xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐีคริปโตเปิดเบื้องหลังเปลี่ยนเงิน $11,000 เป็น “พันล้านดอลลาร์” ด้วยเหรียญมีม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจก เคลเวอร์ CEO of Digital Ascension Group
CEO แห่ง Digital Ascension Group เผยโลกอีกชั้นของการบริหารทรัพย์สินสำหรับเศรษฐีคริปโตตั้งแต่เหรียญมีมคอยน์สุดผันผวน จนถึงโครงสร้างการบริหารสินทรัพย์ระดับสถาบัน ที่กำลังเปลี่ยนภาพอุตสาหกรรมความมั่งคั่งโลก

ผู้จัดการความมั่งคั่งสายคริปโตเล่าเรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย นักลงทุนดัลลัสใช้เงินตั้งต้นเพียง $11,000 สร้างพอร์ตคริปโตจนพุ่งแตะ “เกือบครึ่งพันล้านดอลลาร์” จากการเทรดมีมคอยน์ ก่อนเข้าสู่วงการบริหารความมั่งคั่งแบบ RIA ผ่าน Digital Ascension Group ที่วันนี้ดูแลสินทรัพย์คริปโตรวมกว่า $1 พันล้านดอลลาร์โดยใช้ระบบคัสโตเดียนระดับสถาบันและโครงสร้างการบริหารความเสี่ยงเต็มรูปแบบ

จากเหรียญมีมสู่ความมั่งคั่งพันล้าน บทพิสูจน์โลกคริปโตที่สร้างเศรษฐีรุ่นใหม่

เจก เคลเวอร์ ซีอีโอแห่ง Digital Ascension Group เล่าถึงลูกค้าชายรายหนึ่งจากดัลลัส ผู้ซึ่งเริ่มต้นการลงทุนด้วยเงินเพียง 1.1 หมื่นดอลลาร์ แต่สามารถเปลี่ยนเป็นมูลค่าเกือบ $500 ล้าน ได้ด้วยการเทรดเหรียญมีม ซึ่งเป็นโทเคนที่มีความผันผวนอย่างสุดโต่ง

นักลงทุนรายนี้ใช้ sniper bot ซึ่งเป็นบ็อตอัตโนมัติที่ซื้อขายโทเคนใหม่ในเสี้ยววินาทีจนทำกำไรอย่างมหาศาล ก่อนที่เคลเวอร์ จะชักชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมของสำนักงานบริหารความมั่งคั่ง (RIA) และจัดสรรบางส่วนของพอร์ตเข้าสู่เหรียญหลักอย่าง XRP ซึ่งท้ายที่สุดทำผลตอบแทนมากกว่า 6 เท่า

ช่องว่างคำปรึกษาในโลกคริปโต จุดตั้งต้นของอาณาจักร Digital Ascension

ก่อนจะก่อร่าง Digital Ascension ขึ้นเคลเวอร์ เผชิญปัญหาเดียวกับเศรษฐีคริปโตจำนวนมากที่ไม่มีที่ปรึกษาที่เข้าใจการวางโครงสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแท้จริง ตั้งแต่

การจัดการภาษี การวางแผนมรดก การสืบทอดสินทรัพย์ ไปจนถึงการปกป้องความมั่งคั่งระยะยาว

อย่างไรก็ตามเมื่อสำรวจตลาด เขาพบว่าไม่มีบริการใดในโลกที่เป็น wealth management แบบดั้งเดิม ที่ตอบโจทย์ผู้ถือครองคริปโตระดับ HNW - UHNW เขาจึงก่อตั้ง Digital Ascension ซึ่งภายในเวลาเพียงหนึ่งปี โดยสามารถดูแลสินทรัพย์คริปโตรวมกว่า $1 พันล้าน จากทั้งเจ้าของครอบครัวระดับมั่งคั่งสูงกว่า 10 กลุ่ม และลูกค้าทั่วไปอีกกว่า 1,500 รายซึ่งมีพอร์ตตั้งแต่ $500,000 ถึง $5 ล้าน

“เราเติบโตจากศูนย์สู่พันล้านดอลลาร์ในหนึ่งปี ผมมั่นใจว่าเราคือ RIA ด้านคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้” เคลเวอร์ระบุ

บริการ ‘Private Banking เวอร์ชันคริปโต’ ครบตั้งแต่ภาษี มรดก ยันการจัดสรรเหรียญ

Digital Ascension ให้บริการทุกอย่างที่สำนักงานครอบครัวชั้นนำพึงมี แต่ปรับให้สอดคล้องกับโลกสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น วางแผนภาษีและบัญชี บริหารมรดกและทรัสต์ ระบบจ่ายบิล จัดสรรพอร์ตคริปโตพร้อมกำกับความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ

ทั้งหมดดำเนินการบนโครงสร้างที่เป็นทางการ โปร่งใส และอยู่ภายใต้การกำกับดูแล ไม่ใช่ DeFi ไม่ใช่ cold wallet ที่ต้องจด seed phrase ลงกระดาษแล้วหวังว่าจะไม่หาย

หัวใจของบริการคือ คัสโทเดียนระดับสถาบันของ Anchorage Digital ซึ่งถูกเลือกให้ดูแลสินทรัพย์ของกองทุน ETF คริปโตของ BlackRock ด้วย

“ด้วยโครงสร้าง sub-account ของ Anchorage ลูกค้าไม่ใช่เจ้าหนี้ของเรา แต่เป็นเจ้าของสินทรัพย์โดยตรงเหมือนบัญชี Schwab เวอร์ชันคริปโต” เคลเวอร์ กล่าว

ด้วยโครงสร้างนี้ ลูกค้าสามารถตั้งผู้รับผลประโยชน์, ผู้อนุมัติหลายชั้น, หรือทรัสตีที่มีอำนาจจำกัด เพื่อสร้างระบบการบริหารสินทรัพย์ที่ซับซ้อนและปลอดภัยกว่า cold wallet

โลกคริปโตสร้างเศรษฐีหน้าใหม่รวดเร็วความต้องการคำปรึกษามาตรฐานสูงกำลังพุ่งขึ้น

แม้สินทรัพย์ดิจิทัลจะผันผวนรุนแรง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าได้สร้างความมั่งคั่งมโหฬารในแต่ละวัฏจักร โดยงานศึกษาชี้ว่าจำนวนคริปโตมิลเลียนแนร์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 40% ในปี 2568

ขณะเดียวกัน งานสำรวจโดย Avaloq พบว่าเศรษฐีจำนวนมากเริ่มกดดันผู้ให้บริการความมั่งคั่งแบบเดิมให้เพิ่มบริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะใน UAE ที่ 63% ของ UHNW กำลังพิจารณาเปลี่ยนที่ปรึกษา เพราะบริการเดิมตามไม่ทันคริปโต

ลูกหลานเศรษฐีคือผู้นำเทรนด์ผลักดันครอบครัวเข้าสู่โลกสินทรัพย์ดิจิทัล

เคลเวอร์ ระบุว่า ผู้ที่ติดต่อบริษัทก่อนมักเป็นทายาทรุ่นสองและรุ่นสามของครอบครัวมั่งคั่งขณะที่คนรุ่นที่โตมากับอินเทอร์เน็ตและคริปโต ชินกับการซื้อโทเคนบน Coinbase หรือ Binance ผ่านมือถือ

หลังจากสนใจผ่านคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียของบริษัท พวกเขาจะพาผู้ปกครองเข้ามาปรึกษา

“ผมต้องอธิบายให้ผู้ก่อตั้งตระกูลเข้าใจว่านี่คือวิวัฒนาการถัดไปของอินเทอร์เน็ต และหลายโปรโตคอลจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะในอนาคต รวมถึงบทบาทของคริปโตในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ต”

มักจะมีการอนุมัติเงินจำนวนหนึ่งตั้งแต่ไม่ถึง 1% ของพอร์ตให้ลูกหลานทดลองลงทุนในเหรียญหลัก เช่น Bitcoin, Ethereum, SOL, Matic, Chainlink, XRP, XLM, HBAR เป็นต้น

อย่างไรก็ตามหากครอบครัวถือเหรียญอยู่แล้วแต่ไม่มีแผน succession หรือระบบคุ้มครอง พวกเขาจะย้ายสินทรัพย์เข้าสู่โครงสร้างคัสโทเดียนแบบสถาบันเพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้น

เมื่อเงินถึงระดับ “สิบ-ร้อยล้านเหรียญ” กฎของความเสี่ยงก็เปลี่ยนไป

เคลเวอร์ ทิ้งท้ายว่า โลกคริปโตได้เปลี่ยนไปจากยุคเสรีชนบิทคอยน์รุ่นแรกอย่างสิ้นเชิงไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่รวมถึงโครงสร้างประชากรผู้ถือครอง

“ถ้าคุณมีคริปโตสองสามแสน หรือไม่กี่ล้าน คุณอาจโอเคกับการถือความเสี่ยงเหมือนซ่อนเงินสดไว้ใต้ที่นอน แต่ถ้ามันกลายเป็นยี่สิบ ห้าสิบ หรือร้อยล้านเหรียญมันเป็นเรื่องคนละแบบกันเลย”

ตลาดคริปโตกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ ยุคที่เศรษฐีต้องการบริการระดับสถาบัน และอุตสาหกรรม wealth management ต้องเร่งปรับตัวเพื่อไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง.