ไปนั่งเรือเที่ยวกันไหม?
พอมีใครเอ่ยปากบอกว่าจะชวนไปนั่งเรือเที่ยว หลายคนถึงกับทำหูผึ่ง นึกถึงเรือสำราญลำโตที่ลอยล่องอยู่บนท้องน้ำ ซึ่งจะว่าไปแล้วอันที่จริงถ้าจะให้ไปเที่ยวแบบนั่งเรือสำราญลำโตที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันนั้น ก็นับเป็นเรื่องดีที่ใครๆ หลายคนต่างชอบกัน
แต่ถ้าสำหรับใครที่ชอบแบบนั่งเรือแล้วได้สัมผัสกับบรรยากาศ ของสายลม ท้องน้ำ และระลอกคลื่น แบบถึงเนื้อถึงตัวแล้วละก็ เรามีรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างที่กล่าวมานั้นให้ลองไปสัมผัสกัน กับการนั่งเรือหางยาว เที่ยวท่องไปตามคลองน้อยใหญ่ของกรุงเทพฯเรา
สำหรับรูปแบบการท่องเที่ยวโดยนั่งเรือหางยาวเที่ยวลัดเลาะไปตามคลองนั้นมีมานานแล้ว เพียงแต่ว่านักท่องเที่ยวคนไทยอาจจะไม่ค่อยรู้จักหรือไม่นิยมเที่ยวกันมากนัก แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแล้วละก็ดูหมือนจะเป็นที่รู้จักกันดี โดยแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมานั่งเรือหางยาวเที่ยวกันมาก เพราะด้วยชื่อเสียงที่ครั้งหนึ่งกรุงเทพฯเคยเป็นดังเวนิสตะวันออก และเสน่ห์ของแม่น้ำลำคลองรวมถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยตามสองฝากฝั่งคลองที่บอกเรื่องราวความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี นับเป็นสิ่งดึงดูดใจที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างหลงใหลมานั่งเรือเที่ยวกัน
“การนั่งเรือหางยาวเที่ยวเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวแทบทุกชาติให้ความสนใจ โดยเฉพาะพวกฝรั่งจะเรียกเรือหางยาวว่า long tail boat พอพวกเขามาเมืองไทยแล้วก็จะอยากนั่งเรือเที่ยวชมคลองกันทั้งนั้น พวกฝรั่งเค้าชอบไปเที่ยวตามคลอง เพราะคลองในกรุงเทพเปรียบเสมือนเป็นเวนิสตะวันออก เค้าบอกกันว่าสวย และเรือหางยาวถือเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย"
เศรษฐกูล อ่วมวงษ์ (โอ๋) ผู้จัดการทั่วไป บริษัทมิตรเจ้าพระยา ร. รุ่งเรือง จำกัด เผยให้เรารู้ ด้วยความที่ทำบริษัททัวร์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทางน้ำมานาน จึงถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นไปของการนั่งเรือหางยาวเที่ยวทางน้ำให้เราได้รับรู้กัน
“ปกติเรือหางยาวจะเป็นเหมือนเรือพาหนะที่ไว้ใช้บรรทุกคน ก็คือเหมือนกับเรือแท็กซี่สมัยก่อน คือ ตอนเช้าวิ่งรับคนโดยสารออกมาจากบ้านมาทำงานข้างนอก พอตกเย็นก็วิ่งกลับ เป็นแค่เรือรับคนเดินทางสัญจรไปมาทั่วไป แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไปรถเริ่มเข้าถึง ถนนเริ่มเยอะขึ้น คนเริ่มไปทางรถมากขึ้น เพราะไปรถสะดวกกว่า ไม่ค่อยมาเรือกันแล้ว เลยทำให้คนขับเรือหางยาวมีรายได้ลดลง และก็มีช่วงเวลาว่างเพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการหันนำเอาเรือหางยาวที่ใช้บรรทุกผู้โดยสาร มารับพานักท่องเที่ยวไปเที่ยวตามลำคลองของบ้านเราจะดีกว่า” โอ๋ ถ่ายทอดเรื่องราวให้ฟัง
