xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 31.65-พลิกกลับมาอ่อนค่าลง'เร็ว แรง' ตามราคาทองคำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (30ธ.ค.68)ที่ระดับ 31.65 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดของวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.46 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.50-31.80 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่องทะลุโซนแนวต้าน 31.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้สำเร็จและเป็นการอ่อนค่ามากกว่ากรอบบนของสัปดาห์ที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า ซึ่งเรามองว่า เงินบาทอาจยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุโซน 31.40 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้ (แกว่งตัวในกรอบ 31.40-31.70 บาทต่อดอลลาร์) หลัง ราคาทองคำ (XAUUSD) เผชิญแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับบรรดาแร่โลหะมีค่า (Precious Metals) อื่นๆ จนราคาทองคำดิ่งลงเกือบ -3% สู่ระดับ 4,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง ตามแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่มีสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) และแรงขายเงินดอลลาร์จากผู้เล่นในตลาดบางส่วน อย่างฝั่งผู้ส่งออก ที่รอเงินบาทอ่อนค่าเหนือโซน 31.50 บาทต่อดอลลาร์ รวมถึงการเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ของเงินดอลลาร์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานการประชุม FOMC ของเฟดล่าสุด (ทยอยรับรู้ในช่วงราว 02.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม นี้ ตามเวลาประเทศไทย) รวมถึง รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีภาคธุรกิจของบรรดาเฟดสาขาต่างๆ เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะข้างหน้า

และเนื่องจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจจะมีไม่มาก ทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามพัฒนาการของสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังการเจรจาเพื่อยุติสงครามมีความคืบหน้ามากขึ้น รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับเวเนซุเอลา และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา หลังทั้งสองฝ่ายมีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) จะยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น จนถึง ตลอดช่วงไตรมาสแรกของปี 2026 แม้ว่าในช่วงสองวันนี้ โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทจะอ่อนกำลังลงชัดเจน หลังเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลง “เร็ว แรง” ตามการปรับตัวลดลงหนักของราคาทองคำ (ตามที่เราได้ระบุมาตลอดว่า การปรับฐานของราคาทองคำจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้) ซึ่งยังคงสะท้อนถึง ความสัมพันธ์ระหว่างราคาทองคำและเงินบาทที่อยู่ในระดับสูงอยู่ ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังคงส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาทและความผันผวนของค่าเงินบาท ทำให้เราขอเน้นย้ำว่า ผู้เล่นในตลาดยังคงต้องจับตาการเคลื่อนไหวของราคาทองคำอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะเห็นผลชัดเจนของมาตรการลดทอนผลกระทบจากราคาทองคำที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศในช่วงที่ผ่านมา (ควรจะต้องเห็น Correlation และ Beta ระหว่างเงินบาทกับราคาทองคำ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ปัจจุบัน ยังอยู่ในระดับสูงไม่ต่างจากค่าเฉลี่ยในรอบ 1 ปี มากนัก)

นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาททะลุแนวต้าน 31.50 บาทต่อดอลลาร์ ในวันก่อนหน้า ทำให้ หากประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following ใน Time Frame Daily (กราฟรายวัน) นั้น ควรจะต้องประเมินว่า เงินบาทอาจพลิกกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways เป็นอย่างน้อย หรืออาจอ่อนค่าลงได้บ้าง ในระยะสั้น โดยเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านถัดไปในช่วง 31.80-32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ หากราคาทองคำปรับตัวลดลงแรงอย่างต่อเนื่อง (Beta กับเงินบาท ในช่วงที่ราคาทองคำลดลงจะอยู่ที่ราว -0.23) แต่เราจะยังคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2026 ตราบใดที่ เงินบาทไม่ได้กลับมาอ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้าน 32.30-32.50 บาทต่อดอลลาร์ อย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นการพลิกกลับเทรนด์ใน Time Frame Weekly (กราฟรายสัปดาห์)

และที่สำคัญ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็ถือว่าเป็นช่วงหยุดยาวทำให้ปริมาณธุรกรรมในตลาดการเงินเบาบาง ทว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวัง ว่า เงินบาทเสี่ยงเคลื่อนไหว Two-way Risk หรือพร้อมเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง ได้พอสมควร หามีโฟลว์ธุรกรรมด้านใดด้านหนึ่งเข้ามากระทบตลาด โดยเฉพาะในช่วงวันทำการสุดท้ายของตลาดการเงินไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น