xs
xsm
sm
md
lg

ออมสิน-ธ.ก.ส.-บสย. รับลูกมติกนง.ลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด0.25%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แบงก์รัฐทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยออมสินประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท สูงสุด 0.25%สนับสนุนนโยบายลดค่าครองชีพเป็นของขวัญปีใหม่ ด้านเงินฝากยังตรึงอัตราดอกเบี้ยเดิม เพื่อประโยชน์ของผู้ออมเงิน ขณะที่ธ.ก.ส. ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สูงสุดร้อยละ 0.25 ต่อปี โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทเงินเกินบัญชี (MOR) ลงร้อยละ 0.25 ต่อปี คงเหลือร้อยละ 6.125 ต่อปี อัตราดอกเบี้ยลูกค้านิติบุคคลชั้นดี (MLR) ปรับลดลงร้อยละ 0.10 ต่อปี คงเหลือร้อยละ 6.025 ต่อปี ด้านบสย. ลดดอกเบี้ย Prime Rate เหลือ 5.35% ต่อปี มีผล 19 ธ.ค. นี้

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน
เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในปี 2569 และต่อเนื่องในปี 2570 มีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและช่วยบรรเทาภาระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง ธนาคารออมสินจึงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทสูงสุด 0.25% ต่อปี

ซึ่งเป็นอัตราลดดอกเบี้ยสูงสุดตามมติ กนง. เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและเป็นของขวัญปีใหม่ให้ลูกค้าของธนาคาร โดยอัตราดอกเบี้ย MOR ลดลง 0.25% ต่อปี MLR ลดลง 0.15% ต่อปี และ MRR ลดลง 0.10% ต่อปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้าใช้วงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลดเหลือ 5.845% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้าสินเชื่อรายใหญ่ (MLR) ลดเหลือ 6.175% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้ารายย่อย (MRR) ลดเหลือ 6.195% ต่อปี โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้ง 3 ประเภทของธนาคาร (MOR/MLR/MRR) ยังคงต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 6 แห่ง 

สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยเดิมเพื่อรักษาประโยชน์ของผู้ฝากเงินตามภารกิจส่งเสริมการออมของธนาคาร

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายและสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน ธ.ก.ส. พร้อมช่วยบรรเทาภาระหนี้สินให้กับผู้ประกอบการ SME ภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ รวมถึงช่วยลดผลกระทบจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ให้ผู้ประกอบการ SME สามารถฟื้นตัวและดำเนินงานต่อได้ตามปกติในภาวะที่เศรษฐกิจยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ธ.ก.ส. จึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุดร้อยละ 0.25 ต่อปี ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทเงินเกินบัญชี (MOR) คงเหลือร้อยละ 6.125 ต่อปี อัตราดอกเบี้ยลูกค้านิติบุคคลชั้นดี (MLR) คงเหลือร้อยละ 6.025 ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ได้ออกมาตรการดูแลด้านหนี้สินอย่างครบวงจรให้กับเกษตรกรลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ มาตรการ พักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อยตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งมีผู้เข้าร่วมมาตรการเฟส 3 จำนวน 1.35 ล้านราย ต้นเงินกว่า 203,000 ล้านบาท และได้ดำเนินการฟื้นฟูอาชีพให้กับลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดการประกอบอาชีพให้กับผู้เข้าร่วมโครงการให้สามารถลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ระหว่างการเข้าร่วมมาตรการ รวมถึง ธ.ก.ส. ได้มีการสนับสนุนเงินทุนผ่านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายและการประกอบอาชีพของเกษตรกร ทั้งรายย่อยและผู้ประกอบการเกษตร อาทิ สินเชื่อแทนคุณ สินเชื่อเงินด่วนสิบหมื่น สำหรับสมาชิก อสม. และ อสส. วงเงินกู้ รายละไม่เกิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ต่อเดือน และสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ เพื่อสร้างรายได้คู่ขนานจากการทำการเกษตร อัตราดอกเบี้ย 5 ปีแรก MRR - 2 ต่อปี

ด้านนายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า บสย. ขานรับนโยบายรัฐบาล โดยได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ลง 0.25% ต่อปี คงเหลือ 5.35% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด และนับเป็นครั้งที่ 4 ของปี เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ บสย. จ่ายเคลมอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกหนี้ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป
กำลังโหลดความคิดเห็น