xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนี Fear Index ดิ่งนรกเหลือ 11 จุด ฉุดบิทคอยน์ร่วงหนัก-อัลต์คอยน์ทรุดตาม กูรูเตือนนักลงทุนอย่าเพิ่งช้อนซื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วิกฤตศรัทธาสะเทือนกระดานเทรดทั่วโลก หลังดัชนีชี้วัดอารมณ์ตลาดดิ่งแตะจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11 จุด สะท้อนภาวะ “กลัวขีดสุด” บิทคอยน์ทิ้งตัวรุนแรง 7.5% หลุดแนวรับจิตวิทยาลงมาป้วนเปี้ยนแถว 83,000 ดอลลาร์ เซ่นพิษแรงขายบังคับและสภาพคล่องหดหาย ขณะที่ปัจจัยมหภาคยังกดดันหนัก ส่งผลอัลต์คอยน์ตัวเป้ง BNB-SOL-ADA ร่วงระนาว กูรูส่งสัญญาณเตือน “ยังไม่ใช่เวลาช้อน” แนะนักลงทุนตั้งการ์ดสูง ถือเงินสดรอฟ้าเปิด ชี้ตราบใดที่พี่ใหญ่ยังไร้เสถียรภาพ ฤดูกาลแห่งความมั่งคั่งยังคงริบหรี่

บรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลวันนี้ ถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกแห่งความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เมื่อดัชนี CMC Crypto Fear and Greed Index ซึ่งเปรียบเสมือนปรอทวัดไข้ตลาด ได้ดำดิ่งลงแตะระดับ 11 จุด สร้างสถิติต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีการเปิดใช้งานดัชนีอย่างเป็นทางการ ตัวเลขดังกล่าวไม่ใช่แค่สถิติ แต่คือสัญญาณเตือนภัยระดับสีแดงเข้มที่บ่งบอกว่า ความเสี่ยงในตลาดได้หดตัวลงอย่างรุนแรง จนแทบไม่เหลือแรงซื้อหน้าใหม่ (Fresh Capital) เข้ามาพยุงราคา

สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายเมื่อ “ราชาคริปโต” อย่างบิทคอยน์ (BTC) ไม่สามารถรักษาฐานที่มั่นเหนือระดับหกหลักไว้ได้ โดยราคาทรุดฮวบลงมาเคลื่อนไหวในกรอบอันตรายบริเวณ 83,000 – 84,000 ดอลลาร์ การร่วงลงครั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากมหกรรม “ล้างพอร์ต” (Forced Liquidation) ของนักเก็งกำไรฝั่งขาขึ้น (Long) จำนวนมหาศาล ผสมโรงกับข้อมูล Funding Rate ที่พลิกกลับมาติดลบ ซึ่งตอกย้ำภาพการ “ลดเลเวอเรจ” (Deleveraging) แบบหนีตายกันจ้าละหวั่นทั่วทั้งกระดาน

ผ่าโครงสร้างวิกฤต "บิทคอยน์เสียศูนย์ ขุดบ่อล่อปลาหรือสัญญาณล่มสลาย?"

สิ่งที่น่าจับตามองคือ แรงเทขายมหาศาลที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้ ไม่ได้มีต้นตอมาจากความล้มเหลวของเทคโนโลยีหรือพื้นฐานโปรโตคอลของบิทคอยน์แต่อย่างใด ทว่ามันคือภาพสะท้อนของ “ความเปราะบางทางเศรษฐกิจมหภาค” และความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย ตั้งแต่สัญญาณเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ไปจนถึงทิศทางดอกเบี้ยที่ยัง “ลูกผีลูกคน”

การดิ่งลงกว่า 7.5% ภายในระยะเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ถือเป็นอาฟเตอร์ช็อกจากการปรับฐานที่ลากยาวมาตั้งแต่ช่วงทำจุดสูงสุดในเดือนตุลาคม โดยมีแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนสถาบัน และการเร่งปิดสถานะของรายย่อยเพื่อบริหารความเสี่ยง (Risk Management) เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา

ตัวเลขดัชนีความกลัวที่ระดับ 11 จุด คือหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า “ความเชื่อมั่น” ของผู้เล่นในตลาดแทบจะพังทลาย กลไกตลาดจึงหมุนเข้าสู่โหมดปลอดภัย (Safe Haven) เงินทุนถูกดึงออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่การถือครองเงินสด ซึ่งเมื่อบิทคอยน์เสียสมดุล ย่อมส่งผลให้สินทรัพย์ดิจิทัลทางเลือก (Altcoins) ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ และยิ่งในสภาวะที่ Sentiment ตลาดถูกปิดสวิตช์เช่นนี้ โอกาสที่อัลต์คอยน์จะดีดตัวสวนกระแสจึงแทบเป็นศูนย์

อัลต์คอยน์ “ยกธงขาว” ร่วงยกแผงตามแรงโน้มถ่วง

แรงสั่นสะเทือนจากพี่ใหญ่ส่งผลกระทบแบบโดมิโนทันที โดยเฉพาะเหรียญระดับบิ๊กแคป อย่าง Binance Coin (BNB) ประคองตัวไม่อยู่ หล่นมาซื้อขายแถว 821 ดอลลาร์ ขณะที่ Solana (SOL) ดาวรุ่งที่เคยร้อนแรง ร่วงหลุดแนวรับสำคัญต่ำกว่า 126 ดอลลาร์ ด้าน Cardano (ADA) เองก็ทรุดหนักลงไปแตะระดับ 0.404 ดอลลาร์

ในบางช่วงของการซื้อขาย มูลค่าของเหรียญเหล่านี้หายไปถึงกว่า 12% แม้ระบบสภาพคล่องบนเชนจะยังทำงานได้ปกติ แต่ทิศทางคำสั่งซื้อขาย (Order Flow) เทน้ำหนักไปทางฝั่งขายอย่างชัดเจน นี่ไม่ใช่ความล้มเหลวของโปรเจกต์ แต่เป็นเหยื่อของ “วัฏจักรหมี” ที่เมื่อความเสี่ยงถูกบีบคั้น พื้นที่สำหรับสินทรัพย์รองย่อมถูกกำจัดทิ้งเป็นลำดับแรก

เจาะลึก 5 ปัจจัย เบื้องหลัง “ซีซันอัลต์คอยน์แห่งความตาย”

นักวิเคราะห์ระดับแถวหน้าประเมินว่า การถดถอยของตลาดครั้งนี้เกิดจาก “พายุที่สมบูรณ์แบบ” (Perfect Storm) ของปัจจัยลบ 5 ประการ ได้แก่

1.โมเมนตัมมอดดับ : การกลับตัวลงของบิทคอยน์จากยอดดอยล่าสุด ทำลายความฮึกเหิมของนักล่ากำไร

2.ทุนไหลออก : เม็ดเงินมหาศาลไหลออกจากผลิตภัณฑ์ Spot BTC ETF ลดทอนแรงซื้อค้ำจุนที่เคยแข็งแกร่ง


3.ความเสี่ยงโลก : ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก บีบให้นักลงทุนจำกัดความเสี่ยง (Risk-off)


4.นโยบายการเงิน : ความคลุมเครือเรื่องดอกเบี้ย ทำให้การถือเงินสด (Cash is King) กลายเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด


5.กับดักเลเวอเรจ : ภาวะกู้ยืมมาเทรดที่สูงเกินลิมิตในช่วงก่อนหน้า ทำให้เกิดโดมิโนเอฟเฟกต์จากแรงขายบังคับได้ง่าย



ตลาดยังไม่เห็นแสงสว่าง ปลายทางยังต้องรอ

สภาวะการณ์ปัจจุบันผลักดันให้ผู้เล่นในตลาดต้องปรับกลยุทธ์เข้าสู่โหมด “ตั้งรับเต็มรูปแบบ” (Deep Defense) ด้วยการลดพอร์ต ปิดสถานะความเสี่ยง และโยกเงินสดรอจังหวะ

เม็ดเงินก้อนใหม่ (Smart Money) มักจะไม่กระโจนเข้าใส่ในวันที่ดัชนีความกลัวแตะระดับต่ำสุด แต่จะรออยู่ข้างสนาม (Sideline) จนกว่าฝุ่นจะจางและเห็นสัญญาณเสถียรภาพที่ชัดเจน ทั้งจากราคาบิทคอยน์ วอลุ่มการซื้อขาย และความชัดเจนจากนโยบายการเงินสหรัฐฯ

ดังนั้น จนกว่าจะถึงจุดนั้น ตลาดคริปโตจะยังคงจมอยู่ในฤดูหนาวแห่งความหวาดกลัว และพึงระลึกไว้เสมอว่า “บิทคอยน์” ยังคงเป็นวาทยกรผู้กำหนดจังหวะชีพจรของทั้งระบบนิเวศอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง