xs
xsm
sm
md
lg

ชมผามออีแดง ก่อนเที่ยวเขาพระวิหาร (ตอนที่ 1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เขาพระวิหาร ทางขึ้นต้องผ่านด่านบนศรีสะเกษ ศีรษะ ฝรั่งเรียกว่าเฮด ศรีสะเกษติดกับเขมร คนไทยหรือคนเขมรต่างก็มองเห็นตั้งอยู่บนหน้าผา …” “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ได้ยินเพลงนี้เมื่อสิบกว่าปีก่อน สมัยนั้นยังเป็นเด็กก็ไม่ค่อยประสีประสาเรื่องประวัติศาสตร์เท่าใดนัก แต่พอโตขึ้นได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่เล่าเรื่องราวต่างๆในอดีตของปราสาทเขาพระวิหารให้ฟังก็เริ่มสนใจ และยิ่งพอรู้ว่าจะมีทริปไปปราสาทเขาพระวิหาร เลยยิ่งทำให้ตื่นเต้นไปใหญ่ เตรียมตัวจะไปตะลุยเที่ยวอย่างเต็มที่

แต่เส้นทางเดียวที่จะขึ้นไปสู่เขาพระวิหารได้นั้น อยู่ที่สุดเขตชายแดนประเทศไทยบริเวณผามออีแดง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร และยังเป็นสถานที่หลายคนมักมองข้ามในทิวทัศน์ความสวยงามและความสำคัญของประวัติศาสตร์ที่มีภาพหินแกะสลักอายุนับพันปีซ่อนอยู่ ทั้งที่บริเวณแห่งนี้คือพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวมักไม่ให้ความสนใจ มุ่งแต่จะข้ามแดนไปชมความสวยงามของปราสาทเขาพระวิหาร จนลืมที่จะใส่ใจเรื่องราวของบ้านเมืองเราเอง

เพื่อไม่ให้การไปครั้งนี้เสียเที่ยวและเสียชื่อ “ผู้จัดการท่องเที่ยว” จึงตัดสินใจที่จะเที่ยวชมบริเวณโดยรอบของผามออีแดงให้ทะลุปรุโปร่งเสียก่อน โดยก่อนอื่นได้ไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นจุดที่ให้บริการข้อมูลด้านการท่องเที่ยว ทั้งที่ปราสาทเขาพระวิหารและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และน้องๆ อาสาสมัครท่องเที่ยวพาเที่ยวและให้ความรู้ไปพร้อมๆกันด้วย

อย่างที่มาของชื่อผามออีแดง ก็มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่ามีครูผู้หญิงคนหนึ่งชื่อแดง นั่งรถอยู่ด้านหน้าคู่กับคนขับ จนมาถึงบริเวณหน้าผา รถเกิดเสียหลัก ครูแดงตกใจเลยกระโดดลงรถ แต่ปรากฏว่าโดนรถทับ ครูแดงไม่ได้เสียชีวิตทันที ต้องเจ็บปวดทนพิษบาดแผลอยู่นาน เมื่อครูแดงเสียชีวิตไปก็มีคนพบครูแดงมาหลอกหลอน บริเวณนี้ก็เลยมีชื่อเรียกว่า ผามออีแดง ตั้งแต่นั้นมา ... จบข่าว

จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวไปประมาณ 200 เมตร เป็นหน้าผามออีแดง ซึ่งเป็นหน้าผาหินสีแดงที่มีแนวผาหักชันลงสู่เบื้องล่าง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินราบที่ลาดชันไม่มากนัก และยังเป็นจุดชมทิวทัศน์อันกว้างไกลสุดสายตา สามารถมองเห็นปราสาทเขาพระวิหารที่ห่างออกไปประมาณ 1 กม. ได้ และเบื้องล่างยังมองเห็นทิวเขาและผืนป่าที่กว้างไกลในเขตประเทศกัมพูชาที่อยู่ต่ำลงไปหรือที่เรียกว่าเขมรต่ำ ถึงแม้จะมีรั้วและแนวหินกั้นขอบหน้าผา แต่นักท่องเที่ยวก็ต้องระมัดระวังให้ดี ไม่อย่างนั้นอาจจะได้ลื่นไถลไปเที่ยวเขมรโดยไม่ตั้งใจก็ได้

ทางทิศใต้ของผามออีแดง ทหารไทยที่มาประจำการที่บริเวณนี้ได้ค้นพบภาพแกะสลักนูนต่ำบนผนังหินทรายอยู่ใต้หน้าผา หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นทิศแห่งความก้าวหน้า ในช่วงที่ตะวันขึ้นและตะวันตก แสงของพระอาทิตย์จะส่องสะท้อนที่ภาพให้ความสวยงามอย่างมาก เป็นภาพของเทพที่คล้ายนางอัปสรา 3 องค์ เชื่อว่าเป็นที่ซ้อมมือของช่างในการแกะสลักก่อนเริ่มการแกะสลักจริงที่ปราสาทเขาพระวิหาร หรืออาจจะเป็นพิธีกรรมการเซ่นไหว้ของช่าง และยังมีภาพสลักลายเส้นเป็นรูปของพระนารายณ์อวตารปางวราหาวตารอยู่ด้วย สันนิษฐานว่าภาพแกะสลักนี้จะอายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 (ประมาณ 1,500 ปี) ซึ่งสันนิษฐานว่าเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย และปัจจุบันนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็ได้บรรจุให้ภาพแกะสลักผามออีแดง เป็นหนึ่งในอันซีนโครงการ 2 ด้วย

หากจะไปชมภาพแกะสลักที่อยู่บริเวณหน้าผามออีแดง ก็ไม่ต้องตกใจว่าจะต้องไปเรียนไต่หน้าผามาก่อนหรือเปล่า เพราะเขามีบันไดให้ไต่ลงไปชมได้โดยสะดวก แต่จะต้องค่อยๆ เดินเรียง 1-2 คนลงไป เพราะเป็นบันไดแคบๆ และระหว่างทางที่ลงไปจะเห็นมีคนเอาไม้ขนาดต่างๆ ไปค้ำยันตรงช่องหินของหน้าผา เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตยั่งยืน แต่บางคนก็ว่าเอาไม้ค้ำหินไว้เพราะกลัวหินจะหล่น จนเดินไปสุดทางบันไดก็ไม่ต้องแปลกใจว่าเหตุไฉนไยจึงต้องมีประตูเหล็กมากั้นคั่นระหว่างเรากับภาพแกะสลักด้วยหนอ อันนี้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก็ได้อธิบายว่า เพื่อป้องกันผู้คนจะเข้าไปขูดๆ ลูบๆ คลำๆ ขอหวยนั่นเอง แถมยังมีความเชื่อจากทางเขมรว่าถ้าผู้หญิงคนไหนได้จับหน้าอกของภาพแกะสลักแล้วก็จะทำให้หน้าอกของหญิงนั้นใหญ่ขึ้นได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ภาพแกะสลักถูกทำลายและเสื่อมสภาพเร็ว ก็จึงมีประตูเหล็กกั้นด้วยเหตุฉะนี้

บริเวณรอบผามออีแดง มีศาลา ม้านั่ง และมุมสวยๆสำหรับถ่ายภาพอยู่หลายจุด มีวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรก ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของคนที่มาเที่ยวชมผามออีแดงและปราสาทเขาพระวิหาร และใกล้กันนั้นยังเป็นที่ตั้งของเสาธงชาติไทยที่มีประวัติน่าสนใจคือ เมื่อครั้งเกิดข้อพิพาทไทย-กัมพูชา กรณีปราสาทเขาพระวิหาร ศาลโลกได้ตัดสินให้อธิปไตยเหนือปราสาทเขาพระวิหารแก่กัมพูชา เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 จอมพลประภาส จารุเสถียร รมว.มหาดไทยในสมัยนั้น ได้อัญเชิญเสาธงชาติไทยต้นนี้ ซึ่งเคยตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาพระวิหารบริเวณผาเป้ยตาดี มาตั้งไว้โดยไม่มีการลดธงลงจากยอดเสาตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2505

ที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ยังมีกิจกรรมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ ทั้งชมเขื่อน เที่ยวถ้ำ น้ำตก ดูนกอพยพ โดยเฉพาะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติกล้วยไม้ ระยะทางประมาณ 1.5 กม. มีกล้วยไม้หลากหลายชนิด เช่นเอื้องระฟ้า หรือกล้วยไม้เขาพระวิหาร นอกจากนี้ยังมีพืชสมุนไพรมากมายเหมาะแก่การศึกษาหาความรู้ และมีทิวทัศน์สวยงามเหมาะแก่การพักผ่อนเที่ยวชมธรรมชาติ และเข้าค่ายกางเต็นท์พักแรม “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ว่าคราวหน้าถ้ามีเวลาและโอกาสที่เหมาะสมก็จะกลับไปแบกเป้ตะลุยป่าฟังเสียงนกให้ฉ่ำใจสักครั้ง ใครสนใจก็ติดต่อไปที่อุทยานฯ ได้

เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ฝากมาบอกด้วยว่า ประมาณช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี จะมีการแข่งขันวิ่งฮาล์ฟ และควอเตอร์มาราธอนสู่ผามออีแดง ถือว่าเป็นเส้นทางที่ท้าทายและเป็นสนามประลองกำลังที่นักกีฬาวิ่งมาราธอนให้ความสนใจมากอีกแห่ง สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมแข่งขันด้วยก็คงต้องฟิตซ้อมแต่เนิ่นๆ ให้ดี

“ผู้จัดการท่องเที่ยว” โอ้เอ้วิหารราย ชื่นชมความงามของผามออีแดงอยู่นาน เลยยังไปไม่ถึงปราสาทเขาพระวิหาร คงจะต้องไปเที่ยวต่อในครั้งหน้า ไปดูกันซิว่าความมหัศจรรย์แห่งสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของผู้คนในยุคก่อน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของไทยนั้นยังอยู่ดีเช่นไรหรือไม่

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ถึงสระบุรี เลี้ยวขวาสู่ทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ก่อนถึงอำเภอสีคิ้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 24 ผ่านอำเภอปักธงชัย อำเภอสังขะและอำเภอขุขันธ์ ถึงสี่แยกตัดกับทางหลวงหมายเลข 221 เลี้ยวขวาเข้าสู่อำเภอกันทรลักษ์ แล้วต่อไปยังที่ทำการอุทยานฯ หรือ จากจังหวัดอุบลราชธานี ใช้ทางหลวงหมายเลข 2178 และ 221 ผ่านอำเภอวารินชำราบ อำเภอสำโรง อำเภอเบญจลักษ์ และอำเภอกันทรลักษ์
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่พักและสถานที่กางเต็นท์ได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร 0-4561-9214 , 0-1222-0798 หรือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทร.0-2579-7223, 0-2562-0760 www.dnp.go.th

กำลังโหลดความคิดเห็น