xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ ปลดล็อกคริปโต พ้นบัญชีภัยคุกคามการเงิน เปิดทางธนาคารลงทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฟ้าเปิดทางสะดวก! สภาตรวจสอบความมั่นคงทางการเงินสหรัฐฯ (FSOC) พลิกมติครั้งประวัติศาสตร์ ถอด ‘คริปโทเคอร์เรนซี’ ออกจากรายชื่อ ‘ภัยคุกคามระบบการเงิน’ ในรายงานปี 2568 รับอานิสงส์กฎหมาย GENIUS Act และนโยบายยุค ‘ทรัมป์’ ที่สั่งรื้อกฎเกณฑ์เก่าคร่ำครึ เปิดทางแบงก์ยักษ์ใหญ่กระโดดร่วมวงเต็มสูบ ด้าน JPMorgan ไม่รอช้า ประเดิมเปิดกองทุน Tokenized บน Ethereum โชว์ความเชื่อมั่น

นับเป็นสัญญาณบวกที่ชัดเจนที่สุดในรอบหลายปี เมื่อรายงานประจำปีฉบับล่าสุดความยาว 86 หน้าของ สภาตรวจสอบความมั่นคงทางการเงิน (FSOC) ที่ได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ได้ระบุถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยการถอดสินทรัพย์ดิจิทัลออกจากบัญชีรายชื่อสิ่งที่สร้างความเสี่ยงต่อระบบการเงิน (Systemic Threat) ซึ่งถือเป็นการกลับลำจากมุมมองเดิมในปี 2567 ที่เคยมองว่า Stablecoins คือจุดเปราะบางที่อาจก่อให้เกิดวิกฤตสภาพคล่อง

จาก ‘ผู้ร้าย’ สู่ ‘ผู้สร้าง’

รายงานปี 2567 เปลี่ยนโทนจากการตักเตือนที่น่าหวาดกลัว มาเป็นการเน้นย้ำถึง “การเติบโตอย่างรับผิดชอบ” และยอมรับบทบาทของคริปโทฯ ในฐานะนวัตกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยระบุว่าสินทรัพย์ดิจิทัลช่วยให้การทำธุรกรรมมีความปลอดภัยและรวดเร็วผ่านเทคโนโลยี Distributed Ledger แทนที่จะเป็นตัวบ่อนทำลายเสถียรภาพ

สกอตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยังได้ระบุในรายงานว่า การใช้งาน Stablecoin ที่อิงเงินดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยหนุนให้สถานะของเงินดอลลาร์ในระบบการเงินโลกแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

GENIUS Act กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญ

จุดเปลี่ยนสำคัญมาจากการผ่านร่างกฎหมาย GENIUS Act ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งถือเป็นกรอบกฎหมายระดับรัฐบาลกลางฉบับแรกที่เข้ามากำกับดูแล Payment Stablecoins กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้ผู้ออกเหรียญต้องสำรองสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และห้ามนำสินทรัพย์ไปหมุนเวียนซ้ำ (Rehypothecation) เพื่อป้องกันความเสี่ยง

สลาย ‘กรงขัง’ ธนาคารพาณิชย์

นอกเหนือจากกฎหมายใหม่ หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลางยังได้ยกเลิกคำแนะนำที่เข้มงวดซึ่งเคยกีดกันธนาคารไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับโลกคริปโทฯ

- ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) : ยกเลิกข้อกำหนดที่ต้องแจ้งล่วงหน้าสำหรับการให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล

- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) : ยุติโครงการตรวจสอบกิจกรรมพิเศษ (Novel activities supervision) และคืนอำนาจการกำกับดูแลสู่กระบวนการปกติ

ที่น่าตกใจคือ ข้อมูลจากสำนักงานบัญชีกลาง (OCC) เปิดเผยว่า ระหว่างปี 2563 ถึง 2566 ธนาคารยักษ์ใหญ่ทั้ง 9 แห่งของสหรัฐฯ เช่น JPMorgan Chase, Bank of America, Citibank และ Wells Fargo ได้กำหนดนโยบายกีดกันธุรกิจคริปโต ฯ โดยจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับธุรกิจอาวุธปืนและความบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่ง โจนาธาน กูลด์ (Jonathan Gould) ผู้ตรวจสอบบัญชีกลางระบุว่าเป็นการกระทำที่ “สร้างความเสียหายต่อธุรกิจที่ถูกกฎหมาย”

JPMorgan นำทัพ "TradFi ผนวก DeFi"

เพื่อตอบรับความชัดเจนของกฎระเบียบ JPMorgan Chase ได้เปิดตัวกองทุน Money-market Fund ในรูปแบบ Tokenized เป็นครั้งแรกบนเครือข่าย Ethereum โดยเริ่มระดมทุนด้วยเงินทุนของธนาคารเอง 100 ล้านดอลลาร์ กองทุนนี้เปิดให้นักลงทุนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้าลงทุนขั้นต่ำ 1 ล้านดอลลาร์ โดยรับทั้งเงินสดและเหรียญ USDC

จอห์น โดโนฮิว (John Donohue) หัวหน้าฝ่ายสภาพคล่องทั่วโลกของ JPMorgan ชี้ว่ามีความสนใจอย่างมหาศาลจากลูกค้าในเรื่อง Tokenization และธนาคารตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในตลาดนี้ สะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังก้าวข้ามจากขั้นทดลองไปสู่โครงสร้างพื้นฐานหลักของโลกการเงินยุคใหม่แล้ว