ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ขานรับนโยบายกระทรวงการคลังที่มอบหมายให้สถาบันการเงินของรัฐทุกแห่งเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ครอบคลุม 10 จังหวัด โดยได้จัดทำ “มาตรการ ช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟู ผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้” เพื่อลดภาระทางการเงิน พร้อมทั้งสนับสนุนเงินทุนเพิ่มสภาพคล่องฉุกเฉินและฟื้นฟูธุรกิจให้กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ไอแบงก์พร้อมดำเนินมาตรการดังกล่าวอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อให้ความช่วยเหลือเข้าถึงลูกค้าธนาคารได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และสอดคล้องกับหลักการของสถาบันการเงินอิสลามที่ยึดมั่นในการยืนเคียงข้างลูกหนี้ในยามเกิดวิกฤต มาตรการดังกล่าวประกอบด้วย 3 มาตรการสำคัญ ครอบคลุมการช่วยเหลือลูกหนี้ในทุกระยะ ได้แก่ มาตรการที่ 1 การพักชำระหนี้ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของลูกหนี้ในช่วงวิกฤต โดยธนาคารให้พักชำระเงินต้นและยกเว้นกำไรเป็นระยะเวลา 12 เดือน เพื่อให้ลูกหนี้มีเวลาในการฟื้นฟูชีวิตและกิจการ มาตรการที่ 2 สินเชื่อเยียวยา เพื่อสนับสนุนเงินทุนฉุกเฉินให้แก่ลูกหนี้เดิมที่ได้รับผลกระทบ สามารถนำไปใช้ในการดำรงชีพ ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย หรือเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ และ มาตรการที่ 3 สินเชื่อฟื้นฟู เพื่อช่วยให้ลูกค้าบุคคลและผู้ประกอบการสามารถฟื้นฟูกิจการ ซ่อมแซมหรือปรับปรุงที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการ ตลอดจนลงทุนเพื่อกลับมาดำเนินธุรกิจได้ดั่งเดิม
นายธีระ ยีโกบ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารกลุ่มงานธุรกิจสาขา และผู้รับผิดชอบโครงการ Southern Sandbox กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากสถานการณ์มหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ไอแบงก์ได้เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่องในหลายมิติ ครอบคลุมทั้งมาตรการทางการเงิน “ไอแบงก์ไม่ทิ้งกัน” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้เดิมของธนาคาร ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะจังหวัดสงขลา อำเภอหาดใหญ่ ทั้งในรูปแบบการจัดตั้งศูนย์ประสานการขอรับความช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นอาหาร ที่พักพิง การรักษาพยาบาล หรือการช่วยเหลือเร่งด่วนอื่น ๆ ผ่าน ไอแบงก์ คอนแทค เซนเตอร์ พร้อมศูนย์รับบริจาคเงินเพื่อนำไปสนับสนุนภารกิจหลังน้ำลด โดยได้นำเงินบริจาคจากประชาชนส่งต่อเป็นความช่วยเหลือในรูปแบบถุงยังชีพฮาลาล และการจัดตั้งโรงครัวฮาลาล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่อย่างทั่วถึง
สำหรับมาตรการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟู ผู้ประสบอุทกภัยดังกล่าวครอบคลุม 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส คณะกรรมการธนาคารได้มีนโยบายเร่งให้ฝ่ายจัดการช่วยเหลือลูกค้าและออกมาตรการสอดรับกับนโยบายรัฐบาลเพื่อบรรเทาภาระทางการเงิน พร้อมเสริมสภาพคล่องให้ลูกหนี้บุคคลและผู้ประกอบการรายย่อยสามารถยืนหยัดและกลับมาฟื้นตัวได้เร็วที่สุดด้วย 3 มาตรการ ดังนี้
1) มาตรการช่วยเหลือพักชำระหนี้ – ธนาคารพักชำระเงินต้นและยกเว้นกำไรสูงสุด 12 เดือน สำหรับลูกหนี้ที่มียอดเงินต้นคงเหลือของสินเชื่อรวมทุกบัญชีไม่เกิน 1 ล้านบาท และพักชำระทั้งเงินต้นและกำไร 3 เดือน สำหรับลูกหนี้ที่มียอดเงินต้นคงเหลือของสินเชื่อรวมทุกบัญชีเกิน 1 ล้านบาท โดยลูกหนี้ที่ประสงค์ขอความช่วยเหลือในมาตรการ 1 สามารถยื่นความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการภายในวันที่ 31 มกราคม 2569
2) มาตรการสินเชื่อเยียวยา – ธนาคารให้วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100,000 บาท (ภายใต้วงเงินสินเชื่อสัญญาเดิม) พร้อมยกเว้นกำไร 6 เดือนแรก สำหรับลูกค้าที่มีการชำระเงินต้นในสัญญาเดิมมาแล้วตั้งแต่ 10,000 บาท ขึ้นไป กรณีลูกค้าชำระเงินต้นในสัญญาเดิมมาแล้วเกินกว่า 100,000 บาท จะได้รับการพิจารณาให้วงเงินได้ไม่เกิน 100,000 บาท พร้อมสิทธิอัตรากำไร 0% ตลอดระยะเวลา 12 เดือน พร้อมปลอดชำระเงินต้น 6 เดือนแรก ผ่อนได้นานสูงสุด 3 ปี และอัตรากำไรปีที่ 2 และ 3 เท่ากับ SPRR (ปัจจุบันเท่ากับ 8.05% ต่อปี) โดยลูกหนี้ที่ประสงค์ขอความช่วยเหลือในมาตรการ 2 สามารถยื่นความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการภายในวันที่ 31 มีนาคม 2569
3) มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู – ธนาคารพิจารณาให้วงเงินสินเชื่อประเภทนี้สูงสุด 5 ล้านบาทสำหรับลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ SMEs และสูงสุด 1 ล้านบาทสำหรับลูกค้าสินเชื่อบุคคล โดยวงเงิน 1 ล้านบาทแรก อัตรากำไร 0% ตลอดระยะเวลา 12 เดือน พร้อมปลอดชำระเงินต้น 3 เดือน ลูกหนี้ที่ประสงค์ขอความช่วยเหลือในมาตรการ 3 สามารถยื่นความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2569


