xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.22-โมเมนตัมการแข็งค่ามีกำลังมากขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(28พ.ย.68)ที่ระดับ 32.22 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ไม่เปลี่ยนแปลง”
จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.24 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.15-32.30 บาท/ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทางในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.20-32.26 บาทต่อดอลลาร์) ท่ามกลางปริมาณการทำธุรกรรมในตลาดการเงินที่เบาบางลงจากปกติ เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดเทศกาล Thanksgiving ในฝั่งสหรัฐฯ โดยการเคลื่อนไหวของบรรดาสกุลเงินหลักยังคงสอดคล้องกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ได้ (โอกาสยังคงอยู่แถว 83%)

ทั้งนี้ ในช่วงเช้าของตลาดการเงินฝั่งเอเชีย เงินบาทพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าบ้าง ตามการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ทว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทยังคงเป็นไปอย่างจำกัดในช่วงนี้ ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์และการปรับสถานะถือครอง ช่วงปลายเดือนของผู้เล่นในตลาด

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจอาจมีไม่มากนัก ทว่า ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing and Services PMIs) ในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงติดตามการประชุมของกลุ่ม OPEC+

และนอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามพัฒนาการของสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังสหรัฐฯ ได้พยายามยุติสงครามดังกล่าวอีกครั้ง

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) มีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น ทดสอบระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ หรืออาจแข็งค่ากว่าระดับดังกล่าวได้บ้าง ในช่วงสิ้นปีนี้ หลังโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทมีกำลังมากขึ้น แต่จะเห็นได้ว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ยังคงเป็นไปอย่างจำกัด จากทั้งโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์และการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาดบางส่วน นอกจากนี้ เรายังพอเห็นแรงขายสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะบอนด์ไทยจากฝั่งนักลงทุนต่างชาติบ้าง ซึ่งอาจจำกัดการแข็งขึ้นของเงินบาทในช่วงระยะสั้นได้

นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่ปรับสถานะถือครองอย่างชัดเจน เพื่อรอรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญฝั่งสหรัฐฯ และประเทศเศรษฐกิจหลักเพิ่มเติม รวมถึงรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ อย่าง พัฒนาการของการเจรจาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยเรามองว่า อาจต้องรอลุ้นในช่วงต้นเดือนธันวาคม ที่จะมีรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐฯ รวมถึงข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ จากภาคเอกชน ทั้ง ADP และ Revelio

อนึ่ง แม้ว่าตลาดจะรับรู้รายงานดัชนี PMI ของจีน ในช่วงวันอาทิตย์นี้ แต่หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนดังกล่าว ออกมาดีกว่าคาด หรือ แย่กว่าคาด ก็อาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเงินหยวนจีน (CNY) และบรรยากาศของตลาดการเงินเอเชีย ในช่วงวันทำการของตลาดการเงินเอเชียในสัปดาห์หน้า ซึ่งก็สามารถส่งผลกระทบต่อเงินบาทได้เช่นกัน โดยหากผู้เล่นในตลาดมีความมั่นใจต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนมากขึ้น ก็อาจช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นบ้างของทั้งเงินหยวนจีนและเงินบาทได้
กำลังโหลดความคิดเห็น