xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวอุบลฯ ยลเทียนพรรษา ชมภาพเขียนสีผาแต้ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ใกล้ถึงวันเข้าพรรษาแล้ว หลายบ้านหลายครัวเรือนอาจกำลังตระเตรียมของทำบุญ แต่ที่ขาดไม่ได้และดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของประเพณีเข้าพรรษา เห็นจะหนีไม่พ้น “เทียนพรรษา”ที่ในสมัยก่อนเทคโนโลยียังไม่เจริญก้าวหน้าเช่นในปัจจุบัน ไฟฟ้าดูจะลางเลือนเหมือนความฝัน “เทียน”ถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีไว้ติดบ้านเพื่อให้แสงสว่างยามค่ำคืน

และถ้ากล่าวถึงเทียนพรรษาแล้ว ไม่เอ่ยถึงจังหวัดอุบลราชธานีก็ดูจะกระไรอยู่ เพราะที่นี่ในช่วงเข้าพรรษาจะจัดงานแห่เทียนพรรษา ซึ่งเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดอุบลราชธานีและเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วถึงความสวยงามของเทียนพรรษาที่ได้รับการแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงงดงามจับตาจับใจเป็นยิ่งนัก โดยในปีนี้จะมีการจัดงาน"ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา เทิดไท้ 72 พรรษา มหาราชินี"ระหว่างวันที่ 26 ก.ค. - 1 ส.ค. 47 ภายในงานจะมีการประกวดต้นเทียน 2 ประเภท คือประเภทติดพิมพ์ และประเภทแกะสลัก โดยขบวนแห่จากคุ้มวัดต่างๆ พร้อมนางฟ้าประจำต้นเทียนจะเคลื่อนขบวนจากหน้าวัดศรีอุบลรัตนารามไปตามถนนมาสิ้นสุดขบวนที่ทุ่งศรีเมือง ในตอนกลางคืนจะมีมหรสพและการแสดงสมโภชต้นเทียนและเห็นแสงไฟต้องลำเทียนงามอร่ามไปทั้งงาน

ไม่เพียงแต่ประเพณีแห่เทียนพรรษาที่ทำให้จ.อุบลราชธานีโด่งดังจนเป็นที่กล่าวขานถึงเท่านั้น แต่จังหวัดที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างแห่งนี้ยังมีสิ่งต่างๆที่น่าสนใจมากมาย ดังจะเห็นได้จากคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า “เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์”


อุบลราชธานี เป็นเมืองใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำมูล ที่มีประวัติความเป็นมากว่า 200 ปี เล่ากันว่า ท้าวคำผง ท้าวทิศพรหม และท้าวคำบุตร พระวอ พระตา หนีภัยสงครามจากพระเจ้าสิริบุญสาร เจ้าแห่งนคร เวียงจันทน์เจ้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระเจ้าตากสินมหาราชและต่อมาได้สร้างเมืองขึ้นที่บริเวณดงอู่ผึ้ง ใกล้กับแม่น้ำมูล ครั้นพ.ศ. 2323 พระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระยาราชสุภาวดี เชิญตราพระราชสีห์มาพระราชทานนามเมืองว่า “อุบลราชธานี” ทรงให้ท้าวคำผงเป็นเจ้าเมืองคนแรกซึ่งต่อมาได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระปทุมวงศา” เมืองอุบลราชธานีมีเจ้าเมืองสืบกันมาถึง 4 คน ตราบจนถึงปีพ.ศ. 2425 จึงได้มีการแต่งตั้งข้าหลวงและผู้ว่าราชการจังหวัดมาปกครองดูแลจนถึงทุกวันนี้

ด้วยความที่จ.อุบลราชธานีอยู่ติดกับแม่น้ำสายสำคัญๆถึงสองสายนั่นก็คือแม่น้ำมูลที่ไหลผ่านตัวจังหวัดและแม่น้ำโขงที่เป็นเสมือนเส้นกั้นเขตแดนระหว่างประเทศไทยและลาว สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดคือการไปชมแม่น้ำสองสี หรือดอนด่านปากแม่น้ำมูล อยู่ในเขตบ้านเวินบึก นั่งเรือจากตัวอำเภอโขงเจียมไปประมาณ 5 นาที เป็นบริเวณที่แม่น้ำมูลไหลลงสู่แม่น้ำโขงเกิดเป็นสีของแม่น้ำที่ต่างกันจึงเรียกกันอย่างคล้องจองว่า “โขงสีปูน มูลสีคราม” จุดที่สามารถมองเห็นแม่น้ำสองสีได้อย่างชัดเจน คือ บริเวณลาดริมตลิ่งหน้าวัดโขงเจียม และบริเวณบางส่วนของหมู่บ้านห้วยหมาก ในเดือนเมษายนจะเป็นเดือนที่เห็นความแตกต่างของสีน้ำได้ชัดเจนที่สุด นอกจากนี้แล้วบริเวณใกล้เคียงยังมีบริการเรือพาล่องชมทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำอีกด้วย

นอกจากนี้ก็ยังมีแก่งต่างๆที่น่าเที่ยวชมอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น แก่งสะพือ เป็นแก่งหินที่สวยงามในแม่น้ำมูล ตั้งอยู่ในตัวอำเภอพิบูลมังสาหาร โดยคำว่า “สะพือ”นั้นเพี้ยนมาจากคำว่า “ซำฟืด” หรือ “ซำปึ้ด” ซึ่งเป็นภาษาส่วยแปลว่า งูใหญ่ หรืองูเหลือม เป็นแก่งที่มีหินน้อยใหญ่สลับซับซ้อน เมื่อกระแสน้ำไหลผ่านกระทบหิน เกิดเป็นฟองขาวมีเสียงดังตลอดเวลา ช่วงที่เหมาะสำหรับเที่ยวชมแก่งสะพือคือหน้าแล้ง ราวเดือนมกราคม-พฤษภาคม เพราะน้ำจะลดเห็นแก่งหินชัดเจนสวยงาม ส่วนหน้าฝนน้ำจะท่วมมองไม่เห็น และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำมีศาลาพักร้อน และร้านขายสินค้าพื้นเมือง ในวันหยุดมีประชาชนมาเที่ยวพักผ่อนกันเป็นจำนวนมาก

หรือจะเป็นที่ อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะภายในอุทยานฯมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดอนตะนะ หรือแก่งตะนะ ซึ่งเป็นแก่งกลางลำน้ำมูลที่ใหญ่ที่สุด กลางแก่งตะนะมีโขดหินมหึมาเป็นเกาะกลางลำน้ำมูลที่เกิดจากลำน้ำมูลทั้งสองสายที่เชี่ยวกรากและจะกัดเซาะลงในแนวหินสูงประมาณ 1 เมตร แต่ถ้าอยากชมวิวทิวทัศน์ต้องไปที่สะพานแขวน เป็นสะพานที่เชื่อมจากฝั่งแม่น้ำมูลดอนตะนะโครงสร้างเป็นเหล็กยึดโยงด้วยลวดสลิงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นจุดชมวิวสองฟากฝั่งของแม่น้ำมูลเหนือแก่งตะนะและใช้เดินข้ามเข้าไปชมธรรมชาติบนดอนตะนะได้อย่างเพลิดเพลิน

สำหรับใครที่ยังติดใจบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอย่างอุทยานแล้วละก็ สามารถมาต่ออารมณ์กันได้ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ซึ่งครอบคลุมพื้นที่อำเภอโขงเจียม อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอโพธิ์ไทรมีพื้นที่ติดกับประเทศลาว โดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นแบ่งพรมแดน สภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบสูงและเนินเขา มีหน้าผาสูงชันซึ่งเกิดจากการแยกตัวของผิวโลก สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าเต็งรัง มีหินทรายลักษณะแปลกตากระจายอยู่ทั่วบริเวณ มีพันธุ์ไม้ดอกที่สวยงามขึ้นอยู่ตามลานหิน ก่อให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามแปลกต่างมากมายไม่ว่าจะเป็น เสาเฉลียง อยู่ก่อนถึงผาแต้มประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นเสาหินธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำและลมนับล้านปี มีลักษณะคล้ายดอกเห็ดเรียงรายกันอยู่มากมาย ซึ่งหินดังกล่าวจะปรากฏเห็นซากเปลือกหอย กรวด ทราย อยู่ในเนื้อหิน ซึ่งนักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่า เมื่อประมาณล้านกว่าปีมาแล้ว บริเวณนี้คงจะเป็นทะเลมาก่อน ชาวบ้านบริเวณนี้เรียกเสาหินที่คล้ายดอกเห็ดนี้ว่า “เสาเฉลียง” ซึ่งแผลงมาจากคำว่า “สะเลียง” ที่หมายถึง “เสาหิน”

หรือถ้าหากอยากย้อนอดีตไปดูภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ก็ต้องไปที่ผาแต้ม แต่ต้องเดินไปบริเวณด้านล่างของหน้าผาจะมีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ปรากฏเรียงรายอยู่เป็นระยะ มีอายุไม่ต่ำกว่าสามพันถึงสี่พันปี มีภาพทั้งหมดประมาณ 300 ภาพ แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ สัตว์ เครื่องมือเครื่องใช้ สัญลักษณ์ และคน ด้านตรงข้ามผาแต้มคือ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวโดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรมแดนทำให้ผาแต้ม เป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงามมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจะชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนที่แห่งใดในประเทศไทย

