xs
xsm
sm
md
lg

โลกการเงินดิจิทัลสะเทือน อียูคุมเข้มคริปโต สหรัฐฯ พลิกเกม แบงก์ยุโรปท้าชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โลกการเงินดิจิทัลระส่ำหนักเมื่อระเบียบโลกใหม่กำลังถูกจัดสรร! สหภาพยุโรปเปิดฉากเชือดไก่ให้ลิงดู สั่งปรับ ‘X’ มหาศาลเซ่นปมคอนเทนต์ผิดกฎหมาย พร้อมดันแผนส่งไม้ต่อ ‘ESMA’ คุมตลาดคริปโตแบบ One Stop Service หวังปิดช่องโหว่กฎหมายรายประเทศ ด้านกลุ่มแบงก์ยักษ์ใหญ่ยุโรปผนึกกำลังผุด ‘Stablecoin’ ยูโร ท้าชนเจ้าตลาดเดิม ขณะที่ ‘IMF-แอฟริกาใต้’ ประสานเสียงเตือนภัยความเสี่ยงทางการเงินที่อาจลุกลามจนคุมไม่อยู่ สวนทางสหรัฐฯ ที่เริ่มผ่อนคลายไฟเขียวเทรดสปอตบนตลาดฟิวเจอร์ส

อียูฟาดแส้ ‘X’ 140 ล้านยูโร-สัญญาณเตือนแพลตฟอร์มคริปโต

หน่วยงานกำกับดูแลด้านเทคโนโลยีของยุโรปได้ลงดาบอาญาสิทธิ์ สั่งปรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X (อดีต Twitter) เป็นเงินสูงถึง 120 ล้านยูโร (ประมาณ 140 ล้านดอลลาร์) ฐานละเมิดกฎหมาย Digital Services Act (DSA) ของสหภาพยุโรป

บทลงโทษนี้เป็นผลสรุปจากการสอบสวนยาวนานกว่า 2 ปี ซึ่งชี้ชัดว่า X ล้มเหลวในการจัดการกับเนื้อหาผิดกฎหมายและเป็นอันตราย ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องหมาย “Blue Check” บนแพลตฟอร์มของ อีลอน มัสก์ ยังถูกตราหน้าว่าเป็นการ “หลอกลวง” ผู้บริโภค เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรม และทำลายความสามารถของผู้ใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของบัญชี

การเชือดไก่ให้ลิงดูครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกวาดล้าง Big Tech โดย TikTok เองก็รอดตัวหวุดหวิดหลังยอมอ่อนข้อ อย่างไรก็ตาม การกระทำต่อ X กำลังสร้างรอยร้าวข้ามมหาสมุทร เมื่อ เจ.ดี. แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกโรงป้องว่าอียูไม่ควร “โจมตี” บริษัทอเมริกัน

นัยสำคัญที่ต้องจับตาคือ กฎหมาย DSA ฉบับนี้จะครอบคลุมไปถึงแพลตฟอร์มคริปโต, DeFi และตลาด NFT หากมีการขยายตัวถึงระดับที่มีนัยสำคัญ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการจัดการโฆษณาและเนื้อหาทางการเงินในอนาคต

ที่มา: JD Vance
แบงก์ยุโรปผนึกกำลังปั้น ‘Qivalis’ ท้าชน-ก.ล.ต. ยุโรปจ่อรวบอำนาจ

ในขณะที่ฝั่งเทคโนโลยีถูกคุมเข้ม ฝั่งสถาบันการเงินดั้งเดิมกลับรุกคืบ กลุ่มธนาคารยักษ์ใหญ่ 10 แห่ง นำโดย BNP Paribas, ING และ Danske Bank เตรียมเปิดตัว “Stablecoin” ที่หนุนหลังด้วยเงินยูโรในช่วงครึ่งหลังของปี 2569 ภายใต้ชื่อโครงการ “Qivalis” โดยมีฐานบัญชาการในอัมสเตอร์ดัม หวังสร้างทางเลือกใหม่ในการชำระเงินและกอบกู้อธิปไตยทางการเงินในยุคดิจิทัล

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวใหญ่ที่คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) เสนอให้โอนอำนาจการกำกับดูแลโครงสร้างพื้นฐานตลาดที่สำคัญ รวมถึงผู้ให้บริการสินทรัพย์คริปโต (CASPs) ทั้งหมด ไปอยู่ภายใต้การดูแลของ ESMA (ก.ล.ต. ยุโรป) เพียงผู้เดียว

ข้อเสนอนี้มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหา “มาตรฐานที่ไม่เท่าเทียม” ในการบังคับใช้กฎหมาย MiCA ของแต่ละประเทศสมาชิก โดยมีฝรั่งเศส อิตาลี และออสเตรีย เป็นหัวหอกเรียกร้องให้รวมศูนย์อำนาจ เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำในการกำกับดูแล

ที่มา: รักษาการประธาน CFTC Caroline Pham
สหรัฐฯ พลิกเกม ไฟเขียว Spot Crypto บนตลาดฟิวเจอร์ส

ข้ามฝั่งมาที่สหรัฐอเมริกา คณะกรรมาธิการการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ได้อนุมัติให้ผลิตภัณฑ์ Spot Cryptocurrency สามารถซื้อขายในตลาดฟิวเจอร์สได้แล้ว ซึ่ง แคโรไลน์ แฟม รักษาการประธาน CFTC ระบุว่าเป็นกลยุทธ์ดึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้กลับเข้าสู่ “ตลาดที่ปลอดภัยของสหรัฐฯ” (Onshore) ภายใต้คำแนะนำของทำเนียบขาว

ความเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการเตรียมพร้อมรับมือยุคผลัดใบทางการเมือง โดยแฟมเตรียมลงจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้ ไมเคิล เซลิก ตัวเก็งจากรัฐบาลทรัมป์เข้ามารับไม้ต่อ

แอฟริกาใต้อยู่อันดับสองของทวีปในด้านมูลค่าที่ได้รับจากคริปโต ที่มา: Chainalysis
IMF-แอฟริกาใต้ ประสานเสียง "เฝ้าระวังระเบิดเวลา Stablecoin

ทางด้านซีกโลกใต้และองค์กรการเงินระดับโลก กลับมองต่างมุมธนาคารกลางแอฟริกาใต้ ได้ออก “ธงแดง” เตือนภัยความเสี่ยงจาก Stablecoin และคริปโตเคอร์เรนซี โดยชี้ว่าธรรมชาติที่ไร้พรมแดนของมัน คือช่องโหว่ชั้นดีในการหลบเลี่ยงกฎระเบียบทางการเงิน และความเสี่ยงอาจลุกลามจากโลกคริปโตสู่ระบบการเงินดั้งเดิม หากไร้กฎหมายควบคุมที่รัดกุม

สอดรับกับรายงานล่าสุดจาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ตอกย้ำความเสี่ยงของ Stablecoin โดยเฉพาะประเด็น “การแทนที่สกุลเงิน” (Currency Substitution) ซึ่งอาจบ่อนทำลายอธิปไตยทางการเงินของชาติ โดยเฉพาะการใช้ผ่าน Wallet ส่วนตัวที่ตรวจสอบไม่ได้

IMF ยังเตือนถึงความเสี่ยงกรณีผู้ออกเหรียญล้มละลายและไม่มีการรับประกันการไถ่ถอน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะ “Bank Run” ในโลกคริปโต อย่างไรก็ตาม IMF ยังยอมรับในข้อดีเรื่องความรวดเร็วในการโอนเงินข้ามพรมแดน แต่ย้ำว่าต้องมาชั่งน้ำหนักกับความเสี่ยงมหันตภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