ถ้าอยากจะเดินเล่นริมชายหาด สูดอากาศบริสุทธ์ รับลมเย็นๆ กินอาหารทะเลสดๆ เล่นกีฬาตื่นเต้นเร้าใจ นานาชนิด หรืออยากจะเที่ยวน้ำตก ชมป่าชมเขา สัมผัสพงไพร ทั้งหมดนี้คิดว่าจะไปหาได้ที่ไหน ถ้าไม่ใช่ที่นี่ จังหวัดชลบุรี
ห่างจากกรุงเทพฯร้อยกว่ากิโลเมตร ขับรถปรู๊ดเดียวแค่ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงชลบุรี จังหวัดที่มีคำขวัญว่า “ทะเลงาม ข้าวหลามอร่อย อ้อยหวาน จักสานดี ประเพณีวิ่งควาย” จังหวัดเก่าแก่ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเป็นแค่เมืองเล็กๆ หลายเมือง เช่น เมืองบางทราย เมืองบางปลาสร้อย และเมืองบางพระ แต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รวบรวมเมืองต่างๆ นั้นเข้าด้วยกันและตั้งเป็นจังหวัดชลบุรีขึ้น โดยมีพืชเศรษฐกิจ เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา โดยเฉพาะอ้อย ที่ถือว่ามีความหวานโดดเด่น จนกลายเป็นวรรคหนึ่งในคำขวัญเลยทีเดียว
ถ้าจะให้ไล่เรียงสถานที่ท่องเที่ยวของชลบุรี ต่อให้มีสิบหน้ากระดาษก็เขียนไม่หมด เอาง่ายๆ แค่ “ทะเลงาม” ก็มีที่ให้ไปนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นหาดบางแสน ที่มีชายหาดยาวกว่า 2.5 ก.ม ผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ก็ยังเป็นขวัญใจของครอบครัวชาวกรุง และยังเป็นจุดหมายปลายทางของเหล่าบรรดาคณะทัวร์ทัศนศึกษาจากทั่วประเทศ ส่วนแหลมแท่น ที่อยู่บริเวณหาดบางแสนเลยมาทางเขาสามมุข เป็นแหลมที่ยื่นออกไปไม่มากนัก ในช่วงเย็นๆ ก็จะมีผู้คนไปตกปลาบ้าง ปูเสื่อทานอาหารรับลมเย็นๆ บ้าง
เลยจากบางแสนไปหน่อยก็เป็นอ่างศิลา ช่วยอุดหนุนชาวบ้านด้วยการซื้อครกหินสากหิน กลับบ้านสักคนละชุด รับรองว่าจะตะบี้ตะบันตำยังไง สภาพของครกและสากอ่างศิลา ก็ไม่มีด่างพร้อย และขอแนะนำสำหรับคนที่ต้องการกินอาหารทะเลสด ๆ ในราคาที่ไม่แพงก็สามารถไปรอซื้อได้ที่ สะพานปลาบ้านอ่างศิลา แต่ว่าจะต้องมารอเรือประมงกลับเข้าฝั่งเวลาเช้าตรู่ก่อน 7 โมงเช้า และทะเลบริเวณนี้ยังมีการเลี้ยงหอยนางรมและหอยแมลงภู่ในกระชังด้วย ซึ่งก็สามารถซื้อได้ที่สะพานปลาเช่นกัน
ส่วนหาดพัทยาซึ่งมีทั้งพัทยาเหนือ กลาง ใต้ ก็เต็มไปด้วยสีสันของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก พัทยาในยามค่ำคืนนั้น เดินๆ ไปคุณอาจจะนึกว่าอยู่ในกรุงเทพฯก็ได้ เพราะบรรยากาศช่างเหมือนถนนข้าวสารเสียนี่กระไร
นอกจากนี้ พัทยา ยังเป็นแหล่งรวมของบรรดากีฬาประเภทผาดโผนเร้าใจทั้งบนบกและในทะเล ไม่ว่าจะเป็น อัลตร้าไลท์ บันจี้จัมพ์ เพนท์บอล โกคาร์ท วินด์เซิร์ฟ เจ็ตสกี พาราเซล บานาน่า โบ้ท สกีน้ำ สกู๊ดเตอร์ รวมถึงสารพันกีฬาเอ็กซ์ตรีม ส่วนสถานที่ดังๆ ที่เป็นฝีมืองานสร้างของมนุษย์และการแสดงหลากหลาย ก็มีทั้ง ปราสาทสัจธรรม เมืองจำลอง อันเดอร์วอเตอร์เวิร์ล อลังการ พิพิธภัณฑ์ริบลีย์ เชื่อหรือไม่ พิพิธภัณฑ์ขวด อุทยานหินล้านปี ทิฟฟานี่ อัลคาร์ซ่าร์ เหล่านี้เป็นต้น เรียกว่าอยากกระตุ้นต่อมตื่นเต้นเมื่อไหร่ ไปพัทยาเป็นได้หายอยากทันที
หรือถ้าอยากจะไปท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆ ก็ขอนำเสนอ เกาะล้าน ห่างจากชายฝั่งพัทยาเพียง 7 ก.ม. มีชายหาดสวยงามหลายแห่ง ทั้งหาดตาแหวน หาดแสม หาดเทียน นอกจากจะมีชายหาดขาวสะอาดสวยงามก็ยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้เลือกทำไม่แพ้กัน และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดำน้ำก็ขอแนะนำเกาะเล็กๆ ที่อยู่ใกล้เกาะล้าน ก็คือเกาะครก และเกาะสาก ซึ่งสามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก
เกาะสีชัง ก็เป็นอีกเกาะที่น่าสนใจ ห่างจากฝั่งศรีราชา 12 ก.ม. ใครที่ชอบบรรยากาศสงบเงียบ ความเป็นกันเองของคนบนเกาะ และความสวยงามที่ยังเป็นธรรมชาติแบบบริสุทธิ์ จะต้องประทับใจแบบไม่รู้ลืมกับที่แห่งนี้อย่างแน่นอน บนเกาะสีชังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น พระราชวังจุฑาธุชราชฐาน ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับเมื่อเสด็จแปรพระราชฐาน และที่ช่องเขาขาด ก็เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกน้ำที่สวยงามที่สุดของเกาะ
ใช่ว่าชลบุรีจะมีที่เที่ยวเฉพาะทะเล ภูเขา น้ำตก ก็มี ที่เป็นที่รู้จักกันดี ก็ต้องเป็น น้ำตกชันตาเถร ซึ่งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ เป็นน้ำตกที่มีความสูงถึง 5 ชั้น ชั้นที่ 4 มีความสวยงามที่สุด ต้องเดินเท้าประมาณ 1 ก.ม. ส่วนชั้นที่ 5 ต้องปีนป่ายขึ้นไป มีน้ำเฉพาะช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน และในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคมก็เหมาะที่จะดูนก โดยเฉพาะนกเงือกที่นับวันจะหาดูได้ยากแล้ว
ส่วนใครที่อยากให้ลูกหลานได้ทั้งความรู้คู่กับความสนุกสนานก็ต้องไปที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เปิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในตอนกลางคืนยังมีนำเที่ยวแบบไนท์ซาฟารีอีกด้วย ส่วนอีกที่ก็เป็นสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล ซึ่งอยู่ในมหาวิทยาลัยบูรพา ก็จะได้ศึกษาและเห็นถึงชีวิตสัตว์ทะเลแบบใกล้ชิด และถ้าได้แวะเข้าไปเยี่ยมชมและสัมผัสบรรยากาศสวยๆ ภายในมหาวิทยาลัยบูรพา ก็ยังจะได้เห็นภาพของเหล่านิสิตที่ปั่นจักรยานไปเรียนแบบสบายๆ ที่อาจจะหาได้ยากสำหรับมหาวิทยาลัยอื่น
