ครั้นพอล่องแก่ง ช่วงตะลุยแก่งระดับ 4-5 เราก็เกิดอาการ...มันเว้ย!!!...

และพอล่องแก่งเสร็จเดินขึ้นฝั่ง เราก็เกิดอาการ...ติดใจว่ะ!?!...ยังไงถ้ามีโอกาสตูจะกลับไปลุยแก่งน้ำเข็กอีก...ชัวร์ป๊าบ!?!
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

น้ำเข็ก เป็นลำน้ำที่กำเนิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ในเขต อ.เขาค้อ แล้วไหลผ่านอุทยานฯ ทุ่งแสลงหลวง เป็นน้ำตกศรีดิษฐ์ น้ำตกแก่งโสภา น้ำตกปอย น้ำตกแก่งซอง น้ำตกวังนกแอ่น และเมื่อไหลผ่าน อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นแม่น้ำวังทอง ซึ่งในช่วงแม่น้ำวังทองถือเป็นเส้นทางล่องแก่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ เนื่องจากความแรงของสายน้ำที่มีตั้งแต่ระดับ 1-5 และทิวทัศน์ 2 ข้างทาง ใช้ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร และใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงแล้วแต่กระแสน้ำ

โดยจุดที่นิยมล่องแก่งจะเริ่มที่ทรัพย์ไพรวัลย์ แกรนด์โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท และไปสิ้นสุดที่รีสอร์ทวังน้ำเย็น ก่อนถึงน้ำตกแก่งซองเล็กน้อย

สำหรับช่วงเวลาล่องแก่งที่เหมาะสมจะอยู่ตั้งแต่ เดือนกรกฎาคม – ตุลาคม ซึ่งก็ต้องดูปริมาณของสายน้ำเข็ก ส่วนราคาอยู่ประมาณ วันธรรมดา 650 บาท/คน วันหยุด 750 บาท/คน(เฉพาะล่องแก่งอย่างเดียว) และการล่องแก่งนักท่องเที่ยวต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ ททท.ภาคเหนือเขต 3 โทร. 0-5525-2742-3 หรือที่ 0-2917-3098, 0-2433-2760,0-1680-3939,0-9858-3525

กำลังโหลดความคิดเห็น