xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวเพชรบูรณ์ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ชมสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เมืองมะขามหวาน อุทยานน้ำหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาค้ออนุสรณ์ นครพ่อขุนผาเมือง” คือคำขวัญประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดหนึ่งที่อยู่ในเขตภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งภายใต้คำขวัญสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยสีสันของสถานที่ท่องเที่ยว จนพูดได้ว่า ทุกพื้นที่นั้นล้วนแต่เป็นที่น่าสนใจให้ศึกษาและท่องเที่ยว โดยเฉพาะกับคนที่ชอบภูเขา ป่าไม้ และแถมท้ายสำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์คงไม่พลาดจังหวัดนี้แน่

เพชรบูรณ์ เป็นเมืองโบราณ สันนิษฐานว่าเมืองเพชรบูรณ์นี้น่าจะสร้างมาสองยุค ยุคแรกสมัยสุโขทัยหรือพิษณุโลกเป็นเมืองหลวง และยุคสองสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งทั้งสองยุคนี้ก็สร้างเพื่อให้เป็นเมืองสำหรับป้องกันข้าศึกที่จะยกทัพมาจากฝ่ายเหนือ จากลายพระหัตถ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพมีว่า แต่เดิมจะตั้งชื่อเมืองเป็น เพชรบูร ให้ใกล้เคียงกับเพชรบุรี แปลว่า เมืองแข็ง แต่ชื่ออาจใกล้เคียงกันเกินไป จึงตั้งชื่อเป็น “เพชรบูรณ์” คำว่า เพชรบูรณ์มาจากคำว่า พืช ซึ่งตรงกับเมืองโบราณของอินเดีย คือ "พืชปุระ" หมายถึงเมืองแห่งพืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์

ก่อนอื่นคงต้องเริ่มกันที่ “วัดมหาธาตุ” ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง และไหว้ “พระพุทธธรรมราชา” พระคู่บ้านคู่เมือง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัว แล้วค่อยตะลุยเที่ยว ”นครพ่อขุนผาเมือง” ไม่ต้องแปลกใจถ้าหากว่าชาวเพชรบูรณ์จะให้ความเคารพสักการะและนับถือ “พ่อขุนผาเมือง” เพราะถือว่าเป็นวีรกษัตริย์นอกประวัติศาสตร์ เพราะพระองค์ท่านทรงมีความกล้าหาญ และความเสียสละ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยร่วมกับพ่อขุนบางกลางหาว โดยทั้งสองพระองค์ได้ขับไล่ขอมสบาดโขลญลำพง ขุนนางเขมรที่เข้ามายึดเมืองสุโขทัยได้เป็นผลสำเร็จ

จากนั้นจึงได้สถาปนาพ่อขุนบางกลางหาว หรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เป็นปฐมบรมกษัตริย์ราชวงศ์พระร่วง มีเมืองสุโขทัยเป็นราชธานี ส่วนพ่อขุนผาเมืองนั้นได้อภิเษกกับนางสิงขรมหาเทวี พระราชธิดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์ขอมที่ครองกรุงยโสธรนครธม จึงเป็นเหตุที่พ่อขุนผาเมืองไม่ครองราชย์เอง ทั้งที่เป็นผู้ตีกรุงสุโขทัยได้ นั่นก็เพราะความเสียสละของพระองค์ท่าน ตามที่มีประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเล่าถึงคำพูดของพ่อขุนผาเมืองว่า “กูต้องการให้ต้นตระกูลของไทยเป็นเลือดไทยที่แท้จริง เมียกูเป็นขอม หากครองราชย์บ้านเมืองจะมีปัญหาภายหลัง”

เรื่องประวัติศาสตร์เป็นเรื่องสนุก ยิ่งค้นก็ยิ่งได้เกร็ดความรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน เพราะฉะนั้นเพื่อความต่อเนื่อง ก่อนจะไปเที่ยวชมธรรมชาติ ก็น่าจะแวะไปเที่ยวสถานที่ประวัติศาสตร์กันก่อน นั่นก็คือ “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ” ซึ่งได้รับรางวัล Thailand Tourism Award ประจำปี 2543 ประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมโบราณสถานยอดเยี่ยม และรางวัลสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ด้านอินเตอร์เนตดีเด่น จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