แต่ถ้าใครที่ชอบแนวธรรมะธัมโม ก็ขอชวนไปเที่ยวชม วัดใหญ่อินทาราม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่โบราณคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดชลบุรี สร้างสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย บรรดาสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ภายในบริเวณวัด เช่น พระอุโบสถ พระวิหาร ฐานเสมา พระปรางค์ ก็ล้วนงดงามด้วยฝีมือช่างสมัยอยุธยา ข้ามมาในสมัยรัชกาลปัจจุบันก็มี วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหารฯ เป็นวัดที่งดงามและสงบ โดยรอบมีงานในโครงการพระราชดำริกว่า 2,000 ไร่ ใกล้ๆ กันนั้นก็มี วิหารเซียน (เอนกกุศล ศาลา) ซึ่งเป็นอาคารแบบจีนที่เก็บรวบรวมศิลปวัตถุของจีนไว้มากมาย
ในช่วงเดือนตุลาคม ชลบุรีมีงานประเพณีวิ่งควาย ซึ่งต้นกำเนิดของประเพณีนี้ก็มาจากการที่ชาวบ้านในท้องที่ต่างๆ ได้นำเกวียนเทียมควายบรรทุกสินค้ามาจอดพักแถบบ้านท่าเกวียน และได้นำควายของแต่ละคนมาวิ่งแข่งกันเป็นที่สนุกสนานจนกลายเป็นประเพณีสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยในวันนั้น ชาวนาจะตกแต่งควายของตนอย่างสวยงาม และนอกจากจะมีการแข่งขันวิ่งควายแล้ว ก็ยังมีการประกวดสุขภาพควาย ประกวดการตกแต่งควายอีกด้วย
ไหนๆ ก็ได้มาเที่ยวเมืองชลแห่งนี้แล้ว ขากลับก็อย่าลืมแวะซื้อของฝากที่มีชื่อของที่นี่ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วย
นอกจากครกหินอ่างศิลาแล้ว ก็ยังมีเครื่องมือจักสานด้วยไม้ไผ่แบบต่างๆ ที่เป็นฝีมือของชาวบ้านพนัสนิคม
ยัง ...ยังไม่หมด ถ้ายังไม่ได้เข้าไปซื้อของฝากของกินที่ตลาดหนองมน ก็ถือว่ายังไปไม่ถึงชลบุรี ที่นี่พลาดไม่ได้เลยกับข้าวหลามหนองมนรสชาติหอมมันที่ใครได้ชิมก็ต้องติดใจ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์จำพวกอาหารแห้งมากมายให้เลือกซื้อ เช่น กุ้ง ปลาหมึก ปลาริวกิว กะปิ น้ำปลา หอยหลอด ผลไม้กวนและแช่อิ่ม ใครได้มาแวะที่ตลาดหนองมนแห่งนี้แล้ว เรื่องกลับบ้านมือเปล่าคงจะไม่มีเสียล่ะ
จะว่าไปแล้ว ชลบุรี ก็นับเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยว ทั้งที่มีอยู่ในธรรมชาติ และทั้งที่เป็นประเภทมนุษย์สร้างขึ้นมา สีสันความหลากหลายแปลกใหม่ของจังหวัดนี้จึงไม่เคยหยุดนิ่ง ยิ่งในช่วงวันที่ 16-18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการจัดงาน “เทศกาลท่องเที่ยว สีสันตะวันออก” ก็ดูเหมือนทุกพื้นที่ในเมืองชลจะพลอยคึกคักตามไปด้วย ถ้ามีวันหยุดว่างๆ ก็น่าจะชวนครอบครัวหรือจะจูงมือคนรู้ใจไปเที่ยวก็น่าจะดีไม่น้อย
