ณ วันนี้ พ.ศ. นี้ การเดินห้างนับเป็นหนึ่งในกิจกรรมสุดโปรดของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะสาวๆ ที่คลั่งไคล้การช๊อปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะมีเวลาว่างมากหรือน้อย เป็นต้องขอไปเดินรับแอร์เย็นๆ ดูของนานาสารพัน เรียกว่าแค่ได้ดูก็มีความสุขแล้ว (แต่จะมีอาการกระเป๋าแฟบตามมาด้วยหรือไม่นั่นก็ขึ้นอยู่กับการยับยั้งชั่งใจของแต่ละคน) จึงไม่แปลก ที่จะเห็นว่าแต่ละวันนั้นมีผู้คนมากมายหลั่งไหลไปรวมตัวกันที่ห้างต่างๆ อย่างเนืองแน่น
แต่มีอยู่ห้างหนึ่ง ซึ่งถ้าจะวัดกันที่ความคึกคักของผู้คน ห้างนี้คงจะไม่ติดอันดับท๊อปเท็น เพราะน้อยคนนักจะรู้จัก แต่ถ้าถามถึงประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ผ่านร้อนผ่านหนาว และเรื่องราวน่าที่สนใจมากมาย รับรองว่าห้างแห่งนี้ต้องกินขาด ที่ห้างไหนๆ คงจะสู้ด้วยยาก ห้างที่ว่านี้ก็คือ ห้าง “ไนติงเกล-โอลิมปิค”
ชื่อไนติงเกล-โอลิมปิค เริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อปี 2473 โดยมี นัติ นิยมวานิช เป็นผู้ก่อตั้ง จากแค่เป็นร้านขายของเล็ก ๆ ก็ขยับขยายจนเป็นห้างใหญ่ อยู่ริมถนนตรีเพชร ใกล้ ๆ กับศาลาเฉลิมกรุง โดยได้เปิดตัวเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2509 มีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้คนอยู่เสมอ เรียกว่าถ้าสมัยนี้มีห้างดังย่านสุขุมวิทหรือย่านชิดลม เป็นที่เดินช้อปปิ้งของเหล่าไฮไซไฮซ้อทั้งหลาย ย้อนไปในยุคซึ่งคุณปู่ยังหนุ่มคุณย่ายังสาวก็ต้องยกให้ห้างไนติงเกล-โอลิมปิค เป็นขวัญใจอันดับหนึ่ง
หลังจากได้ปักหลักมั่นคง ตึกใหญ่ 7 ชั้นแห่งนี้ ก็ยิ่งคึกคักเป็นลำดับเพราะความที่นัติ จัดเป็นนักประชาสัมพันธ์ตัวยง มีการนำเสนอสินค้าทางโทรทัศน์ เรียกได้ว่า เป็นสินค้าที่มีโฆษณาเป็นเจ้าแรกๆ และยังมีกิจกรรมประชาสัมพันธ์อื่นด้วย เช่น มีจัดประกวดดนตรีอย่างต่อเนื่อง เรียกความสนใจและดึงดูดให้ผู้คนอยากจะมาซื้อของที่ห้างแห่งนี้ โดยเฉพาะที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นของ 3 สิ่ง ตามที่นัติได้คิดสโลแกนเก๋ ๆ เท่ๆ บอกไว้ก็คือ “คลังแห่งเครื่องกีฬา ราชาเครื่องดนตรี ราชินีเครื่องสำอาง”
เวลา 74 ปีที่ผ่านมา สำหรับที่อื่นอย่างอื่นอาจจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตามยุคตามสมัย แต่สำหรับห้างไนติงเกล-โอลิมปิค ดูเหมือนจะมีความเปลี่ยนแปลงที่น้อยมาก นี่เองที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์เฉพาะที่ห้างไหนๆ ก็เลียนแบบไม่ได้
ความงามสามขั้นที่เป็นอมตะ ของร้านไนติงเกล-โอลิมปิค
