ทำไมใครๆ จึงได้เบื่อฝนกันนัก ทั้งที่หน้าฝนมีข้อดีอยู่ตั้งมากมาย... หนึ่ง หน้าฝนทำให้อากาศเย็นสบาย ไม่มีแดด สอง หน้าฝนช่วยให้ไม่ต้องเปลืองแรงรดน้ำต้นไม้ สาม หน้าฝนช่วยให้เราได้ใช้ร่มที่เก็บเอาไว้มานาน และสี่ ข้อนี้สำคัญมากๆ ก็หน้าฝนช่วยให้เราได้ไปล่องแก่งกันแบบมันๆ ไง
เมื่อถึงคราวฝนมา น้ำป่าไหลหลาก ก็เป็นที่รู้กันว่าได้เวลาของการ “ล่องแก่ง” กันแล้ว ขณะนี้ล่องแก่งถือเป็นกิจกรรมในการท่องเที่ยวอย่างหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยม เนื่องจากความสนุกสนานของการแล่นเรือยางเข้าปะทะกับสายน้ำเย็นฉ่ำ ขณะที่ทั้ง 2 ฝั่งริมน้ำก็มีธรรมชาติของป่าเขาและชุมชนชาวบ้านให้ได้ชมกันไปตลอดทางนั้น เป็นบรรยากาศที่ไม่ได้พบเจอกันบ่อยๆ และหาไม่ได้ง่ายๆ เลย
การล่องแก่งนิยมเล่นกันในช่วงฤดูฝน ช่วงเดือน มิถุนายนถึงตุลาคม ซึ่งเป็นฤดูที่น้ำไหลแรง แต่หากเป็นในภาคเหนือซึ่งมีฤดูน้ำหลากนานกว่าภาคอื่นๆ ช่วงเวลาที่เล่นได้ก็จะนานกว่านั้น หรือสถานที่ล่องแก่งบางที่อาจจะเล่นได้ตลอดปีเลยก็ได้ เช่น ล่องแก่งแม่แตง ที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น
การเล่นล่องแก่งนั้นก็ยังแบ่งเป็นระดับความยากง่าย โดยแบ่งเป็น ระดับ 1 คือระดับง่าย น้ำไหลเอื่อยๆ ใครก็สามารถพายได้ ระดับ 2 คือระดับธรรมดา น้ำไหลแรงขึ้น ต้องเรียนรู้เรื่องการพายเรือบ้าง เหมาะสำหรับผู้เริ่มเล่นใหม่ๆ ระดับ 3 คือระดับปานกลาง มีแก่งตื่นเต้น ต้องเรียนรู้เทคนิคการพายพอสมควร ระดับ 4 คือระดับยาก มีแก่งที่ต้องใช้เทคนิคฝีมือ ต้องมีทักษะในการพาย และต้องเพิ่มความระมัดระวังในการล่องแก่ง ระดับ 5 ระดับยากมาก น้ำไหลเชี่ยว ต้องใช้เทคนิคและประสบการณ์ในการพายสูง เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ และสุดท้าย ระดับ 6 ระดับอันตราย แก่งมีลักษณะเป็นน้ำตก ไม่เหมาะสำหรับการล่องแก่ง
เอาล่ะ ตอนนี้คุณพร้อมจะไปล่องแก่งกับเราหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วก็ใส่หมวกกันน็อค ใส่เสื้อชูชีพให้เรียบร้อย แล้วไปลุยกันเลย ว่าแต่... จะไปกันที่ไหนดีล่ะ?
วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับสถานที่ล่องแก่งที่เป็น “ที่สุด” ของเหล่าเซียนล่องแก่งทั้ง 5 คน เริ่มจากคนแรก อภินันท์ บัวหภักดี บรรณาธิการนิตยสาร Young Traveler เซียนท่องเที่ยวตัวจริงเสียงจริง ล่องแก่งที่เป็นที่สุดของอภินันท์มีอยู่ 2 ที่ก็คือ ล่องแก่งทีลอเร ในจังหวัดตาก ซึ่งอภินันท์ถือว่าที่นี่เป็นสถานที่ล่องแก่งที่ดีที่สุดในประเทศไทย นักท่องเที่ยวสามารถมาล่องแก่งได้หลายแบบ แบบ 1 วันก็ได้ 2-3 วันก็ได้ แต่ถ้าเป็นแบบ 4 วัน 3 คืน จะดีที่สุด เพราะล่องแก่งทีลอเรนั้นมีลำน้ำที่ยาว หากมีเวลาหลายวันก็จะได้ล่องให้ครบทุกแก่ง ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เจอแก่งอยู่เรื่อยๆ และระดับของแก่งจะอยู่ที่ 3-4 แต่สิ่งที่ยกให้เป็นที่สุดก็คงเป็นเรื่องของธรรมชาติที่สวยงามมาก เป็นป่าไม้ที่ยังบริสุทธิ์อยู่
ส่วนอีกที่หนึ่งถือว่าเป็นที่สุดของความมัน นั่นก็คือ ล่องแก่งน้ำว้าตอนกลาง ที่จังหวัดน่าน ซึ่งระยะทางของลำน้ำนั้นก็กว่า 80 กิโลเมตรเลยทีเดียว อภินันท์แนะนำว่า ควรจะใช้เวลามาล่องแก่งที่นี่สัก 2 วัน ส่วนความมันนั้นเรียกว่ามีทุกรูปแบบ ตั้งแต่ระดับ 2-5 และมีแก่งติดๆ กันหลายแก่งให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นเต้น แต่เรื่องความสวยงามของธรรมชาติยังสู้ทีลอเรไม่ได้
ที่สุดของคนที่สอง คือสมคิด สุวรรณเชษฐ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูลของบริษัท Nature Traveler ผู้ซึ่งผ่านประสบการณ์ในการล่องแก่งจากหลายๆ ที่มาแล้ว สมคิดยกให้ล่องแก่งน้ำว้าเป็นที่สุดของล่องแก่งเช่นเดียวกับอภินันท์ โดยให้เหตุผลว่า ที่นี่มีแก่งให้ล่องกว่า 100 แก่ง ได้เจอแก่งติดๆ กัน มีทั้งความสนุกสนานและความมัน เมื่อล่องแก่งเสร็จในแต่ละวันก็สามารถตั้งแค้มป์พักค้างคืนกันริมลำน้ำ เรียกว่าได้สัมผัสกับบรรยากาศของความเป็นธรรมชาติกันสุดๆ
เซียนคนที่สามก็คือ ดำริห์ รัตนชินกร ผู้จัดการทั่วไปสวนศักดิ์สุภารีสอร์ท ผู้คลุกคลีอยู่ในวงการล่องแก่งมากว่า 10 ปีแล้ว ดำริห์เลือกให้ลำน้ำแม่กลอง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ช่วงจากตัวอำเภออุ้มผางไปผาเลือด (น้ำตกทีลอซู) เป็นที่หนึ่งในใจ เพราะที่ลำน้ำแม่กลองนี้มีธรรมชาติ 2 ฝั่งที่สวยงามมากๆ โดยเฉพาะตอนล่องแก่งผ่านน้ำตกทีลอจ่อ ถ้าไปล่องถูกเวลาก็จะเห็นสายรุ้งทอดตัวอยู่ตามน้ำตก ทิวทัศน์สวยงามแปลกตาเป็นที่สุด และแก่งที่นี่ไม่อันตราย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เรียกว่าแม้เรื่องความมันจะไม่โดดเด่น แต่เรื่องความสวยงามนี่ต้องยกนิ้วให้เลย
