เที่ยวเมืองลำปาง นั่งรถม้า ซื้อชามตราไก่ พร้อมไหว้พระธาตุลำปางหลวง

“กึบ กึบ กึบ”

เสียงเกือกม้ากระทบกับพื้นดังเป็นจังหวะ เหมือนจะตอกย้ำความเป็นเมืองแห่งรถม้าหนึ่งเดียวในเมืองไทย ที่คนทั่วไปรู้จักกันดีว่านี่คือจังหวัดลำปาง เมืองเขลางค์นคร ในอดีต ซึ่งมีคำขวัญประจำจังหวัดอันน่าท่องเที่ยวว่า “ถ่านหินลือชา รถม้าลือลั่น เครื่องปั้นลือนาม งามพระธาตุลือไกล ฝึกช้างใช้ลือโลก”

อันคำว่า “ลำปาง” นั้นหมายถึงไม้ป้าง ตำนานเล่าว่าเป็นไม้ข้าวหลามที่ลัวะอ้ายกอนใช้หาบกระบอกน้ำผึ้ง มะพร้าว มะตูม มาถวายพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเสด็จมายังบริเวณนี้ ก่อนจะปักไม้เอาทางปลายลงจนเกิดเป็นต้นขะจาวที่เห็นอยู่ข้างวิหารหลวง วัดพระธาตุลำปางหลวง ต้นขะจาวนี้มีลักษณะผิดแผกจากไม้อื่นด้วยกิ่งก้านจะชี้ลงดิน เป็นไม้มงคลประจำจังหวัดลำปางที่มีอายุกว่า 2,500 ปีล่วงมาแล้ว

ส่วนคำว่า “เขลางค์นคร” เป็นภาษาบาลี ปรากฏอยู่ในตำนานตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 13 คำว่าลครซึ่งกลายมาจากนคร จึงเป็นชื่อสามัญที่ใช้เรียกเมืองเขลางค์ ทั้งยังปรากฏใช้ในศิลาจารึกและพงศาวดารในรุ่นต่อมา ส่วนภาษาพูดจะออกเสียงว่าละกอน มีความหมายเดียวกับคำว่าเมืองลคร หรือ เวียงละกอน

นอกจากนี้บางตำนานยังเล่าว่าเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จออกโปรดสัตว์มาจนถึงเมืองนี้ พระอินทร์ได้ทราบก็เกรงว่าชาวเมืองจะตื่นไม่ทันทำบุญกับพระพุทธองค์ จึงแปลงกายเป็นไก่สีขาวขันปลุกชาวเมืองให้ตื่นทันออกมาทำบุญตักบาตร ด้วยเหตุนี้เมืองลำปางจึงได้ชื่อว่า กุกกุฏนคร อันหมายถึงเมืองไก่ขาว ด้วยเหตนี้ไก่ขาวจึงเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองที่เราจะพบตามป้ายชื่อถนน บนสะพาน หรือตามตึกต่างๆรวมไปถึงชามตราไก่ที่กลายเป็นงานเซรามิกอันขึ้นชื่อและกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจังหวัดลำปางไปแล้ว

อีกสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นเป็นเสมือนอีกสัญลักษณ์ของเมืองลำปางและเป็นดังศูนย์รวมจิตใจของคนลำปางก็คือ “วัดพระธาตุลำปางหลวง” ที่ภายในวัดมีสิ่งน่าชมมากมาย ได้แก่ วิหารพระพุทธ เป็นวิหารไม้แบบล้านนาที่ตกแต่งด้วยลายคำคือ ลายทองบนพื้นแดง และภายในสามารถเห็น ภาพเงาพระธาตุที่ลอดผ่านรูผนังปรากฏบนผืนผ้า วิหารน้ำแต้ม เป็นวิหารโถงมีภาพจิตรกรรมเก่าแก่ของล้านนา วิหารหลวง เป็นที่ประดิษฐานซุ้มพระเจ้าล้านทอง พระพุทธรูปองค์สำคัญของวัด และมีภาพจิตรกรรมเรื่องพุทธประวัติและชาดกที่เขียนในราวสมัยรัชกาลที่ 5 หอพระพุทธบาทเป็นอีกแห่งที่ปรากฏภาพเงาพระธาตุ แต่ห้ามมิให้ผู้หญิงขึ้น และที่หอพระแก้ว ประดิษฐานพระแก้วจากวัดพระแก้วดอนเต้า สุชาดาราม พระพุทธรูปคู่เมืองลำปาง

