xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าบาทเปิดที่ 32.46-แนวโน้มผันผวนสูงตามคาดการณ์ดอกเบี้ยเฟด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.10-32.75 บาท/ดอลลาร์ และกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.35-32.60 บาท/ดอลลาร์ จากระดับเปิดเช้านี้ (17พ.ย.68)ที่ 32.46 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์สัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงบ้าง เข้าใกล้โซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 32.36-32.48 บาทต่อดอลลาร์) ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยเฉพาะในการประชุม FOMC เดือนธันวาคมนี้

อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็เคลื่อนไหวผันผวนสูง ตามเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่มีจังหวะแข็งค่าขึ้นเร็ว จากโซน 154.70 เยนต่อดอลลาร์ สู่โซน 153.60 เยนต่อดอลลาร์ หลังบรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ก่อนที่เงินเยนญี่ปุ่นจะทยอยอ่อนค่าลง กลับสู่โซน 154.70 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง ตามการทยอยเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งต่างก็รอลุ้นรายงานผลประกอบการของหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Nvidia ที่จะรับรู้ในวันพุธที่ 19 พฤศจิกายน นี้

อนึ่ง เงินบาทเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมบ้าง ตามจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำ (XAUUSD) หนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ทว่า แรงขายเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาด ยังคงช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท ทำให้เงินบาทยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านได้อย่างชัดเจน

สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงบ้าง แต่เงินบาทก็อ่อนค่าลงเล็กน้อย ตามแรงขายหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงจังหวะย่อตัวลงของราคาทองคำ

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอลุ้น ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของประเทศเศรษฐกิจหลัก และอัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทย ไตรมาส 3 พร้อมรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด

สำหรับ แนวโน้มเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) มีแนวโน้มผันผวนสูงขึ้นและเผชิญความเสี่ยง Two-Way Risk (พร้อมเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง) ไม่ต่างกับเงินดอลลาร์ ขึ้นกับการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งต้องรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศออกมา หลังภาวะ US Government Shutdown ได้สิ้นสุดลง อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจมีจังหวะอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านได้บ้าง หลังโมเมนตัมการอ่อนค่ามีกำลังมากขึ้นบ้าง ทว่าการอ่อนค่าของเงินบาทอาจค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์จากผู้เล่นในตลาด และหากประเมินจากสถานะถือครอง รวมถึงสัญญาณจาก 1-month Risk-Reversals ในตลาด Options ก็สะท้อนว่า ผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยปรับลดมุมมองเชิงลบต่อเงินบาท (หรือมองเงินบาทอ่อนค่าลง) ทำให้อาจเห็นพฤติกรรม Sell USDTHB on Rally (หรือ Buy THB on Dip) ซึ่งจะจำกัดการอ่อนค่าของเงินบาทได้ อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายปีนี้ จนถึงครึ่งแรกของปีหน้า เรายังคงมองว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ ตามสัญญาณการชะลอตัวลงการจ้างงานที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้เงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงบ้างและช่วยหนุนการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ซึ่งจะได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวอยู่แล้วในช่วงปลายปี (ปัจจัย Seasonality) ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำและฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่อาจส่งผลกระทบต่อเงินบาทได้พอสมควร

และหากอ้างอิงกลยุทธ์ Trend-Following เรามองว่า เงินบาทจะกลับเข้าสู่แนวโน้มอ่อนค่า อีกครั้ง เมื่อเงินบาทอ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้าน 32.65 บาทต่อดอลลาร์ (หรือปรับตัวขึ้นเหนือโซนเส้นค่าเฉลี่ย 30 สัปดาห์) ได้อย่างชัดเจน

ในส่วนของเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์เสี่ยงผันผวนสูงและเผชิญ Two-Way risk ตามการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หลังรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางเงินปอนด์อังกฤษและเงินเยนญี่ปุ่น ที่จะผันผวนไปตามการปรับมุมมองต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ BOE และ BOJ
กำลังโหลดความคิดเห็น