เมื่อเข้าไปในห้าง ก็จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายและบรรยากาศเก่า ๆ เพราะสินค้าต่างๆ ที่เรียงรายอยู่ทั่วบริเวณชั้น 1 นั้นล้วนเป็นของยี่ห้อที่เคยโด่งดังเมื่อสัก 40-50 ปีก่อน ทั้งน้ำหอม เสื้อผ้า ชุดกีฬา อุปกรณ์กีฬา และของเบ็ดเตล็ดทั่วไป อยากรู้ว่ามียี่ห้ออะไรบ้างก็ต้องลองไปดูกัน นอกจากนี้ยังมีแสตมป์ต่างประเทศจากทั่วโลกจำหน่ายอีกด้วย
หรือถ้าอยากเห็นชุดชั้นในรุ่นคุณป้าก็ต้องไปที่มุมชุดชั้นใน ซึ่งถือได้ว่าห้างนี้เป็นผู้ริเริ่มนำเข้าเสื้อยกทรงคุณภาพหลายยี่ห้อ เห็นรูปทรงแล้วอาจจะดูว่าใหญ่เทอะทะ แต่นี่แหละคุณป้าๆ ต่างคอนเฟิร์มว่าใช้การได้ดีนัก เพราะช่วยกระชับรูปทรงเก็บพุงได้มิดชิด ที่สำคัญคือใส่สบายไม่อึดอัด เวลามีงานพิธีการที่ต้องใส่ชุดไทยหรือชุดพิธีการจึงมีคุณหญิงคุณนายมาเลือกซื้อหากันอยู่ประจำ
ส่วนมุมที่ได้รับความนิยมไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ก็ยังหนีไม่พ้นมุมเครื่องสำอาง เพราะด้วยเครื่องสำอางเมิลนอรแมนจากสหรัฐฯ เจ้าของสโลแกน “บันได 3 ขั้น สู่ความงามที่เป็นอมตะ” ที่ทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ติดใจเป็นนักหนา เพราะสามารถเนรมิตความงามให้กับคนที่อาจจะสวยน้อยหน่อยให้กลายเป็นสวยเด่นเช้งวับขึ้นทันที อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรต้องลองพิสูจน์ เพราะ “สุภาพชนไม่ว่าเพศไหนวัยไหนก็ใช้ ชุดบันได 3 ขั้น ของเมิลนอรแมน บำรุงรักษาผิวหน้า วิธีใช้ง่ายเหมือนนับ 1-2-3”
ระหว่างเดินสำรวจดูสินค้าอยู่นั้นก็สังเกตเห็นใบปลิวโฆษณาของร้านเมื่อปี 2528 ที่ว่า “ขณะนี้ ชุดบันได 3 ขั้น ของเมิลนอรแมน กำลังท้าทายสุภาพบุรุษสุภาพสตรีทุกวัย ให้พิสูจน์คุณภาพโดยไม่ต้องจ่ายเงิน” ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่าเรื่องความสวยความงามนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะผู้หญิง สมัยนั้นผู้ชายก็ให้ความสำคัญกับความหล่อไม่แพ้สมัยนี้ และที่เห็นเด่นชัดอีกอย่างคือไม่ว่ายุคสมัยใด คนไทยก็ชอบของฟรี ของลดราคา มิน่าล่ะวันที่ห้างไหนมีเซลล์ วันนั้นถึงมีรถติดมากเป็นพิเศษ
ฟิตเนตและสถานเสริมความงามแห่งแรกของไทย อยู่ที่นี่
จากชั้น 1 ที่ขายของเบ็ดเตล็ดทั่วไป ก็เดินขึ้นบันไดวนซึ่งดูจะเป็นเสน่ห์ที่คลาสสิกของห้าง เมื่อถึงชั้นที่ 2 ความรู้สึกเหมือนได้มาอยู่พิพิธภัณฑ์ดนตรีและกีฬา เพราะรวมไว้ซึ่งเครื่องดนตรีสากลเก่าแก่ ทั้งกีตาร์ ไวโอลิน คีย์บอร์ด กลอง ทรัมเปต แต่ละตัวนับอายุแล้วคงไม่ต่ำกว่า 30 ปี แต่ยังใช้การได้ดี หลายชิ้นยังคงติดป้ายราคารอให้คนมาซื้อหา แต่ก็ดูเหมือนว่าเครื่องดนตรีเหล่านั้นจะไม่ได้รับความสนใจจากลูกค้าเท่ากับเมื่อก่อนนี้