นอกจากนี้วัดพระธาตุลำปางหลวงยังมีเงาพระธาตุ หรือพระธาตุหัวกลับที่ถูกททท.บรรจุให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์อันโด่งดัง

สำหรับคนที่รักสุขภาพทั้งหลายก็ไม่ควรพลาดการมานอนแช่น้ำแร่ที่น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน โดยการนอนแช่น้ำแร่เหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็เพื่อบำบัดความเมื่อยล้าของร่างกาย ช่วยให้ระบบ การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ช่วยรักษาโรคผิวหนังบางชนิด และยังช่วยบรรเทาอาการของโรคที่เกี่ยวกับกระดูกอีกด้วย แต่อะไรที่มากไปมักไม่เกิดผลดี ดังนั้นทางอุทยานจึงแนะนำให้ลงแช่น้ำแร่อย่างมากครั้งละ 10 นาที เพราะอุณหภูมิของน้ำแร่จะอยู่ที่ประมาณ 39-42 องศาC ดังนั้นถ้าแช่เกินกว่านี้อาจสุกได้ ไม่รับประกัน

แต่ถ้าใครเกิดหิวอยากกินไข่ต้ม ต้องไปที่บ่อน้ำร้อนแจ้ซ้อน ซึ่งมีหลายบ่อตั้งอยู่รวมกันในพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ บริเวณ ที่ทำการอุทยาน สภาพในบ่อน้ำร้อน เต็มไปด้วยโขดหินน้อยใหญ่ น้ำพุร้อนมีกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ อุณหภูมิเฉลี่ย 73 องศาเซลเซียส การต้มไข่ที่นี่ค่อนข้างพิเศษหน่อย จะใช้เวลาประมาณ 17 นาที ไข่สุก โดยที่ ไข่แดง จะสุกก่อนไข่ขาว ดังนั้นไข่ที่คุณจะได้ ก็จะเป็นไข่แดงสุก แล้วไข่ขาวดูเหลวๆหน่อยนั้นแหละ อร่อยเหาะ!!

แต่ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเดินป่า ตกกลางคืนนอนดูดาว ฟังเสียงจิ้งหรีดเรไร ก็ต้องที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล สภาพพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ซึ่งเป็นบรรยากาศที่เงียบสงบ และมีอุโมงค์ขุนตาลซึ่งเป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทยเป็นระยะทาง 1,352 เมตร โดยรถไฟใช้เวลาวิ่งผ่านประมาณ 5 นาที

นักเดินทางส่วนใหญ่เวลาไปต่างบ้านต่างเมืองมักจะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมืองนั้นๆ อย่างที่จ.ลำปาง ศาลเจ้าพ่อประตูผา (อยู่บนเส้นทางสายลำปาง-งาว)นับได้ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวลำปางให้ความเคารพเลื่อมใสศรัทธามาก โดยศาลนี้ สร้างขึ้นเพื่อ เป็นที่ระลึกถึง ทหารเอกของเจ้านครลำปาง ซึ่งได้สู้ศึกพม่าและถูกพม่าฆ่าตายที่ช่องประตูผานี้ ผู้ที่สัญจรไปมาบนเส้นทางนี้มักแวะนมัสการและจุดประทัดถวายเสมอ นอกจากนี้บริเวณเจ้าพ่อประตูผายังมีภาพเขียนสีอายุประมาณ 3,000 ปีก่อนประวัติศาสตร์ ให้เดินเที่ยวชม

ถัดจากการนมัสการพระธาตุลำปางหลวง สักการะศาลเจ้าพ่อประตูผา เดินป่าที่ดอยขุนตาล นอนแช่น้ำแร่ที่น้ำพุร้อนแจ้ซ้อนแล้ว เรามาดูความน่ารักของสัตว์สี่เท้า มีงวง ตัวโต๊โต แต่นิสัยน่ารักกันบ้างดีกว่ากับศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งใช้เป็นที่ฝึกลูกช้างแห่งเดียวในประเทศไทย โดยที่นี่จะมีการแสดงของช้างด้วย เช่น ช้างเข้าแถว ช้างทำงาน ช้างทักทาย และรับของรางวัลจากนักท่องเที่ยวเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบริการนั่งช้างรอบบริเวณซึ่งเป็นสวนป่า เพลินตาเพลินใจไปอีกแบบกับความน่ารักของเหล่าช้างแสนรู้ ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของจ.ลำปาง ทำการต้อนรับผู้มาเยือนด้วยการแสดงต่างๆ

หลายต่อหลายจังหวัดที่มีเขื่อนกักเก็บน้ำเป็นของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่จ.ลำปางก็มีเขื่อนกิ่วลม ที่นอกจากจะได้ใช้ประโยชน์จากการชลประทาน การผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวลำปางอีกด้วย โดยบริเวณเหนือเขื่อนเป็นอ่างเก็บน้ำ มีทัศนียภาพสวยงาม เหมาะแก่การล่องเรือหรือแพ สองฝั่งเป็นภูเขา หน้าผาสูงชัน น้ำในอ่างเป็นสีเขียวมรกต มีจุดน่าสนใจ เช่น ถ้ำเหล็กไหล แหลมชาวเขื่อน เกาะวังแก้ว เกาะชวนฝัน ถ้ำสมบัติ ผางาม ผาเกี๋ยง ทะเลสาบสบพุ บ้านสำเภาทอง นอกจากนี้ยังมีปลาชุกชุมเหมาะแก่การตกปลาเป็นยิ่งนัก

ส่วนของฝากที่เลื่องชื่อ แบบว่าถือกลับไปแล้วต้องรู้ว่ามาจากลำปางแน่ๆ เห็นจะหนีไม่พ้น ชามตราไก่ เนื่องจากจังหวัดลำปางมีแหล่งดินขาวที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทยและมีเป็นจำนวนมาก จึงก่อให้เกิดอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดินเผาขึ้น นอกเหนือจากจำพวกแก้ว ถ้วยชาม แจกัน หรือของที่ระลึกรูปทรงต่างๆแล้ว ชามตราไก่ ก็นับว่าได้รับความนิยมและถือเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างของเมืองลำปางเลยทีเดียว

แต่ถ้าจะพูดถึงของกินแล้ว นอกจากข้าวเหนียว น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่วแล้ว ขนมที่เป็นที่ชื่นชอบอีกอย่างคือ ข้าวแต๋นน้ำแตงโม นับเป็นของดีของฝากที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อหาติดไม้ติดมือกลับไปฝากญาติพี่น้องแล้ว ยังเป็นการช่วยสนับสนุนสินค้าของชาวชนบทอีกทางหนึ่งด้วย

สุดท้าย ท้ายสุด เมื่อท่องเที่ยวมาจนเย็นย่ำ ก็น่าที่จะนั่งรถม้าชมเมืองสักหน่อย เพราะไหนๆ ก็มาถึงลำปางแล้ว ซึ่งการนั่งรถม้าชมเมืองนอกจากจะได้เห็นบ้านเรือน สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่แล้ว ยังเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากพาหนะสี่ล้อขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องยนต์ มาเป็นพาหนะสี่ขาที่มีชีวิตและมีพละกำลังอย่างเหลือเชื่อ จนต้องขนานนามว่า “แรงม้า”ตัวจริงเสียงจริงอยู่ที่ จ.ลำปางนี่เอง

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สำนักงาน ททท.ภาคเหนือเขต 1 โทร. 0-5424-8604,0-5424-8607,0-5424-1466
ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย โทร.0-5422-8034 ,0-5422-9042
ศูนย์การท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง โทร. 0-5421-8823,0-5422-6812

อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลมีบริการบ้านพักรายละเอียดติดต่อ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร.0-2562-0760หรืออุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล โทร.0-5351-9216