xs
xsm
sm
md
lg

เจพีมอร์แกนปะทะชุมชนบิทคอยน์ หลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ BTC หวังกินรวบตลาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มหากาพย์ความขัดแย้งครั้งใหม่ในโลกการเงินปะทุขึ้น เมื่อชุมชนผู้สนับสนุนบิทคอยน์และ MicroStrategy (MSTR) ผู้ถือครองบิทคอยน์รายใหญ่ที่สุดในโลก ลุกฮือขึ้นวิพากษ์วิจารณ์ยักษ์ใหญ่แห่งวอลล์สตรีทอย่าง “เจพีมอร์แกน” อย่างหนักหน่วง หลังธนาคารดังยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต.สหรัฐฯ เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทางการเงิน BTC แบบมีเลเวอเรจ ท่ามกลางข้อครหาว่าธนาคารกำลังปล่อยข่าวลบ (FUD) เพื่อบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ถือครองคริปโตฯ เป็นทุนสำรอง หวังเตะตัดขาคู่แข่งแล้วผงาดขึ้นกินรวบตลาดเสียเอง

ความเคลื่อนไหวที่จุดชนวนความไม่พอใจครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่มีการเปิดเผยเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ระบุว่า เจพีมอร์แกนเตรียมแผนที่จะเปิดตัว “ตราสารหนี้ที่มีบิตคอยน์หนุนหลัง” (Bitcoin-backed notes) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบมีเลเวอเรจ โดยอ้างอิงกับราคาของบิทคอยน์ผลิตภัณฑ์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อขยายผลตอบแทน (และผลขาดทุน) เป็น 1.5 เท่า โดยมีกำหนดครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนธันวาคม 2571 และมีแผนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2568

การขยับตัวครั้งนี้เรียกเสียงวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนจากชุมชนบิทคอยน์ โดยหลายฝ่ายมองว่าเจพีมอร์แกนได้ผันตัวมาเป็น “คู่แข่งโดยตรง” กับบริษัทที่มีนโยบายถือครอง BTC เป็นทุนสำรอง (Treasury Companies) และมีแรงจูงใจแอบแฝงในการด้อยค่าบริษัทอย่าง MicroStrategy เพื่อปูทางสะดวกในการโปรโมตผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีโครงสร้างคล้ายคลึงกันของตนเอง

เอกสารข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพันธบัตรบิทคอยน์ของ JPMorgan ที่มา: JPMorgan
สมาชิกรายหนึ่งในชุมชนบิทคอยน์ระบุผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “ไมเคิล เซย์เลอร์ (ซีอีโอ MicroStrategy) เป็นผู้เปิดประตูสู่ตลาดพันธบัตรมูลค่า 300 ล้านล้านดอลลาร์ และตลาดตราสารหนี้ 145 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ตอนนี้เจพีมอร์แกนกลับกำลังจะเปิดตัวพันธบัตรที่มีบิตคอยน์หนุนหลังเพื่อมาแข่งขัน ซึ่งสถาบันการเงินกลุ่มเดิมที่เคยโจมตี MSTR ตอนนี้กำลังลอกเลียนแบบกลยุทธ์ของพวกเขาอย่างหน้าตาเฉย”

ด้าน ไซมอน ดิกสัน (Simon Dixon) ผู้สนับสนุนบิทคอยน์คนดัง ตั้งข้อสังเกตเชิงลึกว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กำลังจะมาถึงของเจพีมอร์แกนนั้น แท้จริงแล้วมีจุดประสงค์เพื่อ “กระตุ้นให้เกิดการเรียกหลักประกันเพิ่ม (Margin Calls) ในสินเชื่อที่มีบิตคอยน์ค้ำประกัน” โดยอ้างว่ากลไกนี้จะ “บีบให้เกิดแรงเทขายอย่างหนักจากบริษัทที่ถือครองบิตคอยน์ในช่วงที่ตลาดขาลง”

กระแสความไม่พอใจลุกลามไปบนแพลตฟอร์ม X โดยกลุ่มผู้คลั่งไคล้คริปโตฯ และผู้สนับสนุน MicroStrategy เริ่มออกมาเรียกร้องให้มีการ “คว่ำบาตร” เจพีมอร์แกน ด้วยการชักชวนให้เพื่อนร่วมวงการปิดบัญชีและเทขายหุ้นของธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งนี้ทิ้งเสีย

ที่มา: The Bitcoin Therapist
ข้อเสนอเปลี่ยนกฎ MSCI จุดชนวนปะทะ

คลื่นแห่งความไม่พอใจต่อเจพีมอร์แกนเริ่มก่อตัวขึ้นครั้งแรก เมื่อ MSCI (อดีต Morgan Stanley Capital International) บริษัทผู้จัดทำดัชนีราคาหุ้นระดับโลก ได้เสนอให้มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นทุนสำรอง (Treasury Companies) ถูกกีดกันออกจากการคำนวณในดัชนีของตน

ข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งมีกำหนดจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม จะห้ามไม่ให้บริษัทที่มีสินทรัพย์มากกว่า 50% อยู่ในรูปของคริปโทเคอร์เรนซี ถูกรวมเข้าไปในดัชนี โดยเจพีมอร์แกนได้นำข้อเสนอนโยบายที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงนี้มาเผยแพร่ซ้ำและขยายความในบันทึกการวิจัยเมื่อเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเปรียบเสมือนการราดน้ำมันลงบนกองเพลิง เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากชุมชน BTC และนักลงทุนของ Strategy

ขณะที่การกีดกันบริษัทที่ถือครองคริปโตฯ ออกจากดัชนีหุ้นหลักๆ จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเป็นการตัดวงจรเงินทุนไหลเข้าแบบ Passive (Passive Capital Flows) ที่บริษัทเหล่านี้ควรจะได้รับ และสถานการณ์นี้อาจบีบบังคับให้บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องเทขายการถือครองคริปโตฯ ของตนออกมา เพื่อให้มีคุณสมบัติกลับเข้าไปอยู่ในเกณฑ์ของดัชนีอีกครั้ง ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเป็นการกดดันให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาดร่วงลงต่ำไปอีก