ท่ามกลางวิกฤตความเชื่อมั่นในโลกคริปโตฯ การปกป้องสินทรัพย์คือโจทย์ใหญ่ที่สุด “RTB Technology” เดินเกมรุกจับมือ “Ledger” เบอร์หนึ่งจากฝรั่งเศส ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยสู่ยุคใหม่ด้วยนิยาม “Signer” อุปกรณ์ลงนามธุรกรรมอัจฉริยะ เปรียบเสมือนตู้เซฟนิรภัยส่วนตัวที่ตัดขาดโลกออนไลน์ (Cold Storage) การันตีของแท้ 100% ลบภาพจำความเสี่ยงจากเครื่องหิ้ว พร้อมเปิดตัว 5 รุ่นเรือธงเจาะทุกเซกเมนต์ และจัดหนักแคมเปญส่งท้ายปีหั่นราคา Nano X ถึง 50% แถมแจก Bitcoin ฟรี หวังชิงส่วนแบ่งตลาดฮาร์ดแวร์วอลเล็ตในไทยแบบเบ็ดเสร็จ
เจาะลึกยุทธศาสตร์ จาก Hardware Wallet สู่ “Signer” มาตรฐานใหม่แห่งการครองสินทรัพย์
ในนาทีนี้ ไม่มีแกดเจ็ตใดในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกจับตามองไปมากกว่า “Ledger” (เลดเจอร์) แบรนด์เทคโนโลยีชั้นนำจากฝรั่งเศส ผู้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับวงการด้วยการรีแบรนด์นิยามจาก Hardware Wallet เดิมๆ สู่การเป็น “Signer” หรืออุปกรณ์ลงนามธุรกรรม ซึ่งถือเป็นการสื่อความหมายที่ตรงไปตรงมาและทรงพลังกว่าเดิม
นัยสำคัญของ “อุปกรณ์ลงนาม” คือการทำหน้าที่เป็นปราการด่านสุดท้าย เปรียบเสมือน “ตู้เซฟนิรภัยส่วนตัว” ที่เก็บรักษา Private Key (กุญแจส่วนตัว) ไว้ในรูปแบบออฟไลน์ ตัดขาดความเสี่ยงจากการถูกแฮก การโจรกรรมทางไซเบอร์ หรือการล่มสลายของตัวกลาง (Exchange) ทำให้ผู้ใช้งานมีอำนาจในการควบคุมสินทรัพย์ (Self-Custody) อย่างแท้จริง 100%
การขยับตัวครั้งสำคัญในตลาดไทย เกิดขึ้นผ่านความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่าง Ledger และ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด (RTB) ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เพื่อทลายกำแพงความกังวลของผู้บริโภคเรื่อง “ของหิ้ว-ของปลอม” โดยชูจุดแข็งเรื่องช่องทางจำหน่ายที่ครบวงจร ทั้งออฟไลน์ที่เปิดให้สัมผัสสินค้าจริง (Touch & Try) และออนไลน์ที่การันตีของแท้ พร้อมบริการหลังการขายที่หาไม่ได้จากตลาดเกรย์มาร์เก็ต
ผ่าฟอร์ม 5 ขุนพล “Signer” รุ่นใหม่ ชูนวัตกรรมที่มากกว่าแค่การเก็บเหรียญ
การบุกตลาดครั้งนี้ RTB ขนทัพ Ledger Signer มาถึง 5 รุ่น ครอบคลุมตั้งแต่นักลงทุนมือใหม่ไปจนถึงระดับวาฬ (Whale) โดยแต่ละรุ่นมีจุดเด่นและเทคโนโลยีที่น่าสนใจ ดังนี้
1. Ledger Stax™ with Ledger Recovery Key พรีเมียมล้ำสมัย
นี่คือที่สุดของนวัตกรรม ด้วยหน้าจอสัมผัส E Ink แบบโค้งมนรอบเครื่องขนาด 3.7 นิ้ว ดีไซน์สวยหรู มาพร้อมเทคโนโลยี Clear Signing ที่ช่วยให้ตรวจสอบธุรกรรมได้ชัดเจนด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย จุดเด่นคือหน้าจอที่ปรับแต่งด้วย NFT หรือรูปภาพได้แม้เครื่องปิดอยู่ ความปลอดภัยระดับสูงสุดด้วยชิป Secure Element (CC EAL6+) ระดับเดียวกับพาสปอร์ต รองรับกว่า 5,500 สกุลเงิน เชื่อมต่อครบครันทั้ง Bluetooth และ USB-C พร้อมระบบชาร์จไร้สาย Qi โดยกำหนดราคาอยู่ที่ 16,800 บาท (รับประกัน 1 ปี)
2. Ledger Flex™ with Ledger Recovery Key ความยืดหยุ่นที่ลงตัว
รุ่นรองท็อปที่มาพร้อมหน้าจอ E Ink สัมผัสและชิปความปลอดภัย Secure Element (CC EAL6+) โดดเด่นด้วยการจัดการธุรกรรมที่ลื่นไหลผ่าน Ledger Wallet ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และ NFC แบตเตอรี่อึด 200mAh เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัวแต่ยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยระดับสูง มีให้เลือก 4 สี (Graphite, BTC Orange, Neptune Blue, Oxidate Green) โดยกำหนดราคาอยู่ที่ 10,480 บาท (รับประกัน 1 ปี)