ส่วนนภดล กันแตง เซียนอีกหนึ่งคนจากบริษัทนำเที่ยวป๊อปทัวร์ ซึ่งมีชื่อเสียงทางด้านการนำเที่ยวล่องแก่ง คิดอยู่สักครู่ก่อนจะบอกว่า ล่องแก่งแต่ละที่ก็มีความแตกต่างกันไป บางที่เข้าถึงง่ายไปถึงก็ลงน้ำล่องแก่งได้เลย แต่บางที่ก็ต้องบุกป่าเข้าไป แต่เรื่องที่สุดของล่องแก่งต้องยกให้ ทีลอเรที่จังหวัดตาก เพราะมีธรรมชาติที่สวยสุดๆ ระหว่างทางล่องแก่งมีโตรกผาสูงลิบตั้งตระหง่านอยู่อย่างสง่างาม แต่ระดับของแก่งค่อนข้างอันตราย คือมีถึงระดับ 5 ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงต้องมีความชำนาญพอสมควร แต่ก็มีความสนุกสนานมากๆ และความสวยงามต้องยกให้เป็นที่หนึ่งเลย
เซียนท่านสุดท้าย ทรงศักดิ์ ศรีเคลือบ เจ้าของบริษัทนำเที่ยวฟูจิทัวร์ ผู้ชำนาญการล่องแก่งเช่นกัน ยกให้ล่องแก่งต้นน้ำเทือกเขาถนนธงชัย ในจังหวัดตากเป็นที่สุดของล่องแก่ง ต้นน้ำเทือกเขาถนนธงชัยนี้มีแก่งให้ได้ล่องกันทุกระดับ 1-2-3-4 ซึ่งถือว่าเป็นเหมือนครูที่ดี ค่อยๆ เริ่มจากง่ายมายาก และมีแก่งให้ได้ล่องเยอะมาก โดยเฉพาะแก่งระดับ 3-4 จากแก่งหนึ่งมาอีกแก่งหนึ่ง เรียกว่าสนุกกันแบบไม่ต้องพักหายใจเลย
จากคำบรรยายของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ อาจทำให้ใครหลายๆ คนนึกอยากไปล่องแก่งกันขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหม ส่วนใครที่กำลังจะไปหรือตั้งใจจะไป เราก็มีข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ให้ก่อนจะไปเจอของจริง
อย่างแรกเลย เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ไม่หนักเวลาเปียกน้ำ และแห้งง่าย ใส่หมวกกันน็อกและเสื้อชูชีพทุกครั้ง เพื่อช่วยป้องกันอันตรายเมื่อพลัดตกเรือ อย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้บังคับเรืออย่างเคร่งครัด เพราะเขาถือเป็นผู้ที่ชำนาญและมีประสบการณ์สูง สุดท้าย เตรียมกำลังกายกำลังใจให้พร้อม แล้วก็ไปพบกับความสนุกสนานของการล่องแก่งกันได้แล้ว
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ควรรู้ไว้ก็คือ สถานที่ที่เราไปล่องแก่งกันนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นป่าต้นน้ำทั้งสิ้น ดังนั้น หากใครที่คิดจะไปล่องแก่งแล้วละก็ อย่าลืมพกจิตสำนึกของการอนุรักษ์ธรรมชาติไปด้วย อย่าทิ้งขยะไว้ในที่ตั้งแค้มป์ หากมีขยะจำพวกพลาสติก โฟม หรือขวดแก้ว ควรจะเก็บเอาลงมาทิ้งที่อื่น ไม่ควรทิ้งไว้ในป่า หลังจากตั้งแค้มป์แล้วก็ควรดูแลเรื่องความสะอาด และปรับสภาพพื้นที่บริเวณนั้นๆ ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมมากที่สุด ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของป่าต้นน้ำเอาไว้ให้นานเท่านาน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
5 อันดับล่องแก่งยอดนิยมในประเทศไทย จากคำบอกเล่าของเซียนล่องแก่งทั้ง 5
1. ล่องแก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี
2. ล่องแก่งน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก
3. ล่องแก่งโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี
4. ล่องแก่งแม่กลอง จังหวัดตาก
5. ล่องแก่งน้ำว้า จังหวัดน่าน