xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 31.91-รอรับรู้ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางสำคัญ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(9ธ.ค.68)ที่ระดับ 31.91 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.84 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.80-32.00 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาทยอยอ่อนค่าลงบ้าง จากแถวโซนแนวรับ 31.80 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 31.82-31.94 บาทต่อดอลลาร์) ตามจังหวะการรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ซึ่งได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดปรับสถานะถือครองบ้างก่อนที่จะรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟดที่จะถึงนี้ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการประชุมที่บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังและรับรู้ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 25bps ไปมากแล้ว (Fully Priced-In)

นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ดังกล่าวยังได้กดดันให้ ราคาทองคำ (XAUUSD) มีจังหวะย่อตัวลงอีกครั้ง ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นบ้างและแกว่งตัวแถวโซน 4,190 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามแรงซื้อในจังหวะย่อตัว (Buy on Dip) ของผู้เล่นในตลาด ซื้อโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้างเช่นกัน ทั้งนี้ การรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์เป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างก็รอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟดที่จะถึงนี้

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTS Job Openings) ยอดการจ้างงานภาคเอกชน รายสัปดาห์ โดย ADP รวมถึง แนวโน้มการจ้างงานในภาคธุรกิจขนาดเล็ก ในรายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจขนาดเล็ก (NFIB Small Business Optimism) ในเดือนพฤศจิกายน

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ BOE

ทางฝั่งเอเชีย บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) อาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.60% ไปก่อน ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวดีขึ้น ทว่าอัตราเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของผู้ว่าฯ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของ BOJ โดยเฉพาะในการประชุมเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้

และนอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามพัฒนาการของสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังสหรัฐฯ ได้พยายามยุติสงครามดังกล่าวอีกครั้ง รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา หลังการสู้รบตามแนวชายแดนได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) มีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น และอาจจบสิ้นปีแถวระดับ 31.85+/-0.25 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่เราคาดการณ์ไว้ในรายงานบทวิเคราะห์ Global FX Outlook 2026 (สามารถอ่านได้ใน LineOA หรือขอรับบทวิเคราะห์ฉบับบเต็มจากทาง Sales ของ Krungthai Global Markets) สอดคล้องกับโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทที่ยังคงมีกำลังอยู่ อย่างไรก็ดี เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดอาจรอรับรู้ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางสำคัญ ทั้ง เฟด ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รวมถึง ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานะถือครองที่ชัดเจนอย่างมีนัยสำคัญได้ โดยเฉพาะในส่วนของการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า หลังผู้เล่นในตลาดได้คาดหวังและรับรู้แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดไปหมดแล้ว (Fully Priced-In) ทำให้อาจต้องระวังความเสี่ยงที่มุมมองของผู้เล่นในตลาดจะปรับเปลี่ยนจากวันนี้ จนถึงช่วงการประชุมเฟด รวมถึง ความเสี่ยงที่สุดท้ายเฟดอาจคงดอกเบี้ย สวนทางกับการคาดการณ์ของตลาด (รวมถึงเรา) ได้

ในส่วนของวันนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนของตลาดการเงินที่อาจสูงขึ้น ในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในส่วนของข้อมูลตลาดแรงงาน อย่าง ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTS Job Openings) โดยหากข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ยังคงสะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง ก็อาจไม่ได้กระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดอย่างมีนัยสำคัญ โดยเงินดอลลาร์อาจเคลื่อนไหว Sideways หลังผู้เล่นในตลาดอาจเลือกที่จะรอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟด แต่หากข้อมูลดังกล่าวออกมาดีกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง ทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้
กำลังโหลดความคิดเห็น