บล.เมย์แบงก์ฯ คงเป้า SET Index สิ้นปี 69 ที่ 1,370 จุด มองหุ้นไทยถูกสุดเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน ส่วน EPS ปีนี้โตเพียง 7% ซื้อขายบน P/E เพียง 11.5 เท่า ประเมินเลือกตั้งใหม่ "อนุทิน" ยังนั่งนายกฯ ต่อ เชื่อ election rally หนุน SET ก่อนเลือกตั้ง 1 เดือน พร้อมชู 10 หุ้นเด่น เน้นลงทุน FDI–ดาต้าเซ็นเตอร์
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ได้คงเป้าหมายดัชนี หรือ SET Index สิ้นปี 2569 ที่ระดับ 1,370 จุด แม้ว่ากำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2568 จะเติบโตเพียง 7% โดยมองว่าดาวน์ไซด์ต่อกำไรยังจำกัด และดัชนีมีมูลค่าน่าสนใจที่ P/E 11.5 เท่า (ไม่รวม DELTA) ทำให้เป็นตลาดหุ้นที่มีราคาถูกที่สุดเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน
เชียร์ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์-การค้า ให้ MTC, BBL, TRUE, MINT และ AP หุ้นเด่น
ทั้งนี้แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นในช่วงต้นปี เนื่องจากมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้น หลังการเลือกตั้ง (Election Rally) โดยให้น้ำหนักกับกลุ่มธนาคาร การเงิน โทรคมนาคม ท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกัน กลยุทธ์การลงทุนในธีมหลักของปี 2569 ได้แก่ ดาต้าเซ็นเตอร์ FDI และการค้า โดยยังให้น้ำหนักกับกลุ่มสาธารณูปโภค นิคมอุตสาหกรรม และอาหารและเครื่องดื่ม (F&B)
การขยายตัวของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นธีมสำคัญของอาเซียนในปี 2569 และไทยมีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จากกระแสดังกล่าว นอกจากนี้ยังคาดว่า FDI ในภาคส่วนอื่นๆ จะฟื้นตัวจากการเติบโตของคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) +21% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 และยังมีโอกาสปรับเพิ่ม หากมีความชัดเจนมากขึ้นในประเด็นภาษีศุลกากร ผสานกับนโยบาย FastPass เพื่อเร่งการอนุมัติ FDI จะช่วยปลดล็อกการลงทุนภาคเอกชนในไทย
ด้านการค้า คาดว่า FTA ไทย–EFTA (ลงนามต้นปี 2568 มีผลบังคับใช้ต้นปี 2569), FTA ไทย–สหภาพยุโรป (คาดลงนามไตรมาส 1/2569) และ CEPA ไทย–เกาหลี (ปลายปีนี้) จะช่วยหนุนการเติบโต ทั้งในมิติการลงทุนในระยะแรก และการค้าในระยะถัดไป โดยรวมแล้ว ข้อตกลงทางการค้าเหล่านี้อาจช่วยเพิ่ม GDP ไทยได้ราว 1.9% ในระยะใกล้
คงมุมมองให้น้ำหนักมากกว่าตลาด (OW) ในกลุ่มโทรคมนาคม สาธารณูปโภค อสังหาริมทรัพย์ และนิคมอุตสาหกรรม พร้อมปรับเพิ่ม 3 กลุ่มจากเท่าตลาด เป็นน้ำหนักมากกว่าตลาด ได้แก่ การเงิน ท่องเที่ยว และ F&B ซึ่งมองว่าเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักจากการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ในทางกลับกัน เรายังคงระมัดระวังต่อกลุ่ม ปิโตรเคมี อิเล็กทรอนิกส์ และพาณิชย์
สำหรับหุ้นเด่น แนะนำ MTC, BBL, TRUE, MINT และ AP เพื่อรับประโยชน์จากโอกาสเกิด election rally โดยเป็นหุ้น Top Picks ในแต่ละกลุ่มที่คาดว่าจะได้อานิสงส์สูงสุดจากการเลือกตั้ง ขณะที่การลงทุนตามธีม ดาต้าเซ็นเตอร์ FDI และการค้า เราชอบ WHA, AMATA, ITC, CCET และ GULF
คาดอนุทิน นั่งนายกฯ ต่อ แนะซื้อก่อนเลือกตั้ง 1 เดือน
ทั้งนี้ คาดว่านายอนุทินจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง โดยพรรคภูมิใจไทยจะได้ที่นั่งเป็นอันดับ 2 ในสภา และสามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากร่วมกับพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่น ๆ ได้ แม้พรรคประชาชนมีแนวโน้มได้ที่นั่งมากที่สุด แต่ไม่น่าจะเพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาลด้วยตนเอง
ดังนั้นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพหลังการเลือกตั้งจะช่วยปูทางให้ตลาดปรับตัวขึ้น เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นปัจจัยกดดันตลาดไทยมาตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุดในปี 2566
สถิติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2535 ชี้ว่า กลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการเล่น Election rally คือ ซื้อก่อนการเลือกตั้ง 1 เดือน (-1M) และขายหลังการเลือกตั้ง 1 เดือน (+1M) ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุดราว +4% ในช่วงเวลา 2 เดือนดังกล่าว