นอกจากนี้ภายในอุทยานฯยังมีจุดที่น่าเที่ยวชมอีกมากมาย อาทิ น้ำตกสร้อยสวรรค์,น้ำตกทุ่งนาเมือง,น้ำตกแสงจันทร์ (น้ำตกลงรู),ป่าดงนาทาม แต่ทางอุทยานฯยังไม่มีบริการบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยว ผู้ประสงค์จะค้างแรมในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้มต้องเตรียมอุปกรณ์การพักแรมมาเองและต้องกางเต็นท์ในที่ซึ่งอุทยานฯ จัดเตรียมไว้ให้ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อได้ที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ตู้ปณ. 5 อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี 34220 โทร. 0- 4524- 9780 หรือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทร. 0- 2562- 0760

ด้วยความที่ประเทศไทยกับประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอยู่ห่างกันเพียงแค่แม่น้ำโขงกั้นกลาง เพราะฉะนั้นการไปเที่ยวเมือง(นอก)อย่างลาวก็ดูจะเป็นเรื่องปกติของคนสองชนชาติที่จะไปมาหาสู่กัน แถมได้ข้ามแดนไปชอปปิ้งซึ่งดูจะเป็นเรื่องสนุกสนานไปเสียแล้ว อย่างเช่นคนลาวข้ามาซื้อของฝั่งไทย คนไทยข้ามไปซื้อของฝั่งลาว สถานที่ชอปปิ้งที่ฮิตสุดๆสำหรับไทยนั้นเห็นจะเป็น ช่องเม็ก ซึ่ง เป็นจุดผ่านแดนถาวรไทย-ลาว ที่มีถนนเชื่อมต่อสู่แขวงจำปาสักซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทางภาคใต้ของประเทศลาว ในบริเวณด่านนอกจากจะเป็นที่ตั้งของหน่วยราชการแล้วยังมีตลาดสินค้าชายแดนร้านค้าปลอดภาษีในเขตประเทศลาว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเที่ยวชมและจับจ่ายสินค้าได้ สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในแขวงจำปาสัก ได้แก่ เมืองปากเซ ปราสาทขอมวัดพู มหานทีสีทันดอน หรือสีพันดอน ซึ่งเป็นบริเวณที่แม่น้ำโขงแผ่กว้างกว่า 7 กิโลเมตร ทำให้มีเกาะแก่งจำนวนมาก และจุดที่น่าสนใจมากคือ น้ำตกหลี่ผี และน้ำตกคอนพะเพ็ง

แต่การเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศลาวผ่านด่านช่องเม็กนั้นในส่วนของชาวต่างประเทศจะต้องใช้หนังสือเดินทาง และทำวีซ่า สำหรับคนไทยทำใบอนุญาตผ่านแดนที่สำนักงานจังหวัดอุบลราชธานีหรือที่ว่าการอำเภอสิรินธรได้โดยใช้สำเนาบัตรประชาชน และรูปถ่าย 2 นิ้ว จำนวน 3 รูป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจังหวัดอุบลราชธานี โทร. 0-4525-5505, 0-4525-4218 ด่านตรวจคนเข้าเมืองโทร. 0-4548-5107

พักยกกับการเที่ยว มาเติมที่ว่างในกระเพาะอาหารกันบ้าง ที่จ.อุบลนี้ขึ้นชื่อในเรื่องปลาต่างๆ ที่ว่ากันว่าเนื้อแน่น รสชาติดี แต่ที่ขึ้นชื่อเห็นจะเป็นปลาบึกเมื่อนำมาประกอบอาหารแล้ว รับรองว่าถ้าใครได้เดินทางไปกินแล้วต้องติดใจ จนต้องอุทานออกมาว่า แซ่บหลายเด้อ

แต่ถ้าติดใจอยากจะซื้อหากลับไปเป็นของฝากแล้วละก็ ที่นี่ก็อาหารพื้นเมืองให้เลือกซื้อหากันตามแต่สะดวก ไม่ว่าจะเป็น หมูยอ กุนเชียง ไส้กรอกอีสาน และเค็มหมากนัดหรือเค็มสับปะรด ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อของจังหวัดอุบลราชธานี ทำด้วยเนื้อปลาสวายหรือปลาเทโพ หั่นเป็นชิ้นยาวๆ ดองในน้ำเกลือและเนื้อสับปะรดที่ซอยเป็นชิ้นเล็กๆ บรรจุในขวดแก้ว สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลายอย่าง เช่น อาหารประเภทหลน มีจำหน่ายทั่วไปในตัวเมือง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา เทิดไท้ 72 พรรษา มหาราชินี
กำลังโหลดความคิดเห็น