บิทคอยน์ ดิ่ง 12% แตะระดับราว 91,600 ดอลลาร์ ฉุดมูลค่าพอร์ตของ Strategy และหุ้น MSTR ร่วงตาม กระแสตั้งคำถามว่าการไหลบ่าของเงินสถาบันทำให้ความผันผวนรุนแรงขึ้นหรือไม่ แต่ ไมเคิล เซย์เลอร์ ออกโรงโต้ทันควัน ชี้ความผันผวนลดลงต่อเนื่องเมื่อเทียบยุคก่อน พร้อมย้ำระบบของบริษัท “รับแรงกระแทก 80-90% ได้โดยไม่สะเทือน” ขณะที่กระแสเทขาย ETF กระหน่ำกว่า 254 ล้านดอลลาร์ในวันเดียว ดันนักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่ติดดอยครั้งแรกของปี
Saylor โต้เดือด-ยันวอลล์สตรีทไม่ได้เพิ่มความผันผวน แต่บิทคอยน์แข็งกว่าเดิม
ไมเคิล เซย์เลอร์ ประธานบริหารของ Strategy ออกโรงตอบโต้กระแสวิจารณ์ที่ระบุว่าการเข้ามาของผู้เล่นวอลล์สตรีททำให้ความผันผวนของบิทคอยน์รุนแรงขึ้น โดยยืนยันว่าโครงสร้างราคาของสินทรัพย์กลับ "นิ่งขึ้น" เมื่อเทียบกับช่วงก่อนปี 2563 แม้ระดับการถือครองจากสถาบันจะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
“เรากำลังเผชิญความผันผวนน้อยลงเรื่อย ๆ” ไมเคิล เซย์เลอร์ ให้สัมภาษณ์กับ Fox Business ระหว่างที่บิทคอยน์ อยู่ในช่วงแรงเทขายต่อเนื่อง พร้อมย้ำว่าบิทคอยน์ ในปี 2568 แข็งแรงกว่าเมื่อครั้ง Strategy เริ่มเข้าซื้อในปี 2563 อย่างเทียบไม่ติด
บิทคอยน์ร่วง 12% สูญกำไรทั้งปี แต่เซย์เลอร์ ยังมั่นใจเต็มร้อย
ราคาบิทคอยน์ร่วงเกือบ 12% ภายในหนึ่งสัปดาห์ สู่ระดับราว 91,616 ดอลลาร์ ลบกำไรสะสมตั้งแต่ต้นปีจนหมดสิ้น ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap
เซย์เลอร์ เปิดเผยว่าในปี 2563 บิทคอยน์เคยมีค่าความผันผวนรายปีสูงถึง 80% แต่ปัจจุบันลดลงมาอยู่ราว 50% และเชื่อว่าความผันผวนจะค่อย ๆ ลดลง จนเหลือเพียง 1.5 เท่าของดัชนี S&P 500 ในอนาคต ขณะผลตอบแทนก็จะยังเหนือกว่าในอัตราเดียวกัน
“บิทคอยน์แข็งแกร่งกว่าที่เคย” เขาย้ำ แม้ราคาในตลาดจะเผชิญภาวะกดดันหนักก็ตาม
Strategy ถือ 649,870 BTC แต่มูลค่าลดลง - หุ้น MSTR ร่วง 11.5% ใน 5 วัน
ข้อมูลจาก SaylorTracker ระบุว่า Strategy ครอบครองบิทคอยน์ 649,870 BTC คิดเป็นมูลค่าราว 59.59 พันล้านดอลลาร์ ณ เวลารายงาน แต่ความผันผวนของตลาดได้กดค่า mNAV ของบริษัทลงเหลือ 1.11 เท่า จากจุดสูงสุดที่ 1.52 เท่าเมื่อบิทคอยน์ทำจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 125,100 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม
หุ้น MSTR ซึ่งมักเคลื่อนไหวตามบิทคอยน์ปรับตัวลงอย่างหนัก โดยปิดตลาดวันอังคารที่ 206.80 ดอลลาร์ ลดลง 11.50% ภายในห้าวันทำการ ตามข้อมูลจาก Google Finance
อย่างไรก็ดี เซย์เลอร์ กลับไม่แสดงอาการกังวลแม้แต่น้อย พร้อมประกาศว่า “บริษัทถูกออกแบบมาให้รับการดิ่งลง 80–90% โดยยังคงเดินหน้าได้ เราแทบจะทำลายไม่ได้”
นักเทรดอาวุโสเตือน "เสี่ยงทรุดหนัก" หากกราฟเดินตามรอยฟองสบู่ถั่วเหลืองปี 1970
ปีเตอร์ เบรนด์ นักเทรดชื่อดังออกโรงเตือนว่า Strategy อาจ “ลงน้ำ” หากกราฟราคาบิทคอยน์ดำเนินรอยตามรูปแบบฟองสบู่ถั่วเหลืองในยุค 1970 ซึ่งเขานำมาเปรียบเทียบหลายครั้ง แต่เซย์เลอร์ ยังเพิกเฉยต่อคำเตือน พร้อมยืนยันว่าทิศทางระยะยาวของบิทคอยน์ไม่ได้สั่นคลอนแม้อยู่ในภาวะปรับฐาน
บิทคอยน์ร่วงหลุด $90,000 - นักลงทุน ETF ติดลบครั้งแรกของปี
ในอีกด้านของตลาดบิทคอยน์ร่วงหลุดระดับ 90,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนเมษายน ส่งผลให้กำไรของนักลงทุน ETF ตลอดปี 2568 ถูกลบจนหมด และทำให้ต้นทุนถัวเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนักของผู้ถือ ETF (flow-weighted cost basis) อยู่ที่ราว 89,600 ดอลลาร์ กลายเป็นระดับ “ติดลบ” ครั้งแรก
แรงเทขายยังเร่งตัวในตลาด ETF โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่มีกระแสเงินไหลออกกว่า 254 ล้านดอลลาร์จากกองทุนบิทคอยน์สหรัฐ นำโดยการไถ่ถอนจำนวนมากจาก IBIT ของ BlackRock และ GBTC
แรงกดดันลามทั้งตลาด - Bitcoin dominance ร่วงต่ำกว่า 60%
ความปั่นป่วนของตลาดไม่ได้จำกัดเฉพาะบิทคอยน์โดย Bitcoin dominance ร่วงลงต่ำกว่า 60% ขณะที่ Ether ดิ่งต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ และกลุ่มอัลท์คอยน์ชั้นนำอย่าง XRP, BNB และ Solana ปรับตัวลงสูงสุดถึง 5.6% สะท้อนสัญญาณความตึงเครียดในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งกระดาน
แม้สถานการณ์จะตึงตัว แต่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งยังมองว่าภาวะนี้คือ “จังหวะสะสม” หากบิทคอยน์สามารถรักษาโครงสร้างแนวรับสำคัญไว้ได้ ขณะที่ปัจจัยสถาบันยังคงมีบทบาทสำคัญต่อทิศทางระยะกลางถึงยาว