“เดี๋ยวนี้วิ่งรับคนโดยสารได้แค่ 2 เที่ยว วิ่งช่วงเช้าออกมาเที่ยวเดียว แล้วเย็นก็วิ่งกลับเข้าไป เวลาที่เหลือก็รับนักท่องเที่ยวฝรั่ง อย่างมาตั้งแต่เช้า 7โมงกว่าๆ วิ่งรับฝรั่งบางทีก็ได้ 2 รอบ บางทีก็รอบเดียว รายได้ตอนนี้ก็ไม่มากพออยู่ได้ มีหยุดวิ่งบ้าง เวลามีธุระหรือออกเรือไม่ไหวก็หยุด เราอาศัยขับเรือรับทั้งผู้โดยสารด้วยแล้วก็นักท่องเที่ยวด้วย ถ้ารับผู้โดยสารอย่างเดียวก็ไม่ไหว เพราะเดี๋ยวนี้เรือมีเยอะ น้ำมันก็แพง”
เสียงสะท้อนจากปากของคนเรือ อย่าง ถวิล จูฑะจันทร์ (ลุงแล่ม) ผู้คร่ำหวอดในวงการขับเรือหางยาวมานานกว่า 40 ปี บอกกับเราว่า เมื่อก่อนขับเรือแท็กซี่ที่ใช้รับผู้โดยสารสัญจรไปมาทางน้ำมาก่อน จากนั้นก็เปลี่ยนมาขับเรือหางยาวรับผู้โดยสาร ซึ่งตอนนี้ก็หันมาขับเรือหางยาวพานักท่องเที่ยวเที่ยวไปตามคลองต่างๆ ในกรุงเทพฯ ควบคู่ไปกันด้วย
ลุงแล่ม บอกว่า ขับเรือพานักท่องเที่ยวนี่ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ดี ถึงแม้ว่าดูเหมือนว่าจะมีหน้าที่เพียงแค่ขับเรือพาไปยังสถานที่ต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวอยากไปเท่านั้น แต่มันก็เป็นงานที่ลุงถนัดกับการขับเรือ และบางครั้งลุงก็ได้รับทิปจากการที่ลุงบริการนักท่องเที่ยวเหล่านั้นด้วยไมตรีจิต
“ขับเรืออย่างเดียว ก็มีพูดกับนักท่องเที่ยวบ้างนิดๆ หน่อยๆ อย่างถึงบางกอกน้อย ตลิ่งชัน เราก็บอกเขา ถึงตลาดน้ำเราก็บอกเขา ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะเป็นคนต่างชาติ คนไทยก็มีบ้าง มีฝรั่ง ญี่ปุ่น ถ้าคนไทยก็พูดง่าย พูดรู้เรื่อง แต่ถ้าฝรั่งก็ยาก บางทีต้องใช้ภาษาใบ้ ชี้ว่านี่อะไร ถ้าเราพูดไม่ได้เราก็บอกพูดไม่ได้ พอเวลานักท่องเที่ยวจะถ่ายรูปเราก็เบาเครื่องลงให้ ก็มีน้ำใจกับเขาเขาก็ทิปให้” ลุงแล่มบอกพร้อมกับสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วเรือก็แล่นออกไป
วิทย์ ทองแท้ (แป๊ะ) เป็นอีกผู้หนึ่งที่ยึดอาชีพขับเรือหางยาวมานานกว่า 10 ปี ขับเรือหางยาวแบบทั้งรับผู้โดยสารแล้วก็รับนักท่องเที่ยวเที่ยวด้วยเหมือนกัน โดยตอนเช้าก็ขับรับคนโดยสารก่อน หลังจากนั้นถึงมารับทัวร์พานักท่องเที่ยวเที่ยว ซึ่งในหนึ่งวันรับทัวร์ได้ประมาณ 3-4 รอบ
“รับทัวร์รายได้ดีกว่าเรือโดยสาร แต่ต้องเติมน้ำมันเองรอบละประมาณ 7 ลิตร ที่ได้ 3-4 รอบนี่ก็มาตั้งแต่เช้ายันเย็น ก็เรียงตามคิว ใครมาก่อนออกก่อน”
แป๊ะ เล่าให้ฟังว่าตั้งแต่ยึดอาชีพขับเรือพานักท่องเที่ยวมานาน ตัวเขาไม่เคยมีปัญหาเรื่องการบริการกับนักท่องเที่ยวเลย เขาทำหน้าที่ขับเรือพานักท่องเที่ยวไปยังสถานที่เที่ยวต่างๆด้วยความเต็มใจ และทำหน้าที่เป็นคนขับเรือให้ดีที่สุด
“เราทำหน้าที่ขับเรืออย่างเดียว ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะไม่ค่อยถาม เพราะเขาจะรู้โปรแกรมการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ปัญหาต่างๆ จึงไม่มี นักท่องเที่ยวส่วนมากก็ใจดี บางคนเราบริการให้เขาดีเขาก็มีทิปให้ บางคนไม่มีทิปก็ไม่เป็นไร เพราะเขามาเที่ยวเมืองไทย เราก็ต้องบริการให้ดีที่สุด” แป๊ะตอบอย่างภาคภูมิใจ และทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า เขาอยากให้มีนักท่องเที่ยวมานั่งเรือเที่ยวกันเยอะๆ นั่งเรือนั้นสนุกและไม่อันตรายอย่างที่คิด
ทั้งลุงแล่ม และแป๊ะ เป็นเพียงหนึ่งในจำนวนผู้ยึดอาชีพขับเรือหางยาวพานักท่องเที่ยวเที่ยวชมแม่น้ำลำคลอง แม้ดูเหมือนว่ากลุ่มคนอาชีพขับเรือนี้จะเป็นเพียงแค่คนกลุ่มเล็กๆ ที่ทำหน้าที่หนุนหลังเรื่องการท่องเที่ยวอยู่เบื้อหลังก็ตามที แต่พวกเขาก็ทำหน้าเป็นผู้ถือหางเสือนี้ด้วยความเต็มใจและพร้อมใจกันปฏิบัติหน้าที่ ที่ดูเหมือนจะเป็น เพราะว่าด้วยเรื่องการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยแล้ว ไม่ว่าจะช่วยในรูปแบบไหน ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่คนขับเรือถือหางเสือ ทว่าพวกเขาก็ทำด้วยใจรักอย่างแท้จริง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากนั่งเรือหางยาวเที่ยวเราก็มีโปรแกรมการล่องเรือทัวร์คลอง (ฝั่งธนบุรี) มาฝากกัน
ทัวร์ 1 : เวลา 1 ชั่วโมง ราคาค่าโดยสาร ชาวต่างชาติ 600 บาท คนไทย 500 บาท
ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าคลองบางกอกน้อย จอดชมอู่เรือพระราชพิธี ชมเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ แวะให้อาหารปลาบริเวณหน้าวัดศรีสุดาราม (วัดชีปะขาว) เข้าคลองชักพระ ผ่านตลาดน้ำตลิ่งชันออกคลองมอญ จอดสักการะพระปรางค์วัดอรุณและเดินทางกลับ
ทัวร์ 2 : เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง ราคาค่าโดยสาร ชาวต่างชาติ 800 บาท คนไทย 700 บาท ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าคลองบางกอกน้อย จอดชมอู่เรือพระราชพิธี ชมเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ แวะให้อาหารปลาบริเวณหน้าวัดศรีสุดาราม (วัดชีปะขาว) เข้าคลองชักพระ ผ่านคลองน้ำตลิ่งชันเข้าคลองสนามชัยไปสวนงูธนบุรี ชมวิธีการจับงูและรีดพิษงู ย้อนกลับคลองบางกอกใหญ่ ผ่านป้อมวิชัยประสิทธิ์ซึ่งเป็นป้อมที่เก่าแก่สมัยพระนารายณ์ กราบสักการะพระปรางค์วัดอรุณ และเดินทางกลับ
ทัวร์ 3 : เวลา 2 ชั่วโมง ราคาค่าโดยสาร ชาวต่างชาติ 1,000 บาท คนไทย 900 บาท ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าคลองบางกอกน้อย จอดชมอู่เรือพระราชพิธี ชมเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ แวะให้อาหารปลาบริเวณหน้าวัดศรีสุดาราม (วัดชีปะขาว) เข้าคลองชักพระ ผ่านคลองน้ำตลิ่งชันเข้าคลองบางละมาด ผ่านคลองบางพรหม คลองบางกอกน้อย ชมสวนกล้วยไม้และสวนผักต่างๆ ผ่านออกคลองบางเชือกหนัง ออกคลองมอญ กราบสักการะพระปรางค์วัดอรุณ และเดินทางกลับ
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท เจ้าพระยา ร.รุ่งเรือง จำกัด (ท่าช้าง-วังหลวง) โทร.0-2225-6179, 0-2623-6169