ในอีกมุมหนึ่งเป็น“ห้องสโตเฟอร์” ซึ่งรวมอุปกรณ์กีฬาและเครื่องออกกำลังกายต่างๆ ทั้งจักรยาน ลู่วิ่ง ดัมเบลล์ มาไว้บริการแก่ลูกค้าโดยมีพนักงานบริการอย่างใกล้ชิด คิดราคาชั่วโมงละ 100 บาทจึงอาจเรียกได้ว่าเป็นฟิตเนส แห่งแรกของไทยเลยก็ว่าได้
ขึ้นไปอีกชั้นเป็นชั้นแห่งความสวยความงาม เพราะมีอุปกรณ์เสริมสวยครบครัน มีทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง ที่แต่งหน้า ทำผม และรักษาใบหน้า ที่นี่จึงนับได้ว่าเป็นสถานเสริมความงามแห่งแรกของไทยอีกเช่นกัน แต่มุมที่สร้างความตื่นเต้นเพราะเป็นสิ่งที่หาดูได้ยาก ก็คือบรรดาเครื่องลดน้ำหนักหลากหลายรูปแบบให้เลือกตั้งแต่การลดเฉพาะส่วนหรือลดทุกส่วนก็ยังได้ ขนาดว่าถ้าจอร์จกับซาร่าแห่งทีวีไดเร็กซ์ ได้มาเห็นเครื่องออกกำลังกายของที่นี่แล้วก็ต้องร้องว่า “โอ้พระเจ้า มันยอดมาก” อย่างไม่ขาดปากแน่ เพราะนวัตกรรมที่ช่วยลดและกระชับสัดส่วนขนาดที่ว่าแอ๊บโดมิไนเซอร์ทั้งหลายต้องยอมซูฮกเรียกว่าพี่นั้น ถึงแม้จะเกษียณตัวเองไปเมื่อ 30 กว่าปีก่อน แต่เมื่อใดที่ต้องการเรียกใช้งานก็สามารถจะปฏิบัติการได้ทันที
เจ้าเครื่องทั้งหลายที่เรียงรายอยู่นั้น สั่งตรงมาจากอเมริกา เป็นเตียงนุ่มๆ ให้ลงไปนอนสบายๆ วางถุงทรายประมาณ 15 กิโลกรัมบนหน้าท้อง จากนั้นพอเปิดไฟฟ้าปุ๊บ ก็จะเกิดระบบการสั่นปั๊บ ช่วยทั้งลด ทั้งกระชับ ทั้งคลายเมื่อย ได้เป็นอย่างดีโดยใช้เวลาทำอย่างละ 5 นาที สมัยก่อนคิดราคาคอร์สละ 1,500 บาท แลกกับการลดหน้าท้อง สะโพก ต้นขา ต้นแขน แถมช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้ด้วย เจ้าเครื่องเหล่านี้จึงเป็นที่นิยมของหลายๆ คน ถึงแม้ตอนนี้เครื่องใช้ในห้องนี้จะได้ปิดตัวลงไปแล้ว แต่ก็ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้าไปเยี่ยมชมได้
อรุณ นิยมวานิช น้องสาวของนัติ ที่คงจะหยุดอายุอยู่แค่ 28 เพราะใบหน้าที่ยังสวยสดใสและร่างกายที่แข็งแรงต่างจากคนแก่อายุ 82 ทั่วๆ ไป คอยต้อนรับลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและด้วยท่าทางใจดีบอกว่า ที่ทำให้ห้างยังคงอยู่ได้จนถึงปัจจุบันนี้ นอกจากจะเป็นเพราะอาคารที่ตั้งของห้างเป็นของตระกูลนิยมวานิชเองแล้ว สิ่งสำคัญก็คงอยู่ที่การยึดหลักการบริการที่ว่า “ซื่อตรง ตามใจ ไมตรีจิต มิตรภาพ ของดี ราคายุติธรรม” ซึ่งแม้จะดูเงียบเหงาบ้างในบางคราว แต่ก็ยังพอมีลูกค้าทั้งเก่าและใหม่แวะเวียนมาอยู่เรื่อยๆ
ในวันเวลาที่มีจังหวะหมุนเดินไปไม่เคยหยุดนิ่ง ห้างใหม่อื่นๆ อาจเป็นเหมือนหนุ่มสาวไฟแรงที่ก้าวกระโดดไปตามยุคสมัย ในขณะที่ห้างไนติงเกล-โอลิมปิค อาจจะเป็นเหมือนคนเก่าคนแก่ที่เดินไปอย่างช้าๆ ทว่าภายใต้ความช้านั่นแหละ คือเสน่ห์ที่เก็บรวบรวมไว้ซึ่งเรื่องราวของการบุกเบิกเป็นเจ้าแรกและล้วนแต่มีที่มาที่น่าสนใจ