โบราณสถานในเมืองเก่าศรีเทพ ซึ่งมีชื่อเดิมว่า "เมืองอภัยสาลี" สร้างขึ้นในยุคขอมเรืองอำนาจ มีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี มีความเจริญรุ่งเรืองมาแต่อดีต แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เมืองส่วนใน พื้นที่ภายในเป็นที่ราบลอนคลื่น มีสระน้ำ หนองน้ำกระจายอยู่ทั่วไป พบซากโบราณสถานกว่า 70 แห่ง บางแห่งได้รับการขุดแต่งบูรณะแล้ว และ เมืองส่วนนอก มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าต่อกับเมืองส่วนใน พบโบราณสถานกระจายอยู่แบบเดียวกัน สถานที่สำคัญในอุทยานฯ ได้แก่ ศาลเจ้าพ่อศรีเทพ ปรางค์สองพี่น้อง ปรางค์ศรีเทพ โบราณสถานเขาคลังใน ใครที่สนใจเรื่องราวของแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ก็ไม่น่าพลาดที่แห่งนี้

จากนี้ไปก็ขอให้เตรียมเรี่ยวแรงและพละกำลังกันไว้ให้ดี เพราะจะออกตะลุยเดินป่าชมพูเขารับไอหมอกเย็น ๆกันแล้ว เริ่มกันที่ “อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว” แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมในหมู่นักเดินทางที่ชอบการเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ด้วยสภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน อากาศจึงเย็นชุ่มฉ่ำตลอด แต่จะหนาวเย็นที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม อุณหภูมิประมาณ 2-5 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของแม่น้ำหลายสายอย่างแม่น้ำป่าสัก แม่น้ำพอง แม่น้ำเลย จึงมีสัตว์ป่าชุกชุมรวมทั้งนกชนิดต่าง ๆ ตามเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติบนเขาสูงผ่านจุดชมวิวริมหน้าผาที่สวยงาม อาทิ ผากลางโหล่น ผาล้อม ผากอง นอกจากนั้นยังมีถ้ำและน้ำตกที่สวยงามหลายแห่ง

แล้วก็มาถึงสถานที่ที่ได้รับฉายาว่าเป็น สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย นั่นก็คือ “เขาค้อ” นั่นเอง ที่ได้ชื่อว่าเขาค้อ ก็เพราะมีต้นค้อขึ้นอยู่มาก ส่วนที่ได้เป็นสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทยก็เพราะมีภูมิอากาศบนเขาค้อเย็นตลอดปี และมีทัศนียภาพสวยงาม มีทิวเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนมากมาย จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเพชรบูรณ์ มีสถานที่น่าสนใจบนเขาค้อหลายแห่งเช่น เจดีย์พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก หอสมุดนานาชาติเขาค้อ พระตำหนักเขาค้อ ซึ่งตั้งอยู่ ณ จุดสูงสุดของเขาค้อ เมื่อยืนอยู่บริเวณพระตำหนัก จะมองเห็นทัศนียภาพสวยงามมาก

มาถึงตรงนี้ ก็ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามมหาเอเชียบูรพา เพชรบูรณ์เกือบจะได้เป็นเมืองหลวงแล้ว เพราะตอนนั้น กรุงเทพฯ ถูกโจมตีจนผู้คนต้องอพยพออกต่างจังหวัด จอมพล ป. พิบูลสงคราม เลยเห็นว่าน่าจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่เพชรบูรณ์ เพราะด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีภูเขาล้อมรอบ มีทางออกทางเดียว ยากที่ข้าศึกจะเข้ามารุกรานได้ แต่แนวความคิดนี้ ก็ต้องถูกล้มเลิกไป เพราะสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นชอบด้วย และถึงจะไม่ได้เป็นเมืองหลวง แต่เพชรบูรณ์ก็ยังเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองอยู่บ่อยๆ อย่างที่เขาค้อแห่งนี้ก็มีทั้ง อนุสาวรีย์จีนฮ่อ ฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ) อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ

สถานที่สำคัญอีกแห่งก็คือ “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีธรรมชาติแปลกตาและและเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ คือเป็นยุทธภูมิสำคัญในอดีต ที่เกิดจากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) โดยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเขตอุทยานฯ ทางด้านประวัติศาสตร์ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์การสู้รบ โรงเรียนการเมืองการทหาร กังหันน้ำ สำนักอำนาจรัฐ โรงพยาบาลรัฐ ลานอเนกประสงค์ สุสานนักรบทหารปลดแอกแห่งประเทศไทย (ทปท.) ที่หลบภัยทางอากาศ หมู่บ้านมวลชน สถานที่เหล่านี้ล้วนแต่มีที่มาและความสำคัญ เป็นเหมือนที่จดบันทึกเรื่องราวประวัติศาสตร์การเมืองที่สำคัญหน้าหนึ่ง ถ้าอยากศึกษาและเที่ยวชมสถานที่จริงเหล่านี้ก็ไปชมกันได้ นอกจากนี้อุทยานฯ ยังมี สถานที่ท่องเที่ยว ทางด้านธรรมชาติ ได้แก่ ลานหินแตก ลานหินปุ่ม ผาชูธง น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร น้ำตกศรีพัชรินทร์ น้ำตกหมันแดง น้ำตกผาลาด น้ำตกตาดฟ้า ธารพายุ

“อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง” ก็มีที่ให้เดินป่าและเที่ยวชมหลายแห่งทั้ง ทุ่งแสลงหลวง  ทุ่งโนนสน ซึ่งแต่ละทุ่ง ก็จะมีพืชพันธุ์ไม้สวยๆ แปลกตามากมาย ให้ได้เดินป่าศึกษาธรรมชาติ เหมาะกับการพักแรมเป็นอย่างยิ่ง

อีกแห่งที่น่าสนใจในอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงก็คือ “เส้นทางเดินเท้าศึกษาธรรมชาติ ทุ่งนา ผกค.”   ซึ่งทางอุทยานฯ ได้จำลองมาจากแปลงนาเดิมของ ผกค. (ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์) โดยอาศัยน้ำ จากลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลจากที่ราบสูงของภูเขาเป็นลำธารที่ ผกค. ได้สร้างขึ้นในอดีต บริเวณทุ่งนาจะมีดอกกระเจียว หลากสีเบ่งบาน ทั่วท้องทุ่ง จากนั้นสามารถเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติได้ในวงรอบประมาณ 4 กิโลเมตร

ยัง... ยังไม่หมด ที่เที่ยวของเพชรบูรณ์ยังมีอีกมาก เพราะด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน จึงมีจุดสูงๆที่มีทิวทัศน์สวยงามกระจายอยู่หลายแห่ง แต่จุดที่สูงที่สุดนั้น คือ “ภูทับเบิก” ซึ่งมีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามด้วยธรรมชาติแบบทะเลภูเขา มีป่าไม้ ต้นไม้เมืองหนาวและน้ำตก มีอากาศบริสุทธิ์ อากาศเย็นสบายตลอด ในช่วงเช้าๆจะมองเห็นกลุ่มเมฆ และทะเลหมอกตัดกับยอดเทือกเขาเพชรบูรณ์ นอกจากนี้ภูทับเบิกยังเป็นสถานที่ที่สำคัญของจังหวัดเพชรบูรณ์ คือเป็นจุดรองรับน้ำฟ้ากลางหาว (เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2542) เพื่อนำไปรวมเป็นน้ำเพชรน้อมเกล้าถวายเป็นน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542

ปัจจุบันภูทับเบิกเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชนกลุ่มน้อยเป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ จึงทำให้ภูทับเบิกมีสีสันด้วยวิถีชาวไทยภูเขา ซึ่งประกอบด้วยอาชีพทำการเกษตรแบบขั้นบันไดตามเชิงเขา เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่นิยมสัมผัสแก่นแท้วิถีชีวิต วัฒนธรรมชุมชน และแหล่งธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ภายใต้คำกล่าวที่ว่า “นอนทับเบิก สัมผัสความหนาว ดูดาวบนดิน”

ก่อนจะกลับ เพชรบูรณ์ก็ยังมีของฝากที่ขึ้นชื่อหลายอย่างทั้งไก่ย่างวิเชียรบุรี ขนมจีนหล่มเก่าและผลไม้ยอดนิยมของจังหวัดนั่นก็คือ มะขามหวานเมืองเพชรและลูกเสาวรส เรียกว่าเที่ยวสนุก ได้ความรู้ แล้วยังอิ่มอร่อย เพลิดเพลินตลอดการเดินทางเลยทีเดียว

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวและเส้นทางการเดินทางได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคเหนือ เขต 3 โทร. 0 -5525- 2743

กำลังโหลดความคิดเห็น