ตลาดคริปโตฯ คึกคักรับข่าวใหญ่! ยักษ์ใหญ่จัดการกองทุน “Vanguard” ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ประกาศปลดล็อกลูกค้าซื้อกองทุน ETF บิทคอยน์-อีเธอร์เรียม-Solana-XRP ส่งผลราคา BTC ดีดตัวแรงเกือบ 7% ทะลุแนวต้าน 93,000 ดอลลาร์ทันที ด้านนักวิเคราะห์บลูมเบิร์กขนานนามปรากฏการณ์นี้ว่า “Vanguard Effect” ชี้ชัดพลังเงินทุนจากกลุ่มอนุรักษนิยมที่อัดอั้นมานาน คือเชื้อเพลิงชั้นดีที่จุดพลุความร้อนแรงรอบนี้
นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Bloomberg Intelligence ได้ออกมาขนานนามการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงของราคา Bitcoin (BTC) ในครั้งนี้ว่าเป็น “The Vanguard Effect” หรือ “ปรากฏการณ์แวนการ์ด” หลังจากที่ยักษ์ใหญ่แห่งวงการจัดการสินทรัพย์ได้ตัดสินใจกลับลำนโยบายครั้งสำคัญ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Vanguard ได้ยกเลิกมาตรการแบนผลิตภัณฑ์คริปโทเคอร์เรนซี โดยอนุญาตให้ลูกค้าสามารถเข้าซื้อกองทุน ETF และกองทุนรวมที่มีนโยบายถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลหลักๆ ได้แก่ Bitcoin, Ethereum, XRP และ Solana ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือของสถาบันการเงินที่ขึ้นชื่อเรื่องความระมัดระวัง
เอริก บัลชูนาส (Eric Balchunas) นักวิเคราะห์กองทุน ETF ชื่อดังจาก Bloomberg มองว่า นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเพราะการเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ราคา Bitcoin ตอบรับในเชิงบวกทันที โดยพุ่งขึ้น 6.98% จากระดับ 87,019 ดอลลาร์ ทะยานสู่ 93,099 ดอลลาร์ ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
“The Vanguard Effect บิตคอยน์กระโดด 6% ทันทีที่ตลาดสหรัฐฯ เปิดทำการ ในวันแรกหลังการยกเลิกแบน ETF บังเอิญงั้นหรือ? ผมไม่คิดอย่างนั้น” บัลชูนาส ระบุ
เขายังชี้ให้เห็นข้อมูลที่น่าสนใจว่า ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ของกองทุน IBIT (Bitcoin ETF ของ BlackRock) พุ่งทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ ภายใน 30 นาทีแรกของการซื้อขาย
“ผมรู้อยู่แล้วว่าพวกชาวแวนการ์เดียน (Vanguardians - ลูกค้าของ Vanguard) ก็มีเลือดนักเก็งกำไร (Degen) แฝงอยู่เหมือนกัน แม้แต่นักลงทุนที่อนุรักษนิยมที่สุด บางครั้งก็ยังอยากจะเติม ‘ซอสพริก’ (ความเสี่ยง/รสชาติจัดจ้าน) ลงไปในพอร์ตการลงทุนของพวกเขาบ้าง”
บัลชูนาส ยังกล่าวติดตลกทิ้งท้ายว่า “บอกตามตรงว่าการที่ Vanguard จะกลายมาเป็นอัศวินขี่ม้าขาวช่วยบิทคอยน์ ไม่ได้อยู่ในลิสต์คำทำนาย (Bingo card) ปี 2568 ของผมเลยสักนิด”
ระวัง ‘แรงซื้ออัดอั้น’ อาจเป็นแค่พลุวูบเดียว
แม้บัลชูนาสจะมองว่าการกลับลำของ Vanguard เป็นปัจจัยบวกต่ออุตสาหกรรม แต่เขาก็เตือนว่าการกระโดดขึ้นของราคาในครั้งนี้ อาจเป็นเพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (One-time event)
“ผมคิดว่ามีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่เกิดภาวะ ‘อุปสงค์ที่อัดอั้น’ (Pent-up demand) รอคอยที่จะซื้อมานาน และเมื่อแพลตฟอร์มเปิดให้ซื้อได้ ก็ถือเป็นเรื่องดี แต่เราไม่อาจรู้ได้ว่าคนอื่นๆ จะจัดสรรเงินทุนเข้ามาเพิ่มเมื่อไหร่ ที่สำคัญคือคุณจะไปหวังพึ่งพากลุ่มนักลงทุนรุ่นเก๋า (ETF Boomers) ให้มาแบกตลาดตลอดไปไม่ได้” นักวิเคราะห์ทิ้งท้ายเตือนสติ


