xs
xsm
sm
md
lg

กกร.คาดอุทกภัยใต้กระทบจีดีพี2-3หมื่นล.-กังวลบาทแข็ง-วอนแบงก์ชาติดูแล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบัน(กกร.)ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2569 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ 1.6 ถึง 2.0% โดยมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ยังไม่แน่นอน การแข่งขันจากสินค้านำเข้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งกระทบภาคการผลิต การจ้างงาน และกำลังซื้อในประเทศ ดังนั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการแก้ปัญหาระยะสั้น โดยเฉพาะการฟื้นฟูจากอุทกภัย ควบคู่กับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจผ่าน Reinvent Thailand เพื่อยกระดับศักยภาพของธุรกิจ สร้างความแข็งแกร่งตลอด Supply Chain ด้วยหลักคิด “พี่ช่วยน้อง” รวมถึงส่งเสริมการใช้ Local content และสินค้า Made in Thailand ผ่านกลไกต่างๆ อาทิ มาตรการภาษี การสนับสนุนเงินทุน และการให้แต้มต่อผ่านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการสนับสนุนของรัฐบาลที่ล่าสุด ครม.มีมติเห็นชอบออกมาตรการ “Quick Big Win” เพื่อ SMEs ไทย

"อุทกภัยในภาคใต้ ส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของครัวเรือนและธุรกิจอย่างมาก บางพื้นที่เป็นสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง (ระดับ 4) เทียบเคียงกับเหตุการณ์สึนามิในปี 2547 สร้างความเสียหายนับแสนล้านบาทที่จำเป็นต้องซ่อมแซมฟื้นฟู และยังส่งผลกระทบต่อรายได้ โดยในช่วงเดือน ธ.ค. 2568 สูญเสียรายได้ราว 2-3 หมื่นล้านบาท หรือ 0.1% ถึง 0.2% ของ GDP ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยทั้งปีขยายตัวได้เพียง 2.0% สำหรับในปี 2569 ประเมินผลกระทบต่อรายได้ราว 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งในสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ที่ผ่านมา การตอบรับด้านมาตรการของภาครัฐทำได้ดี แต่การบริหารด้านบริการรวมถึงการสื่อสารอาจจะยังทำได้ไม่ดี ทำใหเกิดความไม่เข้าใจในหลายส่วน จึงต้องมีการดูแลเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความร่วมมืออันดีต่อไป"

ด้านเศรษฐกิจโลกในปี 2569 มีทิศทางชะลอตัวลง โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่อยู่ในภาวะ over supply ปัจจัยหลักจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ ส่งผลให้จีนต้องปรับกลยุทธ์หันมาพึ่งพาภาคการส่งออกมากขึ้นเพื่อประคองเศรษฐกิจ เป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ซึ่งจะส่งผลสืบเนื่องให้ธุรกิจไทยต้องเผชิญการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น

**กังวลบาทแข็ง-วอนแบงก์ชาติดูแล**
อีกปัจจัยที่กกร.มีความกังวลคือเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาก โดย 7 เดือนที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้น 7%เป็นอันดับสองของภูมิภาครองจากมาเลเซีย ซึ่งในส่วนนี้จะกระทบต่อภาคส่งออก โดยเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าอย่างเวียดนามแล้ว เงินดองอ่อนค่าลง 3%กว่า ทำให้ขีดความสามารถด้านการส่งออก-ต้นทุนต่างๆห่างกันถึง 10% รวมถึงกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวด้วย โดยพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวหันไปในประเทศที่ค่าเงินอ่อน อาทิ ญี่ปุ่น หรือเวียดนาม ดังจะเห็นว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเวียดนามที่เพิ่มขึ้น 3 ล้านคน ซึ่งก็ใกล้เคียงกับนักท่องเที่ยวจีนที่้หายไปจากไทย เป็นต้น

"ในเรื่องของค่าเงินบาทนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ก็ได้มีการดูแลอยู่แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องคำเตือนของสหรัฐฯในเรื่องการแทรกแซงค่าเงิน แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจว่าอย่างเวียดนามยังทำอย่างไรค่าเงินดองจึงอ่อนได้ไม่ผิดเกณฑ์ของสหรัฐฯ ขณะที่ประเทศไทยซึ่งมีพื้นฐานเศรษฐกิจในแนวโน้มชะลอตัวแต่เงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นสวนทางกัน ซึ่งตรงนี้ก็คงฝากธปท.ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลอยู่"

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าก็ต้องยอมรับว่ายังคงเหนื่อย โดยเท่าที่มีการประเมินกันนั้นจีดีพีปีหน้ากรอบการเติบโตจะประมาณ 1.5-1.8% จากปัจจัยท้าทายในความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงยังคงต้องประเมินให้มีความคมชัดมากขึ้น เนื่องจากยังไม่รวมถึงสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ที่ผ่านมา ขณะที่สภาพคล่องในระบบและระดับหนี้สาธารณะของประเทศอยู่ในภาวะน่ากังวล ทำให้รัฐบาลและหน่วยงานกำกับจำเป็นต้องเร่งพิจารณามาตรการดูแลอย่างจริงจัง

และที่สำคัญประเทศไทยกำลังเผชิญกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้นจนกลายเป็น “New Normal” ซึ่งต้องให้ความสำคัญในเรื่องของมาตรฐานด้านการประเมินความเสี่ยงในปัจจุบันมีเพียงพอหรือไม่ เนื่องจากภัยพิบัติและในแต่ละปีมีความรุนแรงขึ้น ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้พร้อมกับความเสี่ยงที่ตามมา

"โครงสร้างเศรษฐกิจและทรัพยากรของรัฐ ว่าจำเป็นต้องทบทวนว่า เครื่องมือใดจะช่วยดูแลกลุ่มเปราะบางได้จริง ทั้งระบบสวัสดิการ ประกันถ้วนหน้า และทรัพยากรจากภาษีประชาชนที่ส่งเข้าไปในระบบสังคม ซึ่งประเด็นดังกล่าวจำเป็นต้องเร่งพูดคุยและยกระดับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น"

ในส่วนของธนาคารพาณิชย์นั้น ด้านความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติได้ถูกบรรจุเป็นหนึ่งในความเสี่ยงหลักของระบบธนาคารแล้ว โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ให้ธนาคารพาณิชย์ทำ Stress Test (การทดสอบภาวะวิกฤติจำลองเพื่อประเมินความมั่นคงและความแข็งแกร่งของธนาคารในการรองรับสถานการณ์ที่รุนแรงในอนาคต) เฉพาะด้านภัยพิบัติ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่หาดใหญ่และจังหวัดสงขลา ขณะนี้แต่ละธนาคารอยู่ระหว่างการประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับลูกค้าอย่างละเอียด โดยลูกค้าจำนวนมากเริ่มทยอยกลับไปตรวจสอบทรัพย์สินและสถานประกอบการของตนเอง เพื่อประกอบการยื่นเคลมประกันภัย ทำให้ระบบต่างๆ ต้องใช้เวลาในการประมวลและดำเนินการตามขั้นตอน ขณะท่่มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับ (ธปท.) สอดคล้องกับกรอบที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดไว้ล่าสุด ทั้งนี้ มาตรการใดที่จะบังคับใช้จะต้องผ่านความเห็นชอบของธปท. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลโดยตรงของธนาคารพาณิชย์
กำลังโหลดความคิดเห็น