นักลงทุนทั่วโลกจับตาตลาดคริปโตใกล้ชิดหลังบิทคอยน์ส่งสัญญาณอ่อนแรงจนเสี่ยงหลุดลงไปทดสอบแนวรับจิตวิทยาที่ 70,000 ดอลลาร์ แต่นักวิเคราะห์ชั้นนำประสานเสียง “อย่าตื่นตูม” ชี้การดิ่งลงครั้งนี้คือการ “Reset Cycle” เพื่อปรับสมดุลตลาดมหภาค ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของยุคตกต่ำเหมือนปี 2565 เผยเบื้องลึกคือมหกรรมการ “ถ่ายเลือด” จากรายย่อยสู่นักลงทุนสถาบัน เพื่อปูทางสู่ขาขึ้นรอบใหม่ที่ยาวนานถึงปี 2572
ความผันผวนล่าสุดของ Bitcoin (BTC) ได้ปลุกกระแสความหวาดกลัวในหมู่นักลงทุนอีกครั้ง ว่าตลาดกระทิงกำลังจะจบลงและเข้าสู่ยุคมืดหรือไม่ แต่ในมุมมองของนักกลยุทธ์ระดับโลก การย่อตัวลึกครั้งนี้กลับถูกมองว่าเป็น “ความจำเป็น” ที่จะทำให้โครงสร้างตลาดในระยะยาวแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
แค่ ‘ผลัดไม้’ ไม่ใช่ ‘วิกฤต’
Jackis นักเทรดคริปโต ฯ ชื่อดัง วิเคราะห์ว่า การเคลื่อนไหวของราคาในขณะนี้คือการแกว่งตัวในกรอบเศรษฐกิจมหภาค (Macroeconomic range) ของปี 2568 โดยยืนยันว่า “ต่อให้ราคาลงไปแตะ 70,000 ดอลลาร์ ก็ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังกลับไปสู่ตลาดหมี”
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ต่างจากวิกฤตปี 2565 หรือต้นปี 2567 อย่างสิ้นเชิง เพราะไม่ได้เกิดจากความเสี่ยงเชิงระบบ (Systemic Risk) หรือการหนีตาย (Risk-off) แต่เป็นกระบวนการ “Supply Rotation” หรือการเปลี่ยนมือถือครองเหรียญ จากกลุ่มนักลงทุนยุคแรก (Early Holders) ไปสู่มือของ “นักลงทุนสถาบัน” (Institutional Participants) ที่กำลังทยอยเก็บของสะสมพลัง
สัญญาณเทคนิค RSI ร่วงต่ำชี้เป็นโอกาสทอง
ในเชิงเทคนิค Jelle นักวิเคราะห์ตลาดชี้ให้เห็นสัญญาณบวกที่ซ่อนอยู่ คือการเกิด “Bullish Divergence” ในกราฟราย 3 วัน ซึ่งในรอบวัฏจักรนี้ ทุกครั้งที่สัญญาณดังกล่าวปรากฏมักจะเป็นจุดกลับตัว (Local Bottoms) เสมอ
สอดคล้องกับมุมมองของ Julien Bittel หัวหน้าฝ่ายวิจัยมหภาคของ Global Macro Investor ที่กางสถิติชี้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ค่า RSI ของ Bitcoin ร่วงลงสู่โซน Oversold (ต่ำกว่า 30) ราคามักจะเข้าสู่เส้นทางการฟื้นตัวที่ชัดเจน แม้จะต้องเผชิญความผันผวนระยะสั้น (Choppy price action) เพื่อสร้างฐานใหม่ก็ตาม
Bittel ยังท้าทายความเชื่อเดิม ๆ โดยระบุว่า “Halving 4 ปี” อาจไม่ใช่ผู้กำหนดชะตาชีวิตของ Bitcoin อีกต่อไป แต่ปัจจัยขับเคลื่อนหลักในยุคนี้คือ “วัฏจักรการรีไฟแนนซ์หนี้” (Debt refinancing cycles) และสภาพคล่องโลก ซึ่งบ่งชี้ว่าโครงสร้างตลาดรอบนี้อาจลากยาวไปได้ไกลถึงปี 2569
Fidelity มอง 6.5 หมื่นดอลล์ คือ ‘โซนซื้อ’ ไม่ใช่ ‘โซนคัด’
ด้าน Jurrien Timmer ผู้อำนวยการฝ่าย Global Macro ของยักษ์ใหญ่ Fidelity มองภาพใหญ่กว่านั้น โดยระบุว่าช่วงปี 2565-2568 Bitcoin สร้างผลตอบแทนทบต้น (CAGR) ได้ถึง 105% ซึ่งเป็นไปตามโมเดลระยะยาว
เขายอมรับว่าในปี 2569 เราอาจได้เห็นการปรับฐานลงไปทดสอบกรอบ 65,000 - 75,000 ดอลลาร์ ได้แต่เขาเน้นย้ำว่าระดับดังกล่าวคือ “Strong Buy Zones” หรือจุดเข้าซื้อที่แข็งแกร่งที่สุด เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
Timmer คาดการณ์ว่าวัฏจักรในอนาคต กราฟอาจจะมีความชันลดลง (Flatter slopes) ตามวุฒิภาวะของตลาด แต่โมเดลราคายังคงชี้เป้าหมายที่ระดับ 300,000 ดอลลาร์ ภายในปี 2572 หากเฟสการขยายตัวรอบใหม่เริ่มต้นขึ้น ดังนั้น การปรับฐานในวันนี้จึงเป็นเพียงการ “เทปูนลงเสาเข็ม” เพื่อรองรับตึกสูงเสียดฟ้าในวันหน้าเท่านั้น