3. Ledger Nano Gen5™ with Ledger Recovery Key มาตรฐานใหม่แห่งยุค
การยกระดับตระกูล Nano ด้วยหน้าจอสัมผัส Secure Signer ขนาด 2.8 นิ้ว เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน พร้อมฟีเจอร์ปรับแต่งหน้าจอ Lock Screen เป็น NFT หรือ Art Toy จากศิลปินดังอย่าง Susan Kare (จำหน่ายแยก) รองรับการใช้งานข้ามแพลตฟอร์มอย่างสมบูรณ์แบบ โดยกำหนดราคาที่ 7,540 บาท (รับประกัน 1 ปี)
4. Ledger Nano X™ ราชาแห่งความคล่องตัว (Best Seller)
รุ่นยอดนิยมที่ออกแบบมาเพื่อไลฟ์สไตล์ Mobile-First เชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth จัดการพอร์ตได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยชิปความปลอดภัย CC EAL5+ หน้าจอ Trusted Display และปุ่มควบคุมทางกายภาพที่แม่นยำ รองรับสินทรัพย์กว่า 5,500 สกุล เป็นรุ่นที่บาลานซ์ระหว่างราคาและฟังก์ชันได้ดีที่สุด มีให้เลือกถึง 7 สี โดยมีราคาอยู่ที่ 6,280 บาท (รับประกัน 1 ปี)
5. Ledger Nano S Plus™ ป้อมปราการรุ่นเริ่มต้น
รุ่นเล็กแต่สเปกไม่ธรรมดา เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น หรือใช้เป็น Cold Storage เก็บยาวๆ เชื่อมต่อผ่าน USB-C (ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว) ใช้ชิปความปลอดภัยระดับ CC EAL6+ มั่นใจได้ในทุกธุรกรรม ราคาเข้าถึงง่ายแต่ปลอดภัยระดับโลก ราคาย่อมเยาว์เพียง 2,060 บาท (รับประกัน 1 ปี)
ทั้งนี้ รุ่น Stax, Flex และ Nano Gen5 มาพร้อมนวัตกรรม Ledger Recovery Key สมาร์ทการ์ดที่ช่วยกู้คืนการเข้าถึงสินทรัพย์ได้ง่ายเพียงแตะ แต่ยังคงทางเลือกการใช้ Seed Phrase 24 คำแบบดั้งเดิมไว้
สงครามราคา กับความเสี่ยงภัยสินทรัพย์ดิจิทัล โอกาสที่นักลงทุนต้องรีบคว้า
RTB ไม่ได้มาเล่นๆ แต่เปิดเกมรุกด้วยกลยุทธ์ราคา (Pricing Strategy) ที่ดุเดือดเพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนผ่านสู่การเก็บสินทรัพย์ด้วยตัวเอง โดยไฮไลต์อยู่ที่
1. Ledger Nano X ที่ราคาดึงดูดใจด้วยส่วนลดกว่า 50% เหลือเพียง 3,140 บาท (จาก 6,280 บาท) ราคานี้ถือว่าทุบสถิติและคุ้มค่าที่สุดในตลาด
2.แจก Bitcoin ฟรี สำหรับรุ่นท็อป เมื่อซื้อ Ledger Flex รับ Bitcoin Voucher มูลค่า 70 ดอลลาร์สหรัฐ และ Ledger Stax รับ Bitcoin Voucher มูลค่า 80 ดอลลาร์สหรัฐ (เมื่อสแกนและลงทะเบียนตามเงื่อนไข) โดยระยะเวลาโปรโมชั่น ตั้งแต่วันนี้ - 21 ธันวาคม 2568 เท่านั้น
ปูพรมช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์
เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุด ผู้สนใจสามารถหาซื้อ Ledger ทั้ง 5 รุ่น ได้ผ่านช่องทางที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ:
หน้าร้าน (Offline) : Dot Life (.Life) สาขาพารากอน และเซ็นทรัลเวิลด์, Tech House by Dotlife, King Power และ B2S เมกาบางนา
ออนไลน์ (Online) : Bitkub Academy, NocNoc, Lazada (Ledger LazMall), Shopee (Ledger by RTB) และเว็บไซต์หลักของ RTB Technology
การขยับตัวของ RTB และ Ledger ในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การขายอุปกรณ์ แต่คือการวางโครงสร้างพื้นฐานความปลอดภัยให้กับนักลงทุนไทย ในวันที่มูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลพุ่งทยาน การมี "Signer" ที่ไว้ใจได้ อาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อความปลอดภัยของพอร์ตโฟลิโอสินทรัพย์ดิจิทัลของนักลงทุน


