เพียงช่วงเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนปิดฉากปี 2568 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศดำเนินคดีความผิดร้ายแรงในตลาดหุ้นถี่ยิบนับสิบคดี ทั้งใช้มาตรการลงโทษและการกล่าวโทษทางอาญาสะท้อนให้เห็นว่าในตลาดหุ้นยังเต็มไปด้วยอาชญากรรม
วันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา ก.ล.ต.สร้างสถิติใหม่ ประกาศดำเนินคดีแก๊งปั่นหุ้น และแก๊งอินไซเดอร์หรือกลุ่มคนที่ใช้ขอมูลภายในซื้อขายหุ้น วันเดียวรวม 5 คดี
คดีแรก ก.ล.ต.ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งผู้กระทำความผิด 6 ราย กรณีซื้อหุ้น บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TFG) และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TFG-W1) โดยใช้ข้อมูลภายใน เรียกให้ชำระเงินจำนวน 1,125.19 ล้านบาท
ผู้กระทำผิด 6 รายประกอบด้วย นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการของ TFG นายนัฐวุฒิ เตียวสมบูรณ์กิจ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น TFG จำนวนเกินร้อยละ 5 ของทุนจดทะเบียน นายวุฒิพงศ์ หวังสมบูรณ์ดี (หรือนายวุฒิพงศ์ รัตนานนท์) นางสาวพนิดา ตรงธรรมกิจ นางสาวกัญญารัตน์ ตรงธรรมกิจ และ นางสาววรนาถ หวังสมบูรณ์ดี
คดีที่ 2 ก.ล.ต.ดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งผู้กระทำความผิด 7 ราย กรณีซื้อหุ้น บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (SF) โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน เปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่น โดยให้ผู้กระทำผิดชำระเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่งรวม 8,623,408 บาท รวมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารกับผู้กระทำความผิดทั้ง 7 ราย
ผู้กระทำความผิด 7 ราย ประกอบด้วย นางนภัสสร สุนทรมโนกุล พี่สาวของกรรมการของ MAJOR รายหนึ่ง เพ็ญทิพา องค์วาสิฏฐ์ พี่สาวของกรรมการของ MAJOR รายหนึ่ง นางสาวปภาวรินท์ ฉัตรกุล ณ อยุธยา นางสาวศิรดา สุนทรมโนกุล ) นายเกียรติ สุนทรมโนกุล สามีของนางนภัสสร นายนพพร วิฑูรชาติ ประธานกรรมการบริหาร กรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SF และนางสุพรรณ วิฑูรชาติ มารดาของนายนพพร
คดีที่ 3 ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 18 รายต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีสร้างราคาและ/หรือปริมาณการซื้อขายหุ้นบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ (OTO) ปัจจุบันคือ บริษัท เพียร์ ฟอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือPEER พร้อมทั้งรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
กลุ่มบุคคลรวม 18 รายที่ถูกกล่าวโทษประกอบด้วย นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ นายณัฐพงศ์ ศีตวรรัตน์ นางสาวรฐา วีระพงษ์ นายภาคภูมิ เติมเสรีกุล นายบุญเอื้อ จิตรถนอม นางสาวกิตติยา อุทกโยธะ บริษัท เน็กซ์ ทู แคปปิตอล จำกัด ปัจจุบัน คือ บริษัท เวลท์ พลัส โฮลดิ้ง จำกัด นายภิญโญ รุขพันธ์เมธี นายอมรเทพ วัชรพฤกษาดี นายอาดาม อินสว่าง นายปฏิพล ประวังสุข
นายชยานนท์ เชาวกิจเจริญ นายสถาพร โพธิ์ทอง นายสุวิทย์ ชีวะธรรม นายบุญเลิศ เอี้ยวพรชัย นางสาวณัฐกมล น้ำแก่ง นายพงศ์ภัทร ชีวะธรรม และนายชัยวัฒน์ พิทักษ์รักธรรม
ผู้ถูกกล่าวโทษทั้งหมดมีความสัมพันธ์ด้านส่วนตัว ทางเงิน และด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ ได้ร่วมกันหรือสนับสนุนกันในการสร้างราคา และปริมาณการซื้อขายหุ้น OTO ในระหว่างวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 - 3 พฤษภาคม 2566
คดีที่ 4 ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 8 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีสร้างราคาและ/หรือปริมาณการซื้อขายหุ้นบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือSA พร้อมทั้งรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
ก.ล.ต.ตรวจสอบพบพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่ากลุ่มบุคคลรวม 8 ราย ประกอบด้วยนายบุญเอื้อ จิตรถนอม นางสาวกิตติยา อุทกโยธะ นายภิญโญ รุขพันธ์เมธี นายภาคภูมิ เติมเสรีกุล นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ นายสถาพร โพธิ์ทอง นายสุวิทย์ ชีวะธรรม และนายพงศ์ภัทร ชีวะธรรม ซึ่งมีความสัมพันธ์ด้านส่วนตัว ทางเงิน และด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ ได้ร่วมกันสร้างราคาและ/หรือปริมาณการซื้อขายหุ้น SA ในระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 – 31 มีนาคม 2565 (รวม 167 วันทำการ)
และคดีสุดท้าย ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 9 ราย ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กรณีสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้นของบริษัท โคแมนชี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ COMAN และรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
จากการตรวจสอบพบพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่ากลุ่มบุคคลรวม 9 ราย ประกอบด้วยนายนิธิศ ศิลมัฐ นางสาวภัทชนก ธนฤทัยโรจน์ นายพัสกร ศิลมัฐ นางสาวชญาดา สุขกสิ นางสุภา วงค์อนุ นายวสวรรธน์ ประเสริฐศิลป์ นายเกียรติศักดิ์ เจริญสุข นายปานพงศ์ คิดรักเมือง และ นายวินัย วังเป็ง ซึ่งมีความสัมพันธ์ด้านส่วนบุคคล ทางการเงิน และการซื้อขายหลักทรัพย์ ได้ร่วมกันสร้างราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้น COMAN ระหว่างพฤศจิกายน 2565 ถึงกรกฎาคม 2566
การประกาศดำเนินคดีแก๊งอินไซเดอร์และแก๊งปั่นหุ้นของก.ล.ต.ในช่วงปลาย เหมือนปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรรมในตลาดหุ้นครั้งใหญ่ แต่ก็เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นว่า ในตลาดหุ้นอาชญากรยังชุกชุม พร้อมเปิดปฏิบัติโกงหรือปล้นประชาชนผู้ลงทุนตลอดเวลา และยังมีอาชญากรอีกจำนวนมากที่ยังหลุดรอดลอยนวล
ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนจำนวนมาก กลายเป็นอาชญากรร้าย เป็นตัวการก่อคดีปล้นนักลงทุน
ภารกิจสำคัญของ ก.ล.ต. ทำอย่างไรจึงจะป้องกันไม่ให้มหาโจรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนหลุดเข้ามาในตลาดหุ้นได้
ทำอย่างไรจะควบคุมไม่ให้ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน เป็นผู้ก่อคดีปล้นเสียเอง สร้างความเสียหายให้นักลงทุนนับล้านคนตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